ตอนที่ 1938 ยื่นมือเข้าแทรก
นอกประตูภูเขาเงียบกริบทั้งแถบ
พวกเด่นสะดุดตาจากแต่ละแคว้น สีหน้าเจือแววมืดทะมึน
ความแข็งแกร่งของข่งเจาทำให้พวกเขาใจสะท้านและหวาดผวา คำพูดเหยียดหยันของข่งเจาก็ทำให้ในใจพวกเขาไม่สบายใจอย่างยิ่ง
แต่เห็นได้ชัดยิ่ง ข่งเจาไม่สนใจเรื่องพวกนี้สักนิด เสียงปึงดังหนึ่งครา ทันทีที่ปลายเท้าของเขาเงื้อขึ้น เฮ่อเฟยหนิงที่อยู่บนพื้นก็ถูกเตะปลิวออกไป
จากนั้นเขาถึงกล่าวอย่างไม่ยี่หระว่า “ยังมีคนไหนไม่ยอมอีกหรือไม่”
“มี!”
ชายชุดดำคนหนึ่งก้าวออกมา ท่าทางโมโหเดือดดาล
“เจ้าเป็นอันดับหนึ่งของแคว้นหรือไม่”
ข่งเจาถาม
ชายชุดดำหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันควัน
ข่งเจาพลันหัวเราะ โบกมือไปมากล่าวว่า “เจ้าไม่ยอมคงไม่ได้ เพราะเจ้าไม่มีคุณสมบัติมาท้าสู้กับข้า”
เอ่ยถึงตรงนี้เขาคล้ายคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จู่ๆ ก็กล่าวขึ้นว่า “ใครคือจินเทียนเสวียนเยวี่ย”
ฟึ่บ!
ทางฝั่งแคว้นเมฆา สายตาของพวกเซี่ยอวี่ฮวา หวังถูต่างหันไปมองทางจินเทียนเสวียนเยวี่ย
และพร้อมกันนั้นจินเทียนเสวียนเยวี่ยก็เดินออกมา เอ่ยราบเรียบว่า “ทำไม เจ้าอยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับข้าหรือ”
สีหน้าของนางเยียบเย็น งามล้ำประหนึ่งเซียน ทันทีทีที่ก้าวออกมาก็ดึงดูดสายตามากมายในที่นั้น
“แลกเปลี่ยนเรียนรู้? ไม่”
สายตาของข่งเจากวาดมองเงาร่างอรชรอ้อนแอ้นของจินเทียนเสวียนเยวี่ยอย่างกำเริบเสิบสาน “ข่งอวี้ญาติผู้น้องของข้า ถึงแม้จะไม่เอาไหนยิ่ง แต่อย่างไรก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลข่ง ทว่าเขากลับถูกเจ้าคนที่ชื่ออวี่เสวียนฆ่าตาย เจ้าน่าจะรู้เรื่องนี้กระมัง”
คิ้วของหลินสวินเลิกขึ้นอย่างไม่เป็นที่จับสังเกต คิดไม่ถึงว่าข่งเจาจะเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาในเวลานี้ หนำซ้ำยังหันปลายหอกชี้ไปทางจินเทียนเสวียนเยวี่ย!
เสียงของจินเทียนเสวียนเยวี่ยเย็นชา กล่าวเรียบๆ “รู้ ข้าพูดได้เพียงว่าญาติผู้น้องของเจ้าตายได้ดี ตายได้น่าเบิกบานใจ หากเขายังมีชีวิตอยู่ ต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะก่อหายนะให้ตระกูลข่งของพวกเจ้ามากเท่าใด”
ฐานะที่ถูกผู้อื่นเกรงกลัวของข่งเจา นางในฐานะทายาทจักรพรรดิขาวดึกดำบรรพ์กลับไม่กริ่งเกรงเรื่องนี้สักนิด
“ข้าคร้านจะสนใจเรื่องพวกนี้”
กลับเห็นแววตาข่งเจาเย็นเยียบ “ข้าแค่อยากรู้ว่าอวี่เสวียนนั่นอยู่ที่ไหน!”
อวี่เสวียน?
คนส่วนใหญ่ในที่นี้ต่างมึนงง
มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่มาจากแคว้นเขียวจึงจะพอจำได้รางๆ ว่าก่อนหน้านี้เคยมีผู้แข็งแกร่งที่ชื่ออวี่เสวียนคนหนึ่ง ฆ่าพวกข่งอวี้ที่นอกเมืองหลินอันของแคว้นเขียว เรียกระลอกคลื่นใหญ่ขึ้นครั้งหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าที่ข่งเจาพูดถึงในยามนี้ ก็คืออวี่เสวียนคนนี้!
“น่าขัน อวี่เสวียนอยู่ที่ไหนข้าจะรู้ได้อย่างไร”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยหลุดขำ
ข่งเจาสีหน้าเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นขึ้นมา “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือ ว่าตอนแรกเจ้าจินเทียนเสวียนเยวี่ยกับอวี่เสวียนเคลื่อนไหวร่วมกัน วันนี้หากเจ้าไม่ให้คำอธิบายสักอย่าง ก็อย่าโทษที่ข้าจะกำราบเจ้าก่อนงานชุมนุมถกมรรคครั้งนี้ก็แล้วกัน!”
ประโยคเดียวไอเข่นฆ่าคละคลุ้ง
“กำราบ? เจ้าจะลองดูก็ได้”
สีหน้าของจินเทียนเสวียนเยวี่ยก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาเช่นกัน ตรงไปตรงมา ไม่ยอมอ่อนข้อ
เวลานี้แม้แต่ก้วนซวีก็ยังรู้สึกยากจะรับมือหาใดเปรียบ ปวดหัวยิ่งยวด ไม่รู้ว่าควรคลี่คลายข้อพิพาทตรงหน้านี้อย่างไร
เพราะว่าคนหนึ่งเป็นผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ทายาทเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง อีกคนเป็นทายาทจักรพรรดิขาวดึกดำบรรพ์ ไม่ว่าคนไหนก็เป็นพวกที่ไม่อาจหาเรื่องด้วยได้
หลินสวินยืนดูอยู่ด้านข้างเงียบๆ ตลอดมา เมื่อเห็นภาพนี้ไอสังหารในใจผุดแล่น ตัดสินโทษตายให้ข่งเจาแล้ว!
กลับเห็นว่าเวลานี้ข่งเจายิ้มขึ้นมา กล่าวว่า “ที่นี่เป็นถึงหน้าเรือนมรรคโลกาสวรรค์ เพราะงานชุมนุมถกมรรค สายตาทุกคู่ทั่วฟ้าดาราล้วนจับจ้องอยู่ที่นี่หมดแล้ว หากเจ้าจินเทียนเสวียนเยวี่ยถูกกำราบอยู่ที่นี่ หน้าตาคงจะเสื่อมเสียครั้งใหญ่ ถึงตอนนั้นเกรงว่าตระกูลจินเทียนของเจ้าก็คงต้องขายขี้หน้าเพราะเจ้าไปด้วย”
นี่ก็คือคำขู่แบบไม่มีการปกปิดใดๆ
จินเทียนเสวียนเยวี่ยกล่าวเรียบๆ “ข้ารู้เพียงว่าข่งอวี้ตายแล้ว เจ้าข่งเจาแม้แต่ตัวฆาตกรก็หาไม่พบ กล้าเพียงมาแหกปากวางกร่างอยู่ที่นี่เท่านั้น ช่างทำขายหน้าตระกูลข่งของพวกเจ้าชัดๆ”
“ปากดีนัก!”
เงาร่างของข่งเจาหายลับจากจุดเดิมทันควัน ถึงกับลงมืออย่างไม่ลังเล
ครู่ต่อมาเขาก็ไปโผล่อยู่เบื้องหน้าจินเทียนเสวียนเยวี่ย ฝ่ามือดุจกรงเล็บ กลายเป็นรุ้งวิเศษห้าสี ราวกับตาข่ายยักษ์ที่พร่างพราวหลากสีสันแผ่ครอบลงมา
เร็ว!
เร็วจนน่าเหลือเชื่อ!
คนมากมายต่างหน้าเปลี่ยนสี
เฮ่อเฟยหนิงก่อนหน้านี้ ในฐานะอันดับสามศึกถกมรรคแคว้นเยี่ยนยังไร้เรี่ยวแรงปัดป้อง ถูกกำราบอย่างง่ายดาย
และยามนี้จินเทียนเสวียนเยวี่ยที่อยู่อันดับเจ็ดของแคว้นเมฆา มีหรือจะต้านพลังของข่งเจาได้
น่าเสียดาย ทุกคนกลับมองข้ามจุดหนึ่งไป อันดับเจ็ดของจินเทียนเสวียนเยวี่ยนี้ จับฉลากโชคดีได้มาทั้งสิ้น ไม่สอดคล้องกับพลังความแข็งแกร่งของนางเลยด้วยซ้ำ
ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ในกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ นางอยู่อันดับที่สี่สิบเก้า!
ชิ้ง!
เบื้องหน้าจินเทียนเสวียนเยวี่ย คมกระบี่สีขาวสายหนึ่งพุ่งโฉบ ดุจดั่งแสงเยียบเย็นสะเทือนเก้าชั้นฟ้า ภายใต้การฟาดฟันหนึ่งครา การโจมตีครั้งนี้ของข่งเจาก็ถูกสลายอย่างง่ายดาย
กลับเห็นข่งเจาสีหน้าผ่อนคลาย ซัดหนึ่งฝ่ามือออกไปอีกครั้ง
ตูม!
ยามที่ฝ่ามือนี้ควบรวม ก็เหมือนประทับมรรคห้าสีในมือเทพสวรรค์มาเยือนโลก สาดพลังพิฆาตที่ราวกับทำลายล้างโลกออกมา
นัยน์ตากระจ่างของจินเทียนเสวียนเยวี่ยหดรัด ผิวกายเย็นวาบ ยามที่กำลังจะหลบเลี่ยง
ก็เห็น…
ลำแสงคมสายหนึ่งปรากฏขึ้น ควบหลอมถึงขีดสุด และกร้าวแกร่งถึงขีดสุดเช่นกัน สว่างจ้าพร่าตา
ดวงตาของคนมากมายต่างลืมไม่ขึ้น รู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างหนึ่ง
ตามมาติดๆ คือเสียงสนั่นหวั่นไหวที่สะเทือนจนหูจะหนวก ประทับฝ่ามือห้าสีสายนั้นถูกทะลวงโจมตี ระเบิดออกทันควัน กลายเป็นละอองแสงสาดกระเซ็น
จากนั้นเสียงหนักทึบก้องขึ้นมา ข่งเจาที่อนุภาพดุจทวยเทพเซถอยไปหลายก้าว กลางฝ่ามือเขามีเลือดสดไหลริน
คราวนี้ผู้คนในที่นั้นจึงตระหนักได้ว่า ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่มีเงาร่างสายหนึ่งขวางอยู่ตรงหน้าจินเทียนเสวียนเยวี่ยแล้ว อาภรณ์สีขาวพระจันทร์ หล่อเหลาไร้มลทิน
เป็นหลินสวินนั่นเอง!
“เป็นเขา จินตู๋อี!”
“เขาถึงกับกล้ายื่นมือเข้าแทรกเรื่องนี้หรือ”
“ยอดเยี่ยมนัก ภายใต้สภาพไม่ทันตั้งตัว ข่งเจายังเสียเปรียบ”
ในลานเกิดเสียงฮือฮา สายตาทุกคู่ล้วนมองไปยังหลินสวินเป็นจุดเดียว เจือแววตกใจเต็มเปี่ยม ต่างคิดไม่ถึงว่าเขาจะยื่นมือเข้าแทรก
“จินตู๋อี อันดับหนึ่งศึกถกมรรคแคว้นเมฆาหรือ”
ข่งเจาเอ่ยปาก เขาในเวลานี้นัยน์ตามีประกายลุกโชนพวยพุ่ง ไอสังหารดุจกระแสน้ำหลากพวยพุ่ง อานุภาพทั่วร่างน่าสะพรึงไร้สิ้นสุด
ภายใต้สายตาจับจ้องของผู้คน เขาถึงกับถูกโจมตีบาดเจ็บ กลางฝ่ามือถูกกรีดแหวกเป็นแผลกระบี่สายหนึ่ง นี่ทำให้ในใจเขาเดือดดาล
หลินสวินกล่าวราบเรียบ “ศัตรูของเจ้าคืออวี่เสวียน ไม่ใช่แม่นางเสวียนเยวี่ย เจ้ากลับพุ่งเป้าเล่นงานนางเช่นนี้ ไม่รู้สึกขายหน้าบ้างหรือ”
พวกลู่ตู๋ปู้ เซี่ยอวี่ฮวาต่างรู้สึกประหลาด ในภาพจำของพวกเขา จินตู๋อีนิ่งเงียบมากเรื่อยมา คล้ายกับไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่สนใจทั้งสิ้น
ทว่าเวลานี้เขาถึงกับเป็นฝ่ายลงมือก่อนอย่างหาได้ยาก หนำซ้ำเผชิญหน้ากับพวกน่าสะพรึงอย่างข่งเจายังไม่รู้สึกเกรงกลัวสักนิด!
“ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ เจ้านับเป็นตัวอะไร มีสิทธิ์มาสั่งสอนข้าด้วยหรือ”
ข่งเจาหัวเราะอย่างเดือดดาล
เขาสาวเท้าขึ้นไปเบื้องหน้า ไอสังหารแผ่เผย “ในเมื่อเจ้าแส่ไม่เข้าเรื่อง เช่นนั้นครั้งนี้ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนให้กับเรื่องนี้!”
ตูม!
ด้านหลังของเขามีแสงเทพห้าสีอย่างชาด เขียว ดำ ขาว และเหลืองโฉบขึ้นรางๆ ไหลเวียนคุกรุ่น แสงมรรคอบอวล เจิดจ้าพร่าตาอย่างที่สุด
นี่คือพลังพรสวรรค์ในสายเลือดของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง… แสงเทพห้าสี!
ในคำเล่าลือ ร่างเดิมของบรรพชนต้นตระกูลเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งเป็นนกยูงห้าสีตัวหนึ่ง ครอบครองแสงเทพห้าสี เพียงแค่กวาดเบาๆ ก็สามารถทำลายสมบัติทั้งปวงให้ย่อยยับได้!
“จบกัน ข่งเจาบันดาลโทสะ จินตู๋อีนี่ต่อให้ไม่ตายก็ต้องเจ็บหนัก!”
คนมากมายใจสั่น
โดยเฉพาะก้วนซวีร้อนรนหาใดเปรียบ ภาพจำที่เขามีต่อหลินสวินดีมาก เดิมทียังให้ความสำคัญกับหลินสวินถึงขีดสุด ซ้ำยังหวังว่าเขาจะสามารถเฉิดฉายในงานชุมนุมถกมรรค เป็นหน้าเป็นตาให้กับแคว้นเมฆา
ใครเลยจะเคยคาดคิด งานชุมนุมถกมรรคยังไม่ทันเริ่มก็เกิดระลอกคลื่นยักษ์เช่นนี้ขึ้นแล้ว!
ภายในลานมีเพียงสองคนเท่านั้นที่มั่นอกมั่นใจเป็นที่สุด
คนหนึ่งคือจินเทียนเสวียนเยวี่ย นางเข้าใจรากฐานพลังของหลินสวินที่สุด
อีกคนคือเด็กหนุ่มชุดป่านเสวียนจิ่วอิ้น ตั้งแต่หลินสวินเป็นฝ่ายยื่นมือเข้าแทรกเรื่องนี้ เขาก็มั่นใจได้ทันที ว่าพี่ชายคนนี้ต้องเป็น ‘อวี่เสวียน’ อย่างแน่นอน!
ดังนั้นยามเห็นหลินสวินและข่งเจาประมือกัน ในใจเขาก็มีเพียงความคึกคักและตั้งตาคอย เกรงแต่ว่าฟ้าดินจะไม่อลหม่าน
เพราะเขารู้ดีที่สุดว่าพี่ชายคนนี้เป็นพวกร้ายกาจปานใด วิธีแสร้งเป็นหมูล่อกินเสือเล่นได้ไหลลื่นยิ่งกว่าใครทั้งหมด!
ทว่าไม่รอให้การต่อสู้ครั้งนี้ประทุขึ้น เสียงกึกก้องขรึมเข้มสายหนึ่งก็ดังขึ้นมา…
“ข่งเจา พวกเราเป็นแขก จะมาทำกร่างวางโตอยู่ที่นี่ได้อย่างไร รีบกลับมา”
ประโยคเดียวก้องสะท้อนทั่วฟ้าดิน อื้ออึงสนั่นหวั่นไหว ดุจดั่งเสียงแห่งมหามรรคมาเยือน ทุกคนต่างหน้าเคร่ง เกิดความรู้สึกเคารพยำเกรงขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ
เจ้าของเสียงนี้ต้องเป็นระดับจักรพรรดิคนหนึ่งแน่!
ฝีเท้าของข่งเจาชะงักกึก สีหน้าวูบไหวไม่นิ่ง นิ่งเงียบไปพักหนึ่งก็ชี้ไปทางหลินสวิน กล่าวว่า “ในงานชุมนุมถกมรรค ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ชัดถ้อยชัดคำ ไอสังหารประหนึ่งเดือดพล่าน
กล่าวจบเขาก็หมุนตัวจากไป
มองเงาร่างของเขาหายลับไปในประตูภูเขาแห่งนั้น ผู้คนในที่นี้ต่างถอนหายใจโล่งอกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ประหนึ่งผลักก้อนหินที่กดทับหัวใจทิ้งไป
อันที่จริงความกดดันที่ข่งเจานำมาให้พวกเขาก่อนหน้านี้รุนแรงเกินไปจริงๆ แค่คนเดียวเท่านั้น แต่อำนาจบารมีที่กำเริบเริบสาน วางโตโอหังของเขานั้น ทำให้ใครก็ตามไม่อาจไม่ให้ความสำคัญ
‘จินตู๋อีนี่ช่างโชคดีนัก ทำให้ข่งเจาเดือดร้อนได้นิดๆ ซ้ำยังหลบเลี่ยงเคราะห์สังหารครั้งหนึ่งไปอย่างโชคช่วยอีกด้วย’
คนมากมายลอบทอดถอนใจ
พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในใจหลินสวินตอนนี้ผิดหวังอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะเขาเตรียมจะจัดการข่งเจาเอาไว้แล้ว คิดไม่ถึง กลับเกิดเหตุสุดวิสัยเสียได้
เด็กหนุ่มชุดป่านเองก็ผิดหวังยิ่ง อดบ่นพึมพำไม่ได้ “ก็ไม่รู้เจ้าเฒ่าคนไหนทำให้หมดสนุกขนาดนี้ เร็วไม่เอ่ยปาก ช้าไม่เอ่ยปาก ดันมาเอ่ยปากเอาตอนนี้…”
ผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่อยู่ละแวกนั้นต่างตะลึงอึ้งค้าง จุ๊ปากไม่สิ้น เจ้าหมอนี่เป็นใครกัน ถึงกับกล้าอารมณ์เสียใส่ระดับจักรพรรดิที่เป็นไปได้สูงว่าอาจมาจากเรือนมรรคดึกดำบรรพ์คนหนึ่ง
แต่เด็กหนุ่มชุดป่านกลับไม่สนใจสิ่งเหล่านี้
เขาไม่เพียงไม่เกรงกลัวคนอย่างข่งเจา ซ้ำยังไม่สนใจด้วยว่าประโยคนี้จะยั่วโทสะพวกระดับจักรพรรดิเข้าหรือไม่
เพราะว่าเขา…
แซ่เสวียน!
แค่แซ่เดียวก็เพียงพอแล้ว
หลินสวินเองก็ได้ยินเสียงบ่นนี้ด้วยเช่นกัน อดเหลือบมองเด็กหนุ่มชุดป่านปราดหนึ่งไม่ได้ เจ้าหมอนี่เหตุใดถึงได้ชอบชมดูเรื่องสนุกๆ ปานนี้!
เด็กหนุ่มชุดป่านสัมผัสได้ถึงสายตาของหลินสวิน เขาหัวเราะเบิกบานคราหนึ่งแล้วโบกมือกล่าว “พี่ชาย เมื่อครู่ท่านสุดยอดไปเลย”
หลินสวินเมินเขาไปตรงๆ ในใจพอจะระบุได้แล้วว่าเด็กหนุ่มชุดป่านจะต้องรู้ฐานะของตนแล้วแน่ๆ
แน่นอน ฐานะที่เขามองออกคือ ‘อวี่เสวียน’ ดังนั้นหลินสวินจึงไม่กังวลใจอะไรนัก
นอกจากนี้เขายังมีฐานะอื่น หนึ่งคือหลินเต้าหยวน และอีกหนึ่งคือฐานะแท้จริงของเขา…
หลินสวิน!
ในขณะเดียวกันภายในประตูภูเขา
พร้อมๆ กับการจากไปของข่งเจา สายตาบางส่วนที่เดิมทีจับจ้องการเคลื่อนไหวนอกประตูภูเขาต่างก็เก็บกลับไปอย่างต่อเนื่อง
บนโขดหินก้อนหนึ่งในประตูภูเขา มีชายหนุ่มสะพายกระบี่ยาวบนหลังคนหนึ่งนั่งยองๆ อยู่ ผมยาวแผ่สยาย สาบเสื้อเปิดกว้าง ท่าทางพยศแข็งกร้าว
เขากระดกน้ำเต้าร่ำสุราไปพลางกล่าวว่า “จินตู๋อีนี่ชักน่าสนใจแฮะ”
——