ตอนที่ 3616 : เมืองวายุสวรรค์
หลังผู้ที่ออกไปสืบข่าวของหมู่บ้านสกุลต้วนทั้ง 3 สาขาพากันกลับไปรายงานเรื่องราวที่ได้รู้ คนของหมู่บ้านสกุลต้วนทั้ง 3 สาขาก็แตกตื่นกันไม่น้อย
“ต้วนหลิงเทียน?
“เป็นศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสง ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพในเขตคฤหาสน์ตงหลิงเชียวหรือ?”
“แล้วศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงผู้นั้นใช่มีความสัมพันธ์กับสกุลต้วนหรือไม่ แต่ที่ไฉนไปจัดการคุณชายเฉียนผู้นั้น ก็เพราะอีกฝ่ายมาทำลายหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้?”
“เฉียนซู่หวน บรรพบุรุษตระกูลเฉียน แม้จะบรรลุถึงเทพขั้นสูงตั้งแต่เมื่อหมื่นกว่าปีก่อนยังแพ้พ่าย? ด่านพลังฝึกปรือนายน้อยต้วนผู้นั่นมีเพียงเทพขั้นต่ำ?”
“เทพขั้นต่ำ สยบเทพขั้นสูง…เกรงว่าคงมีแต่ศิษย์อัจฉริยะของขุมกำลังจักรพรรดิเทพเท่านั้นที่กระทำได้!”
…
หลังจากหมู่บ้านสกุลต้วนทิศเหนือ ออก ตก ได้รับทราบเรื่องราว พวกมันก็ตื่นตระหนกตกใจไม่น้อย เพราะเรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อมาก ศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงที่ว่าเป็นอะไรที่พวกมันที่เป็นแค่ชาวบ้านในภูเขาไร้สิ้นสุดทำได้แค่แหงนมองไปชั่วชีวิต!
ทว่าตอนนี้ตัวตนเช่นนั้นกลับยืนหยัดออกหน้าเพื่อหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้!!
ถึงแม้หมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้จะเป็นแค่สาขาหนึ่งของสกุลต้วน แต่บรรพบุรุษก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนเดียวกัน ยังมีการไปมาหาสู่และมีความสัมพันธ์กันอยู่บ้าง
“ที่แท้ศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงผู้นั้นมีสัมพันธ์กับหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้อย่างเดียว หรือเกี่ยวข้องกับตระกูลต้วนเราทั้งหมดกันแน่ หากเป็นอย่างแรกก็ไม่มีอะไร…แต่ถ้าเป็นอย่างหลังไม่ใช่ว่าก็ต้องช่วยเหลือทั้งสกุลต้วนหรือไร? เช่นนั้นแค่ออกปากสักคำก็น่าจะให้พวกเราสกุลต้วนมีที่ยืนในเมืองหลินซานได้ไม่ยากกระมัง?”
“ขุมกำลังใหญ่ทั้ง 4 ในเมืองหลินซาน ไม่ว่าจะตระกูลเฉียน ตระกูลเมิ่ง นิกายเมฆอรุณ รวมถึงนิกายฟ้ายุทธ์ เพียงเพราะคำพูดเดียวของใต้เท้าต้วนหลิงเทียนผู้นั้น ก็ถึงกับเร่งรุดมากวาดล้างหมู่บ้านสกุลเถี่ยสาขา 2 กับสาขา 4! เช่นนั้นมิใช่ว่าสกุลต้วนของพวกเราก็น่าจักได้รับการปกป้องจากขุมกำลังใหญ่ทั้ง 4 ในเมืองหลินซานเพราะใต้เท้าต้วนหลิงเทียนผู้นั้นด้วยหรือไร?”
…
ไม่นานผู้คนของหมู่บ้านสกุลต้วนอีก 3 สาขา ก็เริ่มบังเกิดความคิดอุกอาจ
หัวหน้าหมู่บ้านสกุลต้วนอีก 2 ทิศก็ไม่เว้น!
สุดท้ายจึงนัดพบกันเพื่อหารือเรื่องราว กับรองหัวหน้าหมู่บ้านสกุลต้วนทิศตะวันออก ทั้งยังเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองผู้นำตระกูลต้วน ต้วนหมิง…
ต้วนหมิง เป็นผู้สืบทอดที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้นำตระกูลต้วนคนปัจจุบัน ตลอดหลายปีที่ผู้นำตระกูลต้วนได้หายหน้าหายตาไป ก็เป็นต้วนหมิงที่คอยดูแลและจัดการเรื่องราวของตระกูลต้วน และยังเป็นรองหัวหน้าหมู่บ้านสกุลต้วนทิศตะวันออก หัวหน้าหมู่บ้านสกุลต้วนอีก 2 ทิศก็มีมาหารือกับมันบ่อยๆ
“ต้วนหมิง เจ้ารับทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้วกระมัง?”
หัวหน้าหมู่บ้านสกุลต้วนทิศตะวันตกกล่าวถามออกไปก่อนใคร
“เรื่องอะไรหรือ?”
ต้วนหมิง มีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคน ไม่สูงไม่เตี้ยไม่อ้วนไม่ผอม แลดูสง่างาม ใบหน้าฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเสมอ ชวนให้ผู้คนที่พบเจอรู้สึกถึงสายลมฤดูใบไม้ผลิ
“เจ้าหนูต้วนหมิง เจ้าอย่าได้แสร้งทำเป็นโง่งม!”
หัวหน้าหมู่บ้านสกุลต้วนทิศเหนือ ส่ายหัวพลางกล่าว “ที่พวกเรากำลังพูดก็เรื่องที่ผู้คนแห่กันมาชมดูเศษซากหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ช่วงนี้…เจ้ามีหรือจะไม่ได้ยินเรื่องที่ผู้คนพูดถึง ต้วนหลิงเทียน ศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงว่ามีความสัมพันธ์กับหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้?”
“อ้อ ที่แท้หัวหน้าหมู่บ้านทั้ง 2 มาหาข้าด้วยเรื่องนี้เอง”
ต้วนหมิงนิ่งไปครู่หนึ่ง ค่อยกล่าวต่อ “ไม่ใช่แค่ข้าหรอก แต่ทุกคนในหมู่บ้านตระกูลต้วนทิศตะวันออกของข้าก็รับทราบหมดแล้ว”
“ว่าแต่…พวกท่านทั้ง 2 มาหาข้า ด้วยเหตุอันใดเล่า?”
ต้วนหมิงถาม
“ฮึ่ม!”
หัวหน้าหมู่บ้านสกุลต้วนทิศเหนือพ่นลมสบถ “ต้วนหมิงข้าไม่เชื่อว่าเจ้ามิรู้ว่าเราผู้เฒ่าทั้ง 2 มาหาเจ้าทำอะไร…บางเรื่องเจ้าอย่าได้แสร้งทำเป็นโง่งมเถอะ!”
พอต้วนหมิงได้ยินคำถามประชด ก็อดยิ้มขื่นขมไม่ได้ “ท่านผู้เฒ่าทั้ง 2 บอกข้ามาตรงๆเถอะ ข้าไม่รู้จริงๆว่าพวกท่านมาหาข้าทำไม…”
“เจ้าจักเอาเช่นนี้ก็ได้”
หัวหน้าหมู่บ้านสกุลต้วนทิศเหนือรับคำอย่างระอา ค่อยกล่าวออกมาตรงๆ “พวกเรา 2 คนหารือกันแล้ว…ในเมื่อใต้เท้าต้วนหลิงเทียนศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงผู้นั้นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลต้วนของพวกเรา เช่นนั้นพวกเรามิลองไปถามใต้เท้าต้วนหลิงเทียนดูหน่อยหรือ ว่าจักพอช่วยให้ตระกูลต้วนของพวกเรามีที่ยืนในเมืองหลินซานได้หรือไม่?”
ขุมกำลังในเมืองหลินซาน ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ขุมกำลังใหญ่ทั้ง 4 อย่างตระกูลเฉียน ตระกูลเมิ่ง นิกายเมฆอรุณและนิกายฟ้ายุทธ์เท่านั้น เพียงแค่พวกมันเป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดเฉยๆ
ในเมืองหลินซานยังมีอีกหลายตระกูลที่มีตัวตนขอบเขตเทพขั้นต่ำ และปกติแล้วพวกมันก็มักจะแต่งงานเชื่อมไมตรีกับขุมกำลังใหญ่ทั้ง 4
หาไม่แล้วคงเป็นเรื่องยากที่จะมีตระกูลไหนตั้งหลักในเมืองหลินซานได้…
ตอนนี้ไม่ว่าจะสุ่มชี้ไปยังตระกูลใดในเมืองหลินซาน ทั้งหมดก็ล้วนมีคนที่เกี่ยวข้องกับขุมกำลังใหญ่ทั้ง 4 กันหมด กล่าวได้ว่าเป็นแวดวงเดียวกัน คนนอกคงยากจะมีที่ยืนในเมืองหลินซานได้
ในบรรดาคนนอกที่ว่า ตระกูลต้วนก็รวมอยู่ในนั้นเป็นธรรมดา
ตระกูลต้วนนั้น ใฝ่ฝันอยากเข้าไปตั้งรกรากในเมืองหลินซานตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษแล้ว แต่ไม่เคยมีโอกาสสักครั้ง ถึงแม้ตระกูลต้วนจะเคยมีตัวตนขอบเขตเทพขั้นต่ำก็ตาม
และเทพขั้นต่ำที่ว่าของตระกูลต้วน ก็ได้เดินทางออกจากตระกูลต้วน โดยลั่นวาจาไว้ก่อนไปว่า หากไม่อาจนำพาตระกูลต้วนเข้าสู่เมืองหลินซานได้ มันจะไม่กลับมา…
ดังนั้นคนของตระกูลต้วนทั้งหลายก็เฝ้ารออย่างมีความหวัง ว่าวันหนึ่งบรรพบุรุษตระกูลต้วนผู้นั้นจะย้อนกลับมา และนำพาตระกูลต้วนทั้งหมดเข้าสู่เมืองหลินซาน…
แน่นอนว่าก็ไม่ใช่ทุกคนในตระกูลต้วนที่จะเฝ้ารอถ่ายเดียวอย่างโง่งม หลายคนยังพยายามเต็มที่เพื่อจะได้มีโอกาสนำพาตระกูลเข้าสู่เมืองหลินซาน บางคนก็ยินดีเสียสละความสุขชั่วชีวิตของลูกสาวรวมถึงหลานสาว เพียงเพื่อให้ตระกูลต้วนมีโอกาสเคาะประตูเมืองหลินซาน
อนิจจาเว้นเสียแต่จะเป็นสตรีที่มีความพรสวรรค์และความเข้าใจสูงพอ หาไม่แล้วคนของขุมกำลังทั้ง 4 ก็ไม่อนุญาตให้ลูกหลานของพวกมันตบแต่งด้วย
มีสตรีในตระกูลต้วนบางคนยินยอมเป็นอนุและนางบำเรอผู้อื่น…แต่ก็ไร้ประโยชน์
ผู้นำของขุมกำลังทั้ง 4 ไม่คิดทำเพื่ออนุหรือนางบำเรอลูกหลานของพวกมันถึงขนาดนั้น อย่างดีก็แค่ให้บิดามารดาของอนุและนางบำเรอดังกล่าว เข้ามาตั้งรกรากในเมืองหลินซานเท่านั้น
สุดท้ายแล้วเมืองหลินซานแม้จะเล็กในสายตาต้วนหลิงเทียน แต่ก็มีพื้นที่ใหญ่โตพอสมควร
ให้ครอบครัวของอนุหรือนางบำเรอมาอยู่แล้วจะเป็นไรไป?
“นอกจากนี้ พวกเรายังบังเกิดความคิดอุกอาจประการหนึ่ง…ในเมื่อศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงผู้นั้นเป็นเทพขั้นต่ำ แล้วจักใช่บรรพบุรุษขอบเขตเทพขั้นต่ำของพวกเราที่ออกจากสกุลต้วนไปในอดีตหรือไม่?”
พอได้ยินคำพูดของชายชราเบื้องหน้า ต้วนหมิงก็ถึงกับอึ้ง ลอบคิดไปในใจว่า ‘พวกแพะเฒ่าท่านช่างมโนเก่งยิ่ง’
อย่างไรก็ตาม ต้วนหมิงก็ไม่คิดทำลายภาพฝันอันหวานฉ่ำของชายชราทั้ง 2 ตรงๆ “ท่านผู้เฒ่าทั้ง 2 บรรพบุรุษตระกูลต้วนของพวกเราที่ออกเดินทางไปตอนนั้นก็ยังมีชื่ออยู่ในผังตระกูล…และมิได้มีนามว่าต้วนหลิงเทียน”
“คนเราอาจเปลี่ยนชื่อกันได้มิใช่รึ?”
“มิผิด และอาจเป็นไปได้ว่าใต้เท้าต้วนหลิงเทียนผู้นี้ จักเป็นลูกหลานของบรรพบุรุษของพวกเราคนนั้น หาไม่แล้วหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้จะไปมีสัมพันธ์กับตัวตนระดับนั้นได้อย่างไร?”
ความดื้อรั้นปานจะเอาหัวไถท่าเดียวของชายชราทั้ง 2 ทำให้ต้วนหมิงอดไม่ได้ที่จะกระพริบตาปริบๆ “ท่านผู้เฒ่าทั้ง 2 พวกท่านคิดมากเกินไปรึเปล่า? จะอย่างไรบรรพบุรุษท่านนั้นก็จากตระกูลต้วนพวกเราไปนานมากแล้ว…”
“อยู่ดีๆจะส่งคนมาปรากฏตัวลงมือเอาตอนที่เฉียนเฟยฆ่าล้างหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ได้อย่างไร?”
ตอนนี้ต้วนหมิงรู้สึกว่า ชายชราทั้ง 2 ยิ่งมายิ่งเลอะเลือนใหญ่แล้ว หรืออยากเข้าไปตั้งรกรากในเมืองหลินซานจนเสียสติ?
“นู่นก็มิใช่ นี่ก็ไม่ได้ โอกาสประเสริฐตั้งอยู่ตรงหน้าแท้ๆ หากเจ้าไม่ลองไขว่คว้าดูแล้วจักรู้ได้อย่างไรเล่า?”
“แล้วจะให้ลองอย่างไร?”
“ต้วนหมิง เจ้าก็ไปเมืองหลินซานสักครั้ง เพื่อดูว่าใต้เท้าต้วนหลิงเทียน…ที่แท้ใช่มีความเกี่ยวอันใดกับตระกูลต้วนเราทั้งหมดหรือไม่? หากใช่…ก็ลองไถ่ถามใต้เท้าเขาดูว่าพอจะช่วยให้ตระกูลต้วนของพวกเราเข้าไปตั้งรกรากในเมืองหลินซานได้หรือไม่…”
“ให้ข้าไป?”
“พวกเราก็อยากไปเอง แต่พวกเราชราแล้ว วาจาก็เลอะเลือนพูดไม่คล่องเหมือนคนหนุ่มเจ้า…เช่นนั้นเจ้าไปเถอะ ดีที่สุด!”
“ท่านผู้เฒ่า ข้าไม่เห็นว่าพวกท่านจะเลอะเลือนพูดไม่เก่งตรงที่ใด ไม่ใช่นี่ท่านก็พูดกับข้าน้ำไหลไฟดับแล้วหรือ?”
“ต้วนหมิง หากเจ้าไม่ไป เจ้าจักคู่ควรให้ท่านผู้นำตระกูลต้วนฝากฝังเรื่องราวได้อย่างไร!!”
…
สุดท้ายเมื่อโดนแพะชราชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด ยังเอาเรื่องนู่นนี่นั่นมากดดันไม่หยุด ต้วนหมิงก็ได้แต่เดินทางไปเมืองหลินซานอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไหร่
เดิมทีมันก็ประหม่าไม่น้อยด้วยไม่รู้ว่าศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงผู้นั้นเป็นคนคุยยากหรือไม่…อย่างไรก็ตาม พอมันพบว่าศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงดังกล่าวได้ออกจากเมืองหลินซานไปแล้ว มันก็พอได้โล่งใจไปเปราะหนึ่ง จึงย้อนกลับมาตระกูลต้วนทันที
พอทราบว่าศิษย์นิกายฟ้าลี้ลับผู้นั้นออกจากเมืองหลินซานไปแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านสกุลต้วนทิศเหนือกับตะวันตก ก็ยังไม่คิดเลิกราง่ายๆ “ข้าคิดว่าพวกเราตระกูลต้วนไม่ควรล้มเลิกความคิดเข้าไปตั้งรกรากในเมืองหลินซานง่ายๆเพียงเท่านี้…ลองไปถามไถ่ขุมกำลังใหญ่ทั้ง 4 ดูเถอะ ว่าพอจะช่วยให้พวกเราตั้งรกรากในเมืองหรือสามารถดูแลพวกเราได้หรือไม่?”
“ถึงจะไม่ดูแลพวกเรา แต่อย่างน้อยๆก็คงไม่ขับไล่ไสส่งกระมัง?”
“นอกจากนั้นในเมื่อใต้เท้าต้วนหลิงเทียนผู้นั้นจากไปแล้ว…ตัวตนระดับนี้ก็ใช่ว่าจะย้อนกลับมาอีก พวกเราก็สามารถยกอ้างได้ว่าใต้เท้ามิได้มีความสัมพันธ์กับหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับตระกูลต้วนทั้งหมด!”
หัวหน้าหมู่บ้านทิศตะวันตก ยังกล่าวแจงออกมาไม่หยุด หมายผลักดันให้ต้วนหมิงย้อนกลับไปยังเมืองหลินซาน เพื่อลองคุยกับขุมกำลังใหญ่ทั้ง 4 ดูก่อน
แต่คราวนี้ต้วนหมิงกล่าวปฏิเสธอย่างมีเหตุผล “ท่านผู้เฒ่าทั้ง 2 เรื่องใหญ่แบบนี้ข้าแบกรับไม่ไหวหรอก…รอให้ท่านหัวหน้าหมู่บ้านกลับมาก่อนเถอะ”
หัวหน้าหมู่บ้านที่ต้วนหมิงกล่าวถึง ก็คือผู้นำตระกูลต้วนทั้งหมด
“เช่นนั้นพวกเราจักไปเมืองหลินซานกันก่อน…ข้าหวังว่าผู้คนในหมู่บ้านสกุลต้วนทิศตะวันออกของเจ้า จักไม่ตำหนิเจ้าเล่าที่ไม่สนใจไขว่คว้าโอกาสให้พวกมัน!”
ครั้งนี้แม้ต้วนหมิงจะไม่ไป แต่หัวหน้าหมู่บ้านสกุลต้วนทิศตะวันตกกับทิศเหนือก็เลือกจะไปกันเอง และถึงกับพาสมาชิกหมู่บ้านของพวกมันแห่กันไปเมืองหลินซานด้วยเลย!
และก็ไม่แปลกอะไร ที่พวกมันจะโดนขับไล่ราวหมูหมา!
“บัดซบ! พวกเจ้าผลักไสเราผู้เฒ่า ทั้งตีเราผู้เฒ่าเช่นนี้…หรือพวกเจ้าไม่อยากมีลมหายใจอยู่แล้ว? ท่านผู้นำตระกูลต้วนเรามีไมตรีกับใต้เท้าต้วนหลิงเทียนศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงผู้นั้นมิใช่น้อย! พวกเจ้าไม่กลัวล่วงเกินใต้เท้าต้วนหลิงเทียนหรือไร?!”
สุดท้ายหัวหน้าหมู่บ้านสกุลต้วนทิศตะวันตกที่ถูกผู้คนตระกูลเมิ่งเอาไม้กวาดไล่ฟาดทุบ ก็โพล่งออกมาอย่างดุร้าย มันมาเยือนตระกูลเมิ่งและพูดคุยด้วยดีๆ แต่อีกฝ่ายกลับให้คนเอาไม้กวาดไล่ทุบขับไล่พวกมันราวหมูหมา มันก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน จึงแต่งเรื่องศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงมีไมตรีกับผู้นำตระกูลต้วนออกมาอย่างอุกอาจ
และคนที่สั่งให้ข้ารับใช้เอาไม้กวาดไล่ทุบหัวหน้าหมู่บ้านสกุลต้วนทิศตะวันตก ก็คือเมิ่งฉีโหย่ว ผู้หลอมโอสถระดับเทพของตระกูลเมิ่ง…
หลังได้รับทราบจุดประสงค์การมาของอีกฝ่าย เมิ่งฉีโหย่วก็แสยะยิ้มรังเกียจ “ก่อนที่นายน้อยต้วนจะไป ข้าเคยถามนายน้อยต้วนแล้ว ว่าใช่มีสัมพันธ์อันใดกับหมู่บ้านสกุลต้วนที่เหลืออีก 3 ทิศของพวกเจ้าหรือไม่…นายน้อยต้วนก็กล่าวตอบข้ามาชัดถ้อยชัดคำ…ว่าเพียงรู้จักแต่หมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้เท่านั้น! เพราะท่านผ่านมาแถวนี้พอดี จึงได้ไปพักอาศัยอยู่ที่นั่นเดือนเศษ และเพราะท่านได้รับการต้อนรับจากหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้อย่างอบอุ่น ก็เลยทวงคืนความเป็นธรรมให้! ส่วนอีก 3 หมู่บ้านสกุลต้วน หาได้มีใดเกี่ยวข้องกันไม่!!”
“ผายลมเฒ่าเจ้า! วันนี้ถึงกับกล้าใช้ประโยชน์จากนายน้อยต้วน!! เด็กๆ…ตีผายลมเฒ่านี่ให้ตาย!!”
เหล่าสมาชิกหมู่บ้านสกุลต้วนทิศตะวันออก ที่เฝ้ารอคอยหัวหน้าหมู่บ้านอย่างวาดหวังด้านนอก พอเห็นข้ารับใช้ของตระกูลเมิ่งหิ้วศพชราที่เนื้อตัวแหลกเละราวเนื้อบดออกมาโยนทิ้งราวหมูหมา ก็แตกตื่นเสียขวัญ รีบหนีเตลิดกลับบ้านแทบไม่ทัน
ด้านคนของหมู่บ้านสกุลต้วนทิศเหนือเอง ก็แจ้นหนีกลับมาด้วยแตกตื่นรวมถึงผิดหวังเช่นกัน แน่นอนว่าหัวหน้าหมู่บ้านของพวกมันก็โดนนิกายฟ้ายุทธ์สับเป็นชิ้นๆ…
หลังต้วนหมิงได้รับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ “ผู้เฒ่าทั้ง 2 เอย…พวกท่านอยู่ดีไม่ว่าดี ไฉนถึงได้เลอะเลือนรนหาที่ตายกันนัก?”
…
ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่รู้เลยว่าหลังเขาออกจากเมืองหลินซานมาแล้ว จะเกิดเรื่องราวชวนหัวดังกล่าวขึ้นในเมืองหลินซาน อีกทั้งยังกลายเป็นเรื่องขำขันของหมู่บ้านอื่นในภูเขาไร้สิ้นสุดไปอีกนาน…
และในขณะที่ตระกูลต้วนล้มเลิกความคิดใดๆทั้งมวล ด้านต้วนหลิงเทียนก็เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางเป็นที่เรียบร้อย เมืองวายุสวรรค์ เมืองที่ใหญ่โตและมีประชากรเหนือกว่าเมืองหลินซานหลายสิบเท่า!