ตอนที่ 3606

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3606 : เฉียนเฟย ไสหัวออกมา!

 

“เรื่องนี้ขอท่านพ่ออย่าได้เป็นกังวลอีกเลย…ข้ามิใช่คนสายตาสั้นเช่นนั้น”

 

เฉียนเฟยส่ายหัวไปมาพลางยิ้ม

 

“เช่นนั้นก็ดี แต่อย่างไรเสียหากช่วงนี้เจ้าไม่ออกไปไหนได้ จักเป็นการดีที่สุด”

 

เฉียนเยว่จิ้นมองจ้องลูกชายอย่างขุ่นเคือง “ด่านพลังฝึกปรือของเจ้ายิ่งมายิ่งถูกพี่เจ้าทิ้งห่าง เจ้าไม่มีกะจิตกะใจจักบ่มเพาะพลังบ้างหรือ หากเป็นเช่นนี้สืบไปวันหน้าเจ้าอย่าหวังว่าจะได้เป็นรองผู้นำตระกูลเฉียนเลย กระทั่งตำแหน่งผู้อาวุโสยังไม่อาจเป็นได้ด้วยซ้ำ!”

 

เฉียนเถิง พี่ชายคนโตของ เฉียนเฟย หรือก็คือคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเฉียน ได้รับการกำหนดให้เป็นผู้นำคนต่อไปของตระกูลเฉียน

 

และต่างจากนิสัยคุณชายเจ้าสำราญและอันธพาลของเฉียนเฟย เฉียนเถิง คนนี้เป็นผู้ที่ขยันฝึกปรือและเอาการเอางานกว่ามันมาก ถึงแม้จะมีอายุไม่ถึง 3,000 ปี แต่ก็รรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 9 ตำหนัก และใกล้บรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศแล้ว

 

อีกทั้งยังเป็นไปได้ที่จะทะลวงผ่านไปยังจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ และบรรลุถึงครึ่งก้าวขอบเขตเทพได้ทุกเมื่อ!

 

“ท่านพ่อ มีพี่ใหญ่อยู่ทั้งคน ต่อไปท่านยังกลัวข้าจะไม่ได้เป็นผู้อาวุโสอีกหรือ?”

 

เฉียนเฟกล่าวอย่างไร้แยแส

 

พอเห็นว่าลูกชายคนรองเข็นไม่ขึ้น เฉียนเยว่จิ้นก็มีโมโหนัก สุดท้ายก็ได้แต่แค่นิ้มระบายตวาดไล่ด้วยความขัดใจ “ลูกไม่รักดี! ไสหัวไปเสีย!!”

 

“ไปแล้ว ไปแล้ว…”

 

เฉียนเฟยคล้ายคุ้นชินกับเหตุการณ์ทำนองนี้ไม่น้อย จึงไม่ได้สนใจอะไร แล้วจากไปพร้อมเสียงหัวเราะ

 

มองแผ่นหลังลูกชายคนรองที่หายลับสายตาไป ท่าทีดุร้ายก่อนหน้าของเฉียนเยว่จิ้นก็หายไป ในแววตามีแต่ความอ่อนโยน…มันมีลูกชายแค่ 2 คนเท่านั้น ถึงแม้บุตรชายคนโตจะมีพรสวรรค์โดดเด่น และวันหน้าต้องเป็นผู้นำตระกูลเฉียนที่ดีได้แน่ แต่อีกฝ่ายก็เป็นดั่งท่อนไม้ ไม่ชอบพูดคุยเฮฮา ไม่ค่อยเอาอกเอาใจหรือคุยกับมันมากนัก

 

ถึงแม้ลูกชายคนโตจะทำให้มันมีหน้ามีตาและภาคภูมิใจไม่น้อย แต่ลูกคนโปรดของมันก็คือเฉียนเฟย

 

‘อย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่อาจไม่เตือนเจ้ารอง…ศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงนั่นมิอาจล่วงเกินได้จริงๆ’

 

หลังเฉียนเฟยจากไป เฉียนเยว่จิ้นก็คิดในใจอย่างเคร่งเครียด

 

อันที่จริงถึงแม้มันจะไม่เรียกลูกคนรองมาตักเตือน มันก็รู้ดีว่าลูกชายคนรองของมันไม่กล้าไปตอแยล่วงเกินศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงแน่นอน และนี่ยังเป็นเหตุผลที่มันปล่อยให้ลูกชายคนรองของมันทำอะไรตามใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา

 

ลูกชายของมันอาจไม่ได้มีสายตาแหลมคมอะไรมากนัก แต่เทพขั้นต่ำที่ติดตามอู่ข้างลูกชายมันมีสายตาแหลมคมมาก ทำให้หลายปีที่ผ่าน ลูกชายของพวกมันไม่เคยไปล่วงเกินผู้ใดที่ไม่อาจล่วงเกินสักคน

 

มันเองก็มั่นใจว่าจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป

 

ส่วนวันนี้เหตุผลที่เรียกลูกชายคนรองมาที่นี่ เพราะไม่กี่ววันที่ผ่านอีกฝ่ายถึงกับไปฆ่าล้างหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ในภูเขาไร้สิ้นสุดมา และแซ่ของคนในหมู่บ้านนั้นก็ดันเป็นแซ่เดียวกับศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงคนนั้น

 

‘สุดท้ายนิกายฟ้าจรัสแสงก็ยิ่งใหญ่เกินไป…ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่มีทางเป็นไปได้ แต่กลับทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจชอบกล’

 

เฉียนเยว่จิ้นส่ายหัวไปมา จากนั้นก็เลิกคิด

 

 

หลังจากที่เมิ่งฉีโหย่ว ผู้หลอมโอสถระดับเทพเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลเมิ่งกลับมาจากศาลาสือสุ่ย ตระกูลเมิ่งก็ได้รับทราบกันถ้วนหน้าว่าบัดนี้ มีศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลินซาน

 

แม้แต่อีก 2 นิกายในเมืองหลินซานอย่างนิกายเมฆอรุณกับนิกายฟ้ายุทธ์ ก็ได้รับทราบข่าวการปรากฏตัวของศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงเช่นกัน

 

ถึงแม้นิกาฟ้าจรัสแสง จะเป็นอะไรที่อยู่ห่างไกลเกินเอื้อมสำหรับพวกมัน แต่หากสานสัมพันธ์กับศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงได้ล่ะก็ ย่อมมีแต่เรื่องดีไม่มีเสีย

 

เช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นตระกูลเฉียน ตระกูลเมิ่ง หรืออีก 2 นิกาย กล่าวได้ว่าทั้ง 4 ขุมกำลังใหญ่ของเมืองหลินซาน ได้ส่งคนไปจับตาดูหน้า ‘โรงเตี๊ยมไร้กังวล’ กันถ้วนหน้า…

 

ตราบใดที่ศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ พวกมันจะส่งเทียบเชิญเพื่อสานไมตรีกับอีกฝ่ายทันที หากมีอะไรที่พวกมันสามารถช่วยเหลืออีกฝ่ายได้ในช่วงนี้ล่ะก็ วันหน้าเมื่ออีกฝ่ายเติบโตก้าวหน้าขึ้น ไม่แน่พวกมันก็อาจพลอยได้ขึ้นที่สูงตามอีกฝ่ายไปด้วย…

 

ในระนาบเทพ ไม่ว่าจะเป็นตระกูล พรรค สำนัก นิกาย ขอเพียงมีโอกาสก้าวหน้า ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนไม่อยากพลาดโอกาสกันทั้งนั้น

 

แม้แต่เหล่าเทพในตระกูลที่มีอายุมากแล้ว แต่วันหนึ่งเมื่อไร้ซึ่งหนทางก้าวหน้าแล้วจริงๆก็มักจะเลือกขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่พลังฝีมือจะเอื้ออำนวยเพื่อเข้าร่วม หรือให้กล่าวว่าไปถวายตัวรับใช้เยี่ยงข้าทาสก็ไม่เกินเลย…

 

อย่างไรก็ตามการผันตัวไปเป็นข้ารับใช้ขุมกำลังใหญ่ๆ ก็คงยากที่จะหยิบยืม ‘อำนาจ’ ของอีกฝ่ายมาใช้..

 

เป็นธรรมดาว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เลย

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้อุทิศตัวให้กับการบ่มเพาะโดยสมบูรณ์ เพื่อย่อยและดูดซับพลังของโอสถทะลวงเทพ ขณะเดียวกันเขาก็สัมผัสได้ชัดเจนว่าจุดรอคอยขอบเขตเทพของเขา กำลังกรุยออกทุกขณะ…

 

อีกไม่นานก็จะทะลวงถึงขอบเขตเทพ!

 

อย่างไรก็ตามขั้นตอนดังกล่าวก็ยังทำให้ต้วนหลิงเทียนพยายามทะลวงด่านครั้งแล้วครั้งเล่า…

 

 

วันเวลาผันผ่านไปอย่างเงียบงัน

 

พริบตาก็ล่วงเลยไปอีก 3 เดือน

 

ด้านนอกเมืองหลินซาน ปรากฏร่างชราหนึ่งเหินตัดฟ้ามาแต่ไกล

 

เป็นชายชราในชุดคลุมสีขาวอมเทา รูปร่างผ่ายผอม ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น เส้นผมขนคิ้วล้วนเป็นสีขาวโพลน มันมองจ้องเมืองหลินซานที่กำลังเข้าใกล้ทุกขณะ แววตาเต็มไปด้วยความคิดถึง

 

“นานมากแล้วที่ข้ามิได้กลับมา…”

 

“ครั้งสุดท้ายที่ข้าจากไป…ก็หมื่นปีเห็นจะได้กระมัง?”

 

ชายชรากล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ จากนั้นก็ดิ่งลงฟ้ามุ่งหน้าไปยังจวนหลังหนึ่ง

 

จวนหลังที่ว่า ก็เป็นจวนตระกูลเฉียน

 

ในปัจจุบัน จวนตระกูลเฉียนก็ไม่ค่อยสงบสักเท่าไหร่

 

ต้วนหลิงเทียนนั้น หลังออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ พอออกมาด้านนอกโรงเตี๊ยมไร้กังวล ก็พบเจอกับคนของ 4 ขุมกำลังใหญ่พยายามยื่นส่งเทียบเชิญให้พัลวัน หากแต่เขาเพิกเฉยพวกมันทั้งหมด เพียงเหินร่างมุ่งหน้าไปยังตระกูลเฉียนทันที

 

เหล่าผู้ที่ถูกมอบหมายให้มาส่งเทียบเชิญแก่ต้วนหลิงเทียน ที่ไม่คิดตัดใจง่ายๆจึงติดตามต้วนหลิงเทียนมา ก็อดไม่ได้ที่จะงุนงง ด้วยไม่รู้ว่าไฉนอีกฝ่ายถึงไม่พูดไม่จาและมุ่งหน้ามาตระกูลเฉียนแบบนี้

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกมันจะทันได้ถามอะไร ก็เห็นอีกฝ่ายเหินร่างเข้าเขตน่านฟ้าตระกูลเฉียนเสียแล้ว

 

หลังจากนั้นเสียงไร้แยแสหนึ่งก็ดัง่สนั่นลั่นก้องไปทั่วจวนตระกูลเฉียน! ยังดังจนพื้นที่ใกล้เคียงได้ยินกันชัดถนัดหู!!

 

“เฉียนเฟย! ไสหัวออกมา!!”

 

เสียงนี้ทำให้ผู้ที่เทียบเชิญของตระกูลเฉียนที่ติดตามต้วนหลิงเทียนมาถึงกับอึ้งไปทันที ‘คุณชายรองท่านเสียสติไปลแวหรือไร ไฉนถึงไปตอแยดาวร้ายดวงนี้ได้?’

 

‘ว่าแต่ดาวร้ายดวงนี้ ไม่ใช่ว่าหลังซือโอสะทะลวงเทพที่ศาลาสือสุ่ยแล้วก็กลับไปปิดด่านบ่มเพาะที่โรงเตี๊ยมไร้กังวลไม่ได้ออกไปไหนหรือไร แล้วคุณชายรองจะมีโอกาสไปตอแยมันเมื่อใด?’

 

คนที่ถือเทียบเชิญของตระกูลเฉียน ก็เป็นชนชั้นผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลเฉียน มันได้รับคำสั่งจากผู้นำตระกูลให้มาเฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงผู้นี้หน้าโรงเตี๊ยมไร้กังวล รอให้อีกฝ่ายออกจากการเก็บตัวฝึกฝนเมื่อไหร่ จะได้ยื่นส่งเทียบเชิญให้อีกฝ่ายไปเยือนตระกูลเฉียน

 

แต่ไม่คิดเลยว่าศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงนาม ต้วนหลิงเทียน คนนี้ ไม่เพียงเพิกเฉยมันแต่ยังเพิกเฉย 3 ขุมกำลัง ที่เหลือ แต่ดันมุ่งหน้ามายังตระกูลเฉียนมันเสียอย่างนั้น

 

ต่อมาอีกฝ่ายก็กล่าวถ้อยคำดังกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วหาความเป็นมิตรไม่เจอ!

 

“เฉียนเฟย?”

 

“นั่นมิใช่นามของ คุณชายรองตระกูลเฉียนหรือไร?”

 

“คุณชายรองตระกูลเฉียน เฉียนเฟยผู้นั้น…เคยล่วงเกินใต้เท้าผู้นี้หรือ?”

 

 

ต่างจากคนตระกูลเฉียนที่เต็มไปด้วยความสับสน เหล่าผู้ถือเทียบเชิญของอีก 3 ขุมกำลัง พอได้ยินวาจาเมื่อครู่ของต้ววนหลิงเทียน สองตาพวกมันก็ลุกวาวขึ้นมาเร็วไว

 

จากนั้นคนของอีก 3 ตระกูลก็หันไปมอง ผู้ถือเทียบเชิญตระกูลเฉียนด้วยสายตาสนุกสนาน กล่าวล้อออกมาอย่างสนุกปาก “เฉียนฮ่วน คุณชายรองตระกูลเฉียนของเจ้าร้ายกาจจริงๆ แม้แต่ศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงก็กล้าไปตอแยล่วงเกิน!”

 

“คราวนี้ตระกูลเฉียนของพวกเจ้า ไม่พ้นได้ฤกษ์ตัดหางปล่อยวัดคุณชายเสเพลนั่นแล้ว….”

 

“เฮ่อ…บุตรทำผิดบิดาไม่อาจปัดความรับผิดชอบ เกรงว่าผู้นำตระกูลเฉียนของเจ้าต้องรับผิดชอบไม่น้อยกระมัง!”

 

 

เฉียนฮ่วน ผู้อาวุโสของตระกูลเฉียนที่ถือเทียบเชิญ ได้แต่เหินร่างขึ้นฟ้าติดตามต้วนหลิงเทียนเข้าตระกูลเฉียนด้วยใบหน้ามืดมน หมายไปถามต้วนหลิงเทียนให้รู้เรื่องราวว่าที่แท้เฉียนเฟยไปล่วงเกินต้วนหลิงเทียนตรงที่ใด

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มันจะได้เอ่ยถามอะไร พลัยมีคนตระกูลเฉียนมากมายทยอยเหินร่างขึ้นฟ้ามาอย่างรีบร้อน

 

ผู้ที่เหินร่างนำหน้ากลุ่มคนตระกูลเฉียน ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นเฉียนเยว่จิ้นเอง

 

“นายน้อยต้วน!?”

 

เดิมทีเฉียนเยว่จิ้นก็รู้สึกว่าผู้ที่มาประกาศเรียกหาลูกชายของมันเสียงคุ้นหูยิ่ง แต่ปุบปับกลับนึกไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน พอเหินร่างขึ้นฟ้ามาใกล้ต้นเสียง มันก็จดจำอีกฝ่ายได้ทันที

 

เป็นต้วนหลิงเทียน ศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงที่แลกเปลี่ยนผลึกอมตะขั้นสูงเป็นหินเทพ 3,000 ตำลึงกับพวกมันก่อนหน้า ในร้านโอสถฮุ่ยเฉิน!

 

อย่างไรก็ตาม วันนั้นมันปลอมตัวเป็น เฉียนเหอ ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลเฉียนไปพบอีกฝ่าย

 

เช่นนั้นพบกันวันนี้บางทีอีกฝ่ายอาจคิดว่ามันยังเป็นอาวุโสสูงสุดของตระกูลเฉียน เฉียนเหอ!

 

“ข้าต้องเรียกเจ้าว่า อาวุโสสูงสุดเฉียนเหอหรือว่าผู้นำเฉียนเยว่จิ้นดีเล่า?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองลึกไปยังเฉียนเยว่จิ้น ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ

 

และคำถามของเขา ก็ทำให้สีหน้าเฉียนเยว่จิ้นเปลี่ยนไปทันที “ท่าน…ท่านรู้แล้ว?”

 

“ข้ารู้ตั้งแต่ตอนที่เจ้าปรากฏตัว…”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกเสียงเบา “ถึงข้าจะพึ่งมาถึงเมืองหลินซานได้ไม่นาน แต่ข้าก็ได้ยินคนพูดถึงผู้นำตระกูลเฉียเจ้า กับผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลเฉียน เฉียนเหอ ไม่น้อย”

 

“รูปร่างและลักษณะของเจ้ากลับไม่เหมือนอาวุโสสูงสุดตระกูลเฉียนที่ข้าเคยได้ยิน…แต่กลับมีลักษณะคล้ายผู้นำตระกูลเฉียน”

 

“และหากข้าจำไม่ผิด…ชายชราด้านหลังเจ้าผู้นั้น สมควรเป็นเฉียนเหอ ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเฉียนตัวจริงกระมัง?”

 

กล่าวถึงประโยคท้าย ต้วนหลิงเทียนก็กวาดตามองกลุ่มคนตระกูลเฉียนรอบหนึ่ง ก่อนจะไปหยุดลงร่างชายชราที่อยู่ด้านหลังเฉียนเยว่จิ้น และติดตามเฉียนเยว่จิ้นมาเร็วที่สุด

 

เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเฉียน เฉียนเหอ เทพขั้นต่ำของตระกูลเฉียน!

 

“ท่านผู้นำ…”

 

ตอนนี้เองเฉียนฮ่วน ชนชั้นอาวุโสของตระกูลเฉียนที่รับคำสั่งให้นำเทียบเชิญไปส่งให้ต้วนหลิงเทียน ก็เร่งส่งเสียงผ่านพลังไปรายงานเฉียนเยว่จิ้นเร็วไว ว่าพอต้วนหลิงเทียนออกจากการปิดด่านบ่มเพาะพลัง ก็มุ่งหน้ามาที่นี่ทันที

 

“พอออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ ก็มุ่งหน้ามายังตระกูลเฉียนเราทันที?”

 

ได้ยินเสียงผ่านพลังรายงานของเฉียนฮ่วน ลูกตาเฉียนเยว่จิ้นก็หดเล็กลงทันที

 

เท่าที่มันทราบมาหลังจากที่ศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงคนนี้ซื้อโอสถทะลวงเทพจากตระกูลเมิ่ง แล้วรับประทานลงไป อีกฝ่ายก็ย้อนกลับไปโรงเตี๊ยมไร้กังวลแล้วปิดด่านบ่มเพาะทันที

 

ในระหว่างที่อีกฝ่ายกักตัวฝึกฝน เฉียนฮ่วนที่มันส่งไปก็เฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายหน้าโรงเตี๊ยมไร้กังวลตลอดเวลา เป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะออกมาโดยที่พวกมันไม่รู้

 

‘หรือว่า…เจ้ารองไปล่วงเกินคนผู้นี้ ก่อนที่ข้าจะไปพบที่ร้านโอสถวันนั้น?’

 

พอคิดถึงจุดนี้ และฟังจากน้ำเสียงของอีกฝ่ายเมื่อครู่บอกให้รู้ว่าไม่ได้มาดีแน่นอน เฉียนเยว่จิ้น ก็ขนลุกซู่! ด้วยมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าลูกชายของมันจะไปล่วงเกินอีกฝ่ายแต่แรกแล้ว!!

 

บางที ตอนนั้นลูกชายมันอาจไม่รู้ฐานะอีกฝ่าย!?

 

“นายน้อยต้วน”

 

เฉียนเยว่จิ้นยิ้มฝืนๆพลางกล่าว “ไม่ทราบว่าลูกไม่รักดีของข้า ไปล่วงเกินนายน้อยเรื่องอะไรหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองเฉียนเยว่จิ้นผ่านๆ กล่าวคำเสียงเรียบ “ผู้นำตระกูลเฉียน เรื่องนี้…ข้าว่าให้เฉียนเฟยมันออกมาบอกเจ้าด้วยตัวเองจะดีกว่า”

 

เฉียนเฟย!

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนเอ่ยนามเฉียนเฟยออกมาอีกครั้ง คนของตระกูลเฉียนก็เสมือนตื่นจากฝันทันที ขณะเดียวกันพวกมันก็พากันหันมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นเฉียนเฟย “คุณชายรองเล่า? อยู่ที่ใด?”

 

หลายคนที่เหินร่างขึ้นฟ้ามาติดตามสถานการณ์ สีหน้าก็แลดูไม่ค่อยจะสู้ดีกันอยู่แล้ว บัดนี้ก็พากันขมวดคิ้วกันใหญ่

 

คุณชายรองตระกูลเฉียน เฉียนเฟย นั่น ไปล่วงเกินคนจากนิกายฟ้าจรัสแสง ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ แต่ตอนนี้กลับซ่อนตัวไม่โผล่หัวออกมา? หรือเฉียนเฟยนั่น มันหวังให้ตระกูลเฉียนล่มจมเพราะมัน?

 

คนของตระกูลเฉียนส่วนใหญ่เริ่มไม่พอใจแล้ว ยังบังเกิดความแค้นต่อเฉียนเฟยนัก

 

“ลุงเฉียนชิว ท่านรีบพาเฉียนเฟยกลับมาเร็วเข้า! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!!”

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของคนตระกูลเฉียนรอบๆ เฉียนเยว่จิ้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เร่งส่งข้อความไปหาผู้ที่มักติดตามอยู่ข้างกายเฉียนเฟย เฉียนชิว ตัวตนของเขตเทพในตระกูลเฉียน และยังเป็นผู้อาวุโสในสายมันด้วย จึงเรียกหาอีกฝ่ายตามลำดับอาวุโสว่าลุง!

 

แน่นอนว่าในแง่พลังฝีมือ เฉียนชิว ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

 

ในขณะที่เฉียนเยว่จิ้นกำลังส่งเสียงผ่านพลังไปหาเฉียนชิวนั้น ก็ปรากฏร่างผู้คนมากมายพุ่งมาจากทุกทั่วสารทิศ ก่อนจะหยุดลงใกล้ๆน่านฟ้าตระกูลเฉียน