ตอนที่ 3093 พลังสายเลือดระดับโกลาหล!

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตูม!

เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วทั้งมิติของหมอกเลือดนี้

จุดที่เย่หยวนเคยยืนอยู่นั้นมันหายไปไม่เหลือแม้แต่เศษดิน

คลื่นพลังสายเลือดทั้งสี่เองก็จางหายไปภายใต้พลังการโจมตีของคนทั้งสามนั้น

ฉือชางได้แต่ต้องถอนหายใจยาวออกมา “ข้าไม่นึกเลยว่าการสังหารมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์คนหนึ่งกลับต้องให้ข้าได้ใช้เทพโลหิตพิโรธออกมา! เท่านี้หากไม่ได้พักรักษาตัวสักพันปีข้าก็คงไม่อาจจะฟื้นกลับไปยืนอยู่ในจุดเดิมได้!”

ส่วนพวกเยียวเลอและเหมิงจินนั้นเองก็มีคลื่นพลังเบาบางลงอย่างมาก อ่อนแอกว่าก่อนหน้าอย่างไม่อาจเทียบ

การโจมตีสุดท้ายนี้มันกินพลังพวกเขาไปอย่างมากเช่นกัน

“โชคยังดีที่งานครั้งนี้ถือว่าสำเร็จไปได้แล้ว! เผ่าเลือดของเรานั้นสามารถกำจัดหายนะที่พร้อมจะแทงทิ่มพวกเราได้เสียที!” เหมิงจินถอนหายใจยาวกล่าวออกมา

ก่อนหน้านี้พวกเขาย่อมจะไม่คิดยอมรับว่ามหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ตัวน้อยคนหนึ่งจะเป็นหายนะให้แก่เผ่าเลือดได้ต่อให้จะเป็นยอดอัจฉริยะที่ถูกตราหน้าว่าเป็นสัตว์ประหลาดแค่ไหนก็ตาม

แต่ตอนนี้พวกเขานั้นได้แต่ต้องชื่นชมความรอบคอบของบรรพบุรุษและอี้เฉียนั้น

ฉือชางนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางระแวง “เหมิงจิน เจ้าเข้าไปตรวจดูหน่อย!”

เหมิงจินพยักหน้ารับก่อนจะเดินผ่านม่านหมอกเลือดไป

แต่ในเวลานั้นเองที่มันเกิดเรื่องผิดปกติขึ้น

เพราะหมอกเลือดนั้นมันกลับค่อยๆ หมุนวนจนกลายเป็นเหมือนพายุ

จากนั้นพายุหมุนมันก็ค่อยๆ ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ

พริบตาเดียวนั้นพายุหมุนหมอกเลือดมันก็ทำให้ทั้งมหาค่ายกลโลหิตเมฆาเข้าสู่ความปั่นป่วน

เวลานี้แสงสีแดงเลือดมากมายมันถูกกลืนเข้าไปในพายุนั้น

ฉือชางนั้นต้องเบิกตากว้างร้องขึ้น “นี่มัน…เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นอีก?”

เยียวเลอได้แต่ต้องร้องลั่นขึ้นอย่างตกตะลึง “พลังของมหาค่ายกลโลหิตเมฆานั้นมันกำลังถูกดึงออกไป! หรือว่าเจ้าเด็กนั่นจะยังไม่ตาย?”

พูดยังไม่ทันขาดคำนั้นมันก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากตาพายุ และมันจะเป็นใครไปได้นอกจากเย่หยวน?

มิใช่เพียงแค่ว่าเย่หยวนจะยังไม่ตาย แต่ตอนนี้พลังของเขามันกลับกำลังพุ่งทะยานขึ้นอย่างไม่มีท่าทีจะหยุดลง!

ฉือชางนั้นต้องอ้าปากค้างร้องลั่นขึ้น “นี่…นี่มันกำลังจะบรรลุหรือ? มันกำลังกลืนกินพลังงานของมหาค่ายกลโลหิตเมฆา? บ…บ้าเรอะ?”

พลังงานเลือดนั้นมันไม่มีทางถูกเผ่าอื่นเอาไปใช้งานได้

เพราะหากคนเผ่าอื่นคิดดูดกลืนพลังงานเลือดเข้าไปแล้วมันมีแต่จะทำให้รากฐานการบ่มเพาะของพวกเขาเสียหายถูกกัดกร่อนและนอกจากจะบรรลุไม่ได้แล้ว พวกเขายังจะไม่อาจบ่มเพาะได้อีกต่อไปด้วย

แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับกำลังกลืนกินพลังงานเลือดไปหน้าตาเฉย!

ภายในพายุใหญ่นั้นเย่หยวนยิ้มกล่าวขึ้นมา “เต๋าแห่งเลือดนั้นคือยอดเต๋า มันมิใช่สิ่งที่พิเศษเฉพาะเผ่าเลือดพวกเจ้าเสียหน่อย! สายเลือดทั้งสี่ของข้านั้นเพิ่งบรรลุระดับโกลาหลมาได้กำลังต้องการพลังงานเลือดหล่อเลี้ยงพอดี ขอบคุณพวกเจ้ามาก! อี้เฉียมันคิดวางแผนสังหารข้า คงคิดไม่ถึงสิว่าแผนของมันกลับจะกลายเป็นของขวัญให้ข้าเช่นนี้?”

พวกฉือชางทั้งสามนั้นใจหายวาบไปทันทีที่ได้ยิน

เพราะเจ้าบ้านี่กำลังใช้เลือดที่พวกเขาเก็บมาอย่างยากลำบากนั้นบ่มเพาะเพิ่มพลังให้ตัวเอง!

ตอนนี้เงาร่างของสี่ภูตแท้อันน้อยกำลังหมุนวนอยู่ตรงหน้าเย่หยวนอย่างไม่มีหยุด กลืนพลังงานเลือดเข้าไปอย่างหิวโหย

พลังงานเลือดที่ถูกดูดกลืนเข้ามานั้นมันถูกส่งต่อไปยังร่างทั้งสี่นั้นโดยตรง!

และพร้อมๆ กันนั้นคลื่นพลังของเย่หยวนก็พุ่งทะยานขึ้น

“เราจะให้มันบรรลุไม่ได้! สังหารมัน!”

ฉือชางนั้นรู้ดีว่าเรื่องนี้คงไม่ดีแล้วจึงคิดใช้เทพโลหิตพิโรธออกมาอีกครั้งทันที!

แม้ว่าเยียวเลอและเหมิงจินนั้นจะอ่อนแรงไปมากแต่พวกเขาก็ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนั้นแล้วเช่นกัน พลังคลื่นกำเนิดปะทุขึ้นมาจากร่างของพวกเขาและพุ่งตัวเข้าใส่เย่หยวนอย่างไม่คิดชีวิต

เว้นเสียแต่ว่าพลังนี้มันอ่อนแอกว่าการโจมตีผสานก่อนหน้ามากมายนัก

เย่หยวนยิ้มกล่าวขึ้น “แม้แต่ไม้ตายตอนที่พวกเจ้าสมบูรณ์ดียังสังหารข้าไม่ได้ มันจะไม่น่าขำไปหน่อยหรือที่จะมาสังหารข้าตอนนี้? แต่ก็ดี เพราะข้าจะได้ลองพลังสายเลือดระดับโกลาหลกับพวกเจ้าด้วย!”

ในพายุหมอกเลือดนั้นเย่หยวนปลดปล่อยพลังออกมา!

แต่ครั้งนี้พลังสายเลือดของเขามันทำให้ทั้งห้วงมิติสั่นไหว!

สายเลือดระดับโกลาหลนั้นมันรุนแรงล้ำ ไหนจะยังเรื่องที่ว่านี่มันมีถึงสี่สายเลือดด้วยกัน หากวัดกันด้วยพลังแล้วมันคงไม่ได้ด้อยไปกว่าศิลาโลหิตโกลาหลเลย

สิ่งที่เย่หยวนยังไม่มีนั้นมันก็แค่ระดับความเข้าใจ!

แต่รับมือพวกฉือชางทั้งสามนั้นมันยังมากเกินพอ!

พลังสายเลือดทั้งสี่นั้นค่อยๆ ไหลไปรวมกันที่หมัดของเย่หยวน

เย่หยวนต่อยหมัดสวนคนทั้งสามออกไปพร้อมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่รุนแรงกว่าก่อนหน้าหลายเท่าตัว!

ฉือชางนั้นสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอย่างที่ไม่อาจจะหายใจได้ตั้งแต่หมัดนั้นยังมาไม่ถึง

“สี่สายเลือด…สู่เทพเซียน!”

หมัดนี้เล็งเป้าที่เหมิงจิน

เหมิงจินนั้นรู้สึกเหมือนโลกจะแตกสลายลงต่อหน้าหมัดนี้!

ไม้ตายที่เขาใช้ออกมานั้นมันอ่อนแอไร้พลังใดๆ ต่อหน้าหมัดของเย่หยวน

ตูม!

เสียงระเบิดดังขึ้น

ร่างของเหมิงจินนั้นหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ทันที

เขานั้นถูกพลังศักดิ์สิทธิ์นี้เป่าจนไม่เหลือไม่แต่ซาก!

ส่วนฉือชางและเยียวเลอนั้นเองก็ถูกแรงกระแทกส่งร่างปลิวออกไปไกล

ไม้ตายใดๆ ของพวกเขามันช่างไร้พลัง!

ฉือชางและเยียวเลอนั้นมองดูหน้าเย่หยวนพร้อมๆ กันด้วยความหวาดกลัว

พลังนี้มันจะไม่รุนแรงเกินไปหรือ?

หากหมัดนี้ถูกต่อยออกมาโดยเจ้าโลกนั้นพวกเขาจะยังพอรับได้

แต่เย่หยวนนั้นเป็นแค่มหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์!

สายเลือดระดับโกลาหลนั้นน่ากลัวยิ่งนัก!

สังหารเจ้าโลกลงด้วยหมัดเดียวนั้นมันย่อมจะเป็นสิ่งที่แม้แต่เจ้าโลกทั่วๆ ไปยังทำไม่ได้!

เพราะเจ้าโลกเผ่าเลือดนั้นขึ้นชื่อเรื่องความถึกทน

พวกเขานั้นมีพลังชีวิตที่เหนือล้ำกว่าเผ่าเลือดระดับมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ไปสิ้นเชิง!

คิดอยากจะสังหารเจ้าโลกเผ่าเลือดลงนั้นมันย่อมจะเป็นเรื่องที่แทบไม่มีทางทำได้

แต่เย่หยวนกลับทำได้!

วินาทีนี้คนทั้งสองไม่กล้าจะเข้ามาใกล้เย่หยวนอีกต่อไป

แต่พวกเขาก็ไม่อาจจะหนีออกไปจากมหาค่ายกลโลหิตเมฆาได้เช่นกัน!

มันเป็นสภาพที่น่าอึดอัดนัก

เมื่อเย่หยวนบรรลุขึ้นนำไปเสร็จสิ้นแล้ว เขาคงสามารถสังหารพวกเขาลงอย่างไม่ต้องขยับมือด้วยซ้ำ

มันเหมือนพวกเขานั้นกำลังนั่งรอเพชฌฆาตมาตัดหัว

มันมีแต่ความสิ้นหวังในหัวใจ

เย่หยวนนั้นยกมือขึ้นมามองดูอย่างพึงพอใจ

ความรุนแรงของพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นมันเหนือล้ำกว่าคลื่นกำเนิดใดๆ

เพราะนี่มันคือพลังที่มาจากหลังประตูแห่งชีวานิรันดร์อันลึกลับนั้น

ไม่มีใครรู้ได้ว่ามันคืออะไร

แต่มันทรงพลัง

ที่เย่หยวนข้ามอาณาจักรต่อสู้ได้ก็เพราะว่าพลังนี้

หลังจากบรรลุสายเลือดระดับโกลาหลแล้วเย่หยวนก็สามารถสัมผัสได้เลยว่าสายเลือดทั้งสี่นั้นมันเปลี่ยนแปลงไปจากก่อนหน้าสิ้นเชิง

ต่อให้มันจะเป็นแค่สายเลือดเดียวในตอนนี้ก็ทรงพลังกว่าการผสานก่อนหน้าสิ้นเชิง

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเผ่าภูตแท้นั้นถึงได้เป็นใหญ่ในสามสิบสามสวรรค์

เพราะหากไม่มีคนอย่างหวูเทียน หลุนฮวยหรือศิลาโลหิตโกลาหลนั้นแล้ว หมี่เทียนก็คงสามารถจะขึ้นเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสวรรค์ได้

“หลังจากข้าบรรลุไปแล้วข้าคงมีพลังพอสู้กับเจ้าโลกระดับสูงได้?” เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม

พายุหมอกเลือดนั้นมันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้มหาค่ายกลโลหิตเมฆาเริ่มสั่นสะเทือน

ฉือชางและเยียวเลอนั้นหันมามองหน้ากันอย่างสิ้นหวังสุดหัวใจ

หนึ่งวันจากนั้นพายุหมอกเลือดมันก็ค่อยๆ จางหายไปปรากฏร่างของเย่หยวนออกมาอีกครั้ง

ตอนนี้เขาได้บรรลุมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นปลายแล้ว อยู่ห่างจากมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นสุดเพียงแค่น้อยนิด!

เมื่อเขาบรรลุไปถึงมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นสุดได้เย่หยวนก็คงสามารถจะระเบิดประตูแห่งชีวานิรันดร์ออกได้และจะได้สัมผัสถึงพลังของเจ้าโลกเป็นครั้งแรก!

ได้เห็นเย่หยวนค่อยๆ เดินเข้ามาหานั้นฉือชางและเยียวเลอต่างต้องล้มตัวลงกับพื้น

“ต่อ…ต่อให้เจ้าจะสังหารพวกเราได้เจ้าก็ไม่มีทางออกไปจากมหาค่ายกลโลหิตเมฆาได้หรอก! เมื่อครบเวลาเจ็ดวันตอนนั้นต่อให้เจ้าออกไปได้ท่านอี้เฉียคงนำกองทัพมารอเจ้าอยู่ก่อนแล้วแน่!” ฉือชางขู่ขึ้นมาด้วยจิตใจที่สั่นกลัว

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เรอะ? เช่นนั้นข้าจะออกไปให้พวกเจ้าดูก่อนแล้วค่อยสังหารพวกเจ้าดีหรือไม่?”

พูดจบเย่หยวนก็ต่อยหมัดออกมาด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์!

ตูม!

คลื่นพลังงานรุนแรงปะทุดังขึ้นพร้อมเสียงระเบิดทำให้เกิดช่องว่างขึ้นในค่ายกลด้วยหมัดเดียวนี้!

พวกฉือชางได้แต่ต้องเบิกตากว้างร้องขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ “มัน…เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

…………………………