ตอนที่ 3610 : การลงมือครั้งแรกของตัวนหลิงเทียนหลังบรรลุขอบเขตเทพ
ไม่มีใครคิดใครฝันมาก่อนเลย ว่าในเวลาแบบนี้อยู่ๆบรรพบุรุษของตระกูลเฉียนจะพูดขึ้นมา แถมยังเป็นการตั้งคำถามถึงตัวตนของต้วนหลิงเทียนอีก
ศิษย์เพียงคนเดียวของเย่เป่ยหยวน จ้าวหุบเขาเงาจันทร์แห่งนิกายฟ้าจรัสแสง ตกตายไปเมื่อ 30 ปีก่อน?
ทันใดนั้น ทุกสายตาก็หันขวับไปจับจ้องต้วนหลิงเทียนทันที!
หรือศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสง…จะเป็นการเสแสร้งแสดง?
“ปลอม! เจ้าต้องปลอมตัวมาแน่!!”
คุณชายรองตระกูลเฉียน เฉียนเฟย ที่เดิมสิ้นหวังและคิดว่าต้องตายแน่แล้ว พอได้ยินคำถามของบรรพบุรุษตระกูลเฉียน มันก็เสมือนพบฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย จึงรีบไขว่คว้าไว้ทันที โพล่งกล่าวออกมาท่ามกลางความเงียบสงบลั่นฟ้าอย่างเอาเรื่อง “เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้เสแสร้งปลอมตัวเป็นศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสง! เจ้าช่างรนหาที่ตายนัก รนหาที่ตายยิ่ง!!”
กล่าวได้ว่าเฉียนเฟยรวมรั้งพลังจากท้องน้อยตะเบ็งเสียงออกมาสุดหลอด หมายพิสูจน์ให้ได้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นตัวปลอมจริงๆ
จังหวะนี้กระทั่งเฉียนเยว่จิ้น ผู้นำตระกูลเฉียนเองก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาคลางแคลง
เหตุผลที่มันเชื่อว่าอีกฝ่ายเป็นศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสง นอกเหนือจากการไปตรวจสอบด้วยตัวเองที่ร้านค้าโอสถฮุ่ยเฉินวันนั้น แต่ยังให้คนของมันไปสืบมาจนทราบว่าอยู่ๆอีกฝ่ายก็มาปรากฏตัวในเมืองหลินซาน แถมต้วนหลิงเทียนยังกล่าวบอกนามอาจารย์ ว่าคือ เย่เป่ยหยวน จ้าวหุบเขาเงาจันทร์ ตัวตนอันสูงส่งที่ไม่น่าจะมีผู้ใดล่วงรู้ออกมา
พอมองย้อนกลับไปอีกที ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้แสดงหลักฐานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง…
เหตุผลที่ไฉนมันถึงได้เชื่อนั้น เพราะตามสามัญสำนึกของมัน คงไม่มีใครหาญกล้าเสแสร้งปลอมเป็นศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงในเขตคฤหาสน์ตงหลิง เพราะนั่นไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย
สำหรับนิกายระดับจักรพรรดิเทพอ่างนิกายฟ้าจรัสแสง ไหนเลยจะยอมปล่อยให้คนที่กล่าวสมอ้างเป็นศิษย์รอดตัวไปง่ายๆ
หาไม่แล้วมิใช่ผู้คนก็พากันปลอมตัวเป็นศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสง ยกอ้างนามยิ่งใหญ่ของนิกายสร้างปัญหาไปทั่ว นั่นมิใช่การเอาชื่อเสียงนิกายที่สร้างสมมาเป็นแสนเป็นล้านปีไปคลุกโคลนให้มัวหมองหรือไร?
‘หวังว่ามันจักมิใช่ศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงจริงๆ…’
จังหวะนี้เฉียนเยว่จิ้นยยังอดไม่ได้ที่จะลอบอธิษฐานในใจไปทำนองดังกล่าว และถ้ามันยืนยันได้จริงๆว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงล่ะก็ กล่าวได้ว่าลูกชายสุดที่รักของมันอย่างเฉียนเฟยก็ไม่ต้องตาย และพวกมันก็ไม่ต้องกังวลเรื่องล่วงเกินนิกายฟ้าจรัสแสงแล้ว…
และในปัจจุบันไม่ใช่แค่เฉียนเยว่จิ้นเท่านั้นที่มองจ้องต้วนหลิงเทียน แต่ตระกูลเฉียนที่เหลือก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาที่ต่างออกไป
เป็นธรรมดาว่าพวกมันย่อมหวังให้อีกฝ่ายไม่ใช่ศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสง
อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ไม่กล้าด่วนสรุปว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงเพียงเพราะคำถามของบรรพบุรุษพวกมัน เพราะกระทั่งตัวบรรพบุรุษเอง ก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายแอบอ้างหรือไม่ เพียงแค่กล่าวในสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมาเท่านั้น…
ผู้นำตระกูลเมิ่ง ประมุขนิกายเมฆอรุณ ไม่เว้นประมุขนิกายฟ้ายุทธ์ก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาประหลาดใจอยู่บ้าง และพวกมันก็ตั้งหน้าตั้งตารอดูนัก ว่าสถานการณ์เรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร…
พวกมันเองก็อยากรู้
ว่าศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงคนนี้ ที่แท้ใช้ศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงจริงๆรึเปล่า…
“เจ้ารู้จักอาจารย์ของข้าดีนักรึ?”
ท่ามถลางสายตาคลางแคลงของทุกคน ต้วนหลิงเทียนก็เหลือบมองเฉียนซู่หวนด้วยสายตาเย้ยหยัน ย้อนถามกลับมาด้วยรอยยิ้มเยาะ
“ข้าเฉียนซู่หวนคนนี้ หลังออกจากตระกูลเฉียนรวมถึงเมืองหลินซานเมื่อหมื่นกว่าปีก่อน ก็ได้เข้าสู่นิกาย ฮวาเยว่ ซึ่งเป็นนิกายระดับจอมราชันเทพแห่งหนึ่ง…และนิกายฮวาเยว่ของข้าก็มีสัมพันธ์อันดีกับนิกายฟ้าจรัสแสง เช่นนั้นเรื่องบางอย่างของนิกายฟ้าจรัสแสงข้าย่อมรู้ดี”
เฉียนซู่หวนมองลึกไปทางต้วนหลิงเทียน เอ่ยคำด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าหนุ่ม การแสแสร้งเป็นศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงมิใช่เรื่องเล็กน้อย หรือเจ้าไม่ทราบ?”
“แสแสร้ง?”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้ม “เจ้ามันก็แค่เทพขั้นสูงที่หมื่นกว่าปีแล้วยังไม่มีปัญญาทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพ ถึงแม้เจ้าจะเข้าร่วมนิกายระดับจอมราชันเทพ แต่ให้ข้าเดาเจ้ามันก็แค่ชนชั้นข้ารับใช้ทั่วไปคอยทำงานระดับล่างกระมัง? อาศัยแค่ข้าทาสคนหนึ่งจากนิกายฮวาเยว่ หาญกล้าตั้งคำถามถึงตัวตนของข้าต้วนหลิงเทียน?”
คำพูดของต้วนหลิงเทียน ทำให้สีหน้าเฉียนซู่หวนมืดลงทันที “เจ้าหนุ่ม หากเจ้าเป็นคนของนิกายฟ้าจรัสแสงจริงๆ ตระกูลเฉียนของพวกเรายินดีประหารเฉียนเฟย และคืนความยุติธรรมให้แก่เจ้า แต่หากเจ้ามิใช่คนของนิกายฟ้าจรัสแสง ข้าเกรงว่าข้าต้องจับตัวเจ้านำไปส่งมอบให้นิกายฟ้าจรัสแสง และปล่อให้ทางนิกายฟ้าจรัสแสงตัดสินเจ้า!!”
“อาศัยเจ้าน่ะรึ?”
ได้ยินคำพูดของเฉียนซู่หวน ต้วนหลิงเทียนก็โค้งคิ้วขึ้น จากนั้นก็ยิ้มแสยะด้วยความดูแคลน
พริบตาต่อมาก็อุบัติเสียงพลังปะทุดัง ซู่ม!
พลังเทพพลันปะทุออกมาทั่วร่างของต้วนหลิงเทียนในฉับพลัน และพลังเทพอันแผ่กลิ่นอายเทพขั้นต่ำออกมานี้ ก็ทำให้สองตาของเมิ่งฉีโหย่วผู้หลอมโอสถระดับเทพของตระกูลเมิ่งเป็นประกายจ้าขึ้นมาทันที “มันทะลวงถึงขอบเขตเทพแล้วจริงๆ…”
เมิ่งฉีโหย่วย่อมจดจำได้ชัดเจนว่าเมื่อ 3 เดือนก่อนชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้ยังไม่ได้บรรลุถึงขอบเขตเทพ
ทว่าบัดนี้ คนกลับบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้วจริงๆ!
เห็นได้ชัดว่าเมื่อ 3 เดือนก่อนด่านพลังอีกฝ่ายก็มาถึงสุดปลายขอบเขตเซียนอมตะแล้ว มิฉะนั้นคงไม่สามารถทะลวงถึงขอบเขตได้ในเวลาอันสั้น แม้จะใช้โอสถทะลวงเทพก็ตามที
“เทพขั้นต่ำ…คิดจะลงมือกับเทพขั้นสูงหรือ?”
จังหวะนี้ไม่ว่าจะตระกูลเมิ่ง นิกายเมฆอรุณ นิกายฟ้ายุทธ์ รวมถึงตระกูลเฉียน อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าไปมา บางคนยังหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
“อะไร? อาศัยเทพขั้นต่ำเช่นเจ้าคิดจะลงมือกับข้าเยี่ยงนั้นรึ?”
พอเห็นต้วนหลิงเทียนมองจ้องมาที่มัน ทั้งโคจรเร่งเร้าพลังจนกลิ่นอายพลังเทพขั้นต่ำกำจายออกมา ทำราวกับเตรียมพร้อมลงมือ เฉียนซู่หวน ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “เจ้าหนุ่ม ถึงแม้เจ้าจักเป็นศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงจริงๆ กระทั่งเป็นศิษย์ของใต้เท้าเย่เป่ยหยวนผู้นั้น…แต่อาศัยพลังฝึกปรือเทพขั้นต่ำของเจ้า คิดจะเอาชนะข้าก็มิต่างอันใดกับฝันละเมอของตัวโง่งม!!”
“ข้าคือเทพขั้นสูง!!”
แทบจะพร้อมๆกันกับีท่วาจาสุดท้ายของเฉียนซู่หวนดังจบคำ กลิ่นอายพลังอันรุนแรงก็ระเบิดออกมาจากร่างของมัน จากนั้นพลังเทพของมันก็ค่อยๆหลอมรวมผสานเข้ากับพลังธาตุน้ำ กลับกลายเป็นมวลพลังสีฟ้ารายล้อมไปรอบกายปานมหาสมุทร
อีกทั้งกลิ่นอายของความลึกซึ้งแห่งกฏที่เข้าใจ ก็เริ่มแผ่ซ่านตามมาติดๆ
“เทพขั้นสูง?”
สองตาต้วนหลิงเทียนฉายชัดถึงจิตต่อสู้อันฮึกเหิม เขาล่วงรู้ว่าเฉียนซู่หวนบรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูงตั้งแต่ตอนที่มันปรากฏกายครั้งแรกแล้ว และขณะที่มีคนบอกมันถึงตัวตนเขา เขาก็ได้ยินคนอื่นกล่าวจนรู้ว่าเฉียนซู่หวนคนนี้เป็นบรรพบุรุษของตระกูลเฉียน หลังบรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูงเมื่อหมื่นกว่าปีก่อน ก็เดินทางออกจากตระกูลและเมืองหลินซานไป…
อย่างไรก็ตาม ที่เขาคิดลงมือก็เพราะมันเป็นเทพขั้นสูงนี่ล่ะ!
ในเมืองหลินซานแห่งนี้ ต่อให้เป็นเทพขั้นกลางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย อาศัยความเข้าใจในกฏมิติของเขา คิดจะฆ่าเทพขั้นกลางในละแวกเมืองหลินซานก็ง่ายดายราวบี้มด
อย่างไรก็ตาม เทพขั้นสูงนั้นแตกต่างกัน
พลังเทพของเทพขั้นสูง มันเหนือกว่าเทพขั้นกลาง 1 ขั้น
ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเทพขั้นสูง ใจต้วนหลิงเทียนจึงเต็มไปด้วยความฮึกเหิมเปี่ยมจิตต่อสู้
ที่สำคัญเขายังรู้ดีแก่ใจ
เฉียนซู่หวนคนนี้ ต่อให้เป็นเทพขั้นสูง แต่ยังอ่อนด้อยกว่าเทพขั้นสูงในระนาบเทวโลกมาก กล่าวได้ว่าแม้แต่คนที่พึ่งบรรลุถึงเทพขั้นสูงในระนาบเทวโลก ก็มากพอจะบดขยี้เฉียนซู่หวนได้อย่างราบคาบ…
ตัวตนที่บรรลุถึงขอบเขตเทพในระนาบเทวโลกได้ ล้วนผ่านการฝึกฝนและประสบการณ์มากมาย ความลึกซึ้งของกฏที่เข้าใจนั้นเหนือกว่าเฉียนซู่หวนที่เกิดมาในระนาบเทพไม่รู้เท่าไหร่!
และเพียงดูจากการโคจรเร่งเร้าพลังของเฉียนซู่หวนในปัจจุบันก็รู้ได้ เพราะเท่าที่ต้วนหลิงเทียนเห็น กลิ่นอายพลังจากความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำที่อีกฝ่ายใช้ออกนั้น มีการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำแค่ 2 ประการชุดเดียวเท่านั้น ส่วนความลึกซึ้ง
ประการอื่นๆของมัน ก็มีอีกแค่ 2 ประการเท่านั้นที่ส่อแววจะผสานรวมกัน แต่ก็ยังอีกห่างไกล…
‘ระดับความเข้าใจในกฏของเฉียนซู่หวนคนนี้ หากมันลดระดับพลังลงไปในขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ…เกรงว่าแค่ทหารเลวในสมรภูมิ 9 ยมโลกมันยังเป็นไม่ได้…’
ถึงแม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่มุมปากของต้วนหลิงเทียนก็อดกระตุกไปไม่ได้เมื่อเห็นความเข้าใจในกฏแห่งน้ำของเฉียนซู่หวน นี่มันจะไม่อ่อนแอไปหน่อยหรือ? ความเข้าใจของมันต่ำเตี้ยเรี่ยดินถึงเพียงนี้เชียว?
นี่น่ะเหรอ คนที่บรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูงตั้งแต่หมื่นกว่าปีก่อน?
อย่างไรก็ตามแม้ต้วนหลิงเทียนจะดูแคลนความเข้าใจในกฏของเฉียนซู่หวนแค่ไหน แค่เขาก็ไม่ได้ดูเบาพลังต่อสู้ของมัน ถึงแม้ความเข้าใจในกฏของอีกฝ่ายจะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แต่อาศัยพลังเทพขั้นสูงของอีกฝ่ายก็ไม่ใช่ชั่วเลย
พลังเทพของอีกฝ่ายนั้นสูงกว่าต้วนหลิงเทียนถึง 2 ขั้น
หากเหนือกว่าแค่ขั้นเดียวความต่างย่อมมีจำกัด แต่การเหนือกว่าถึง 2 ขั้นมันไม่ได้ง่ายดายเช่นหนึ่งบวกหนึ่ง กล่าวได้ว่าช่องว่างของพลังนั้นได้เพิ่มพูนขึ้นทวีคูณ
แต่กระนั้น ต้วนหลิงเทียนก็หาได้กลัวแม้แต่นิดเดียว
เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ!
…
ทันใดนั้นเอง พลันอุบัติรอยแยกมิติขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า 9 รอยติดๆกัน จากนั้นก็ปรากฏคมมีดมิติสีเทา 9 คมมีดพุ่งออกมาจากรอยแยกดังกล่าว พริบตาทั้ง 9 ก็ผสานรวมเป็นหนึ่ง ก่อลักษณ์กระบี่พลังสีเทาเล่มเขื่อง จากนั้นก็ต้วนหลิงเทียนก็จ่ายพลังเทพพร้อมความลึกซึ้งของกฏมิติประการอื่นๆผสานเข้าไป จนตัวกระบี่เล่มใหญ่สีเทาเปล่งพลังอานุภาพน่าครั่นคร้ามนัก!
ฟั่ฟฟ!!
กระบี่พลังมิติเล่มเขื่องทะยานแหวกฟ้าไปฉับไว แสงพลังส่องสว่างออกมาเจิดจ้าพาลให้ห้วงอากาศโดยรอบเริ่มบิดเบือนเต็มไปด้วยพลังมิติทำลายล้างอันน่าพรั่นพรึง อีกทั้งกระบี่เล่มเขื่องพึ่งพุ่งออกไปได้ไม่ทันไรก็อันตรธานหายไปในความว่างเปล่า เห็นชัดว่ามีการผสานความความลึกซึ้งส่งผ่านแล้วอย่างน้อยๆ 1 ประการ!
และอันที่จริงกระบี่มิติเล่มนี้ ก็ผสานไว้ด้วยความลึกซึ้งผ่ามิติ บิดเบือน ส่งผ่าน และพายุแม่เหล็ก!
การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 4 ประการ พร้อมด้วยพลังเทพของต้วนหลิงเทียน ช่างเปล่งพลังอานุภาพน่าเกรงขามยิ่งนัก!
“เป็นไปได้อย่างไร?!”
แทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนลงมือ เฉียนซู่หวนที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มมั่นใจก่อนหน้า รอยยิ้มดังกล่าวก็ชะงักค้างแข็งเติ่ง จากนั้นสีหน้าแววตาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกทั้งไม่อยากจะเชื่อ!
มารดามันเถอะ!
นี่มันเห็นอะไรอยู่!
อีกฝ่ายเป็นแค่เทพขั้นต่ำแท้ๆ แต่กลับสำแดงการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏออกมาถึง 4 ประการ!
นอกจากนั้นยังเป็นการผสานความความลึกซึ้งของกฏมิติ!
เท่าที่มันล่วงรู้มา รุ่นเยาว์อัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของนิกายฟ้าจรัสแสงยังไม่ร้ายกาจถึงขนาดนี้! ที่สำคัญกฏที่อัจฉริยะผู้นั้นเข้าใจก็เป็นแค่ 1 ใน 5 กฏแห่งธาตุ ในแง่ความยากของการเข้าใจ ย่อมด้อยกว่ากฏมิติมาก!
นอกจากนั้นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของนิกายฟ้าจรัสแสงผู้นั้น ก็ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในรอบหมื่นปีของนิกายฟ้าจรัสแสงแล้ว ถูกตั้งความหวังไว้สูงลิบจากประมุขนิกาย ว่าจะเป็นตัวตนที่มีโอกาสบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิเทพมากที่สุดในนิกายฟ้าจรัสแสง!!
ต้องทราบด้วยว่านิกายฟ้าจรัสแสงไม่ปรากฏตัววตนขอบเขตจักรพรรดิเทพมาเนิ่นนานแล้ว
อดีตยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิเทพผู้ทรงพลังของนิกายฟ้าจรัสแสงนั้น ได้หายตัวไปเนิ่นนานแล้ว ไม่ทราบว่าตกตายหรือซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันแน่
วู้มมม!!
ซ่าาาา!!
…
นอกจากจะตื่นตระหนกตกใจแล้ว เฉียนซู่หวนยังไม่กล้าประมาทอีกต่อไป มันเร่งเร้าพลังชั่วชีวิต ควบแน่นมวลพลังสีฟ้าครามโดยรอบ จากนั้นก็ปลดปล่อยสายธารพลังที่อัดแน่นไปด้วยพลังทั้งหมด กวาดทำลายไปทางต้วนหลิงเทียน!
มันไม่ได้ใช้อาวุธหรืออุปกรณ์เทพใดๆ
เพราะมันรู้ดีว่าหากอีกฝ่ายเป็นศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสง แถมเป็นศิษย์ของเย่เป่ยหยวนจ้าวหุบเขาเงาจันทร์แห่งนิกายฟ้าจรัสแสงผู้นั้นจริงๆ ในมือต้องถือครองอุปกรณ์เทพที่ทรงพลังกว่ามันมากเอาไว้เป็นแน่
ในเมื่อตอนนี้อีกฝ่ายไม่ได้ใช้อุปกรณ์เทพ หากมันทะเล่อทะล่าใช้อุปกรณ์เทพ จนอีกฝ่ายหยิบควักออกมาใช้ด้วย ก็ฉิบหายกันพอดี…
ครืนนนน!!
ซู่มมม!!
…
สายธารพลังดั่งมวลน้ำหลากที่เฉียนซู่หวนซัดออกมา ประหนึ่งมังกรวารีท่องฟ้า อานุภาพพลังดุร้ายน่ากลัวไม่ใช่ชั่ว พุ่งทะยานกวาดผ่านไปที่ใดปรากฏละอองน้ำหนาแน่นดั่งกลุ่มหมอกฟุ้งไปทั่ว พาลให้คนของตระกูลเฉียนที่มีพลังฝีมือต้อยต่ำต้องเร่งรุดล่าถอยเป็นการด่วน
ซัววว!!
แสงกระบี่มิติของต้วนหลิงเทียนเองก็ปรากาฏขึ้นในฉับพลัน และปะทะเข้ากับมังกรวารีอย่างไร้ครั่นคร้าม!
ซัววว!!
ต่อหน้าต่อตาทุกคน แสงกระบี่มิติของต้วนหลิงเทียนพุ่งผ่านมังกรวารีห้าวหาญไปได้อย่างง่ายดาย มองไปคล้ายนำมีดในตำนานไปผ่าเต้าหู้! มังกรวารีที่โถมถันมาอย่างเกรี้ยวกราดบัดนี้ ได้แยกออกเป็น 2 เสี่ยงซ้ายขวาจากบนลงล่าง และในขณะที่มันคิดจะกลับมารวมตัว ก็ถูกอานุภาพพลังมิติรอบแสงกระบี่ซัดทำลายจนกระจัดกระจายไปหมด!!
ตูมมมม!!
ซ่า! ซ่า!!
…
เสียงพลังระเบิดดังขึ้นสนั่นลั่นฟ้า ละอองน้ำนับไม่ถ้วนโดนพลังมิติซัดกระจายจนปลิวละลิ่วไปทั่วทิศ เดือนร้อนผู้คนโดยรอบให้เร่งรุดต้านทานเป็นพัลวัน!
ละอองน้ำที่ซ่านกระเซ็นมา ใช่น้ำธรรมดาที่ไหน? นั่นเป็นพลังชั่วชีวิตของเฉียนซู่หวน! สำหรับผู้คนโดยรอบแล้ว นี่ไม่ต่างอะไรกับอาวุธลับปลิดชีพเลย!!
ผู้นำตระกูลเฉียน และตัวตนขอบเขตเทพของตระกูลเฉียนที่ปรากฏตัวในที่เกิดเหตุ ไม่เพียงแต่เร่งเร้าพลังปกป้องตัวเองเท่านั้น ยังเร่งเร้าพลังปกป้องสมาชิกตระกูลเฉียนคนอื่นๆรวมถึงเฉียนเฟยที่ยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเทพด้วย!