บทที่ 2867 ในที่สุดก็ยอมพูดยอมเดินแล้ว + ตอนที่ 2868 ไม่ทานเนื้อ

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2867 ในที่สุดก็ยอมพูดยอมเดินแล้ว

ภายใต้การเจรจาอย่างราบรื่นระหว่างเสี่ยวจูกับพี่สาวพี่ชาย วันนี้ก็ปล่อยให้เขาได้นอนหลับอย่างสบายใจอีกวัน พรุ่งนี้ก็จะเริ่มต้นชีวิตอันแสนเศร้าของเขาแล้ว

“ก็ได้ ไม่เข้าใจเธอจริง ๆ นอนมีอะไรดีนักหนา ข้างนอกมีของอร่อย ๆ ของสนุกสนานแล้วยังรู้จักกับเพื่อนใหม่อีกด้วย สนุกกว่าอยู่บ้านตั้งเยอะ” เล่อเล่อคิดไม่ตกจริง ๆ

เสี่ยวจูแค่นเสียงทีหนึ่งคร้านจะอธิบาย

ไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกันต่อให้เขาอธิบายไปก็ไม่เข้าใจหรอก

เฮ้อ…ฮีโร่ช่างเหงาเหลือเกิน!

วันรุ่งขึ้นหรือวันสุดท้ายตามสัญญาสามวัน เหมยเหมยตัดสินใจแน่วแน่ว่าพรุ่งนี้จะพาเสี่ยวจูไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล ไม่ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะว่าอย่างไรก็ไม่ยอมฟังแล้ว รีบตรวจหาสาเหตุแต่เนิ่น ๆจะได้รีบเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ได้ทำใจไว้แล้ว ต่อให้เสี่ยวจูมีปัญหาด้านสติปัญญาหรือด้านอื่น ๆเธอก็จะเลี้ยงดูเสี่ยวจูอย่างดี ไม่มีวันทอดทิ้งเขาเด็ดขาด

เช้าวันนี้เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ซื้อเต้าหู้เหม็นกลับมาเพราะเน่าเน่าบอกไม่ต้องการแล้ว เขาตั้งตารอคอยวันนี้เหลือเกิน อยากดูว่าเสี่ยวจูพูดได้เดินได้จริงไหม

หากเขาเดาไม่ผิดลูกชายคนเล็กน่าจะอ่อนไหวต่อกลิ่นมาก ดังนั้นเน่าเน่าถึงเอาปัสสาวะไปรมเสี่ยวจู พวกเขาเป็นพี่น้องฝาแฝดกันจึงเข้าใจกันและกันมากที่สุดในโลกแล้ว

วันนี้เหยียนหมิงซุ่นไม่ต้องไปทำงาน เขาสะสางงานไปพอประมาณแล้วเลยตั้งใจอยู่บ้านเพื่อรอดูเซอร์ไพรส์จากลูกชายคนเล็ก

ป้าฟางจัดอาหารเช้าไว้บนโต๊ะโดยมีโจ๊ก เสี่ยวหลงเปา แป้งห่อไส้กุยช่าย ขนมแผ่นแป้งมันฝรั่งใส่ไข่…รสชาติจืดชืดแต่มีประโยชน์

“ขนมแผ่นแป้งมันฝรั่งใส่ไข่อันนี้ทำให้เสี่ยวจู เขาชอบทานอันนี้ที่สุด ฉันจะเอาขึ้นไปให้เขาเอง เสี่ยวจูน่าจะตื่นแล้วสินะ” ป้าฟางตักขนมแผ่นแป้งมันฝรั่งใส่ไข่แยกออกมาเตรียมยกขึ้นไปชั้นบน

เสี่ยวจูไม่ทานเนื้อและไม่ทานอาหารที่มีกลิ่นฉุน อย่างประเภทผักกุยช่ายหรือขึ้นฉ่ายเจ้าตัวไม่แม้แต่จะแตะต้องสักนิด เพราะโปรดปรานอาหารรสจืดอย่างเดียว

“ไม่ต้องเอาขึ้นไปหรอก เสี่ยวจูจะลงมาทานเอง”

เล่อเล่อทานเสี่ยวหลงเปาคำละลูกพูดเสียงอู้อี้

เหมยเหมยตอบกลับอย่างไม่พอใจ “ลูกฝันอยู่หรือไง? น้องชายของลูกเคยลงมาทานข้าวเองตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“ลงมาวันนี้แหละ!” เล่อเล่อกลืนซาลาเปาลงท้องแล้วเงยหน้าตะโกนขึ้นไปชั้นบน “เหยียนเสี่ยวจูยังไม่ลงมาอีกเหรอ?”

“มาแล้ว…” เสียงน่ารักดังแว่วลงมาจากชั้นบน

ทุกคนใจเต้นตึกตักพลางหันไปมองบันไดอย่างพร้อมเพรียงกลับเห็นว่าเจ้าเด็กเสี่ยวจูที่ปกติกำลังหลับอย่างสบายใจ กำลังเดินลงบันไดทีละก้าวอย่างเชื่องช้า…

เหมยเหมยหยิกตัวเหยียนหมิงซุ่นแรง ๆอย่างไม่เชื่อสายตา เหยียนหมิงซุ่นเจ็บจนซี๊ดปากแล้วเอ่ยอย่างระอาใจว่า “ไม่ได้ฝันอยู่ เสี่ยวจูพูดได้เดินได้จริง ๆ”

“พระเจ้า…เสี่ยวจู ทำไมลูกไม่ให้เวลาแม่ได้เตรียมใจหน่อยเลย? บทจะเดินได้ก็เดินได้หน้าตาเฉย…ดีจริง ๆเลยนะ…” ในที่สุดเหมยเหมยก็ได้สติสักทีว่าไม่ได้ฝันไป ลูกชายคนเล็กพูดได้และเดินได้จริง ๆ

ลูกชายคนเล็กไม่ใช่เด็กมีปัญหาทางสมองและยิ่งไม่ใช่เด็กปัญญาอ่อน พระเจ้าคุ้มครอง!

เหมยเหมยพุ่งเข้าไปสวมกอดลูกชายคนเล็กแล้วจุ๊บแก้มเขาแรง ๆอยู่หลายที คุณย่าหยางกับคุณปู่ก็ล้อมเข้ามาหาหอมแก้มซ้ายหลายฟอดแก้มขวาอีกหลายฟอดอย่างตื้นตันใจ

“ฉันต้องไปจุดธูปให้บรรพบุรุษแล้ว ฟ้าช่างมีตาจริง ๆ!”

คุณปู่ตื่นเต้นสุดฤทธิ์จนไม่คิดจะทานข้าวอีกแต่เดินกะเผลก ๆไปจุดธูปแทน

เน่าเน่าเบะปาก เกี่ยวอะไรกับพระเจ้ากัน ทั้งหมดล้วนเป็นความดีความชอบของเขาทั้งนั้น!

“เสี่ยวจู เรียกคุณแม่สิ” เหมยเหมยมองลูกชายคนเล็กอย่างคาดหวัง

“คุณแม่!” เสี่ยวจูเรียกแต่โดยดีทีหนึ่งทำเอาเหมยเหมยดีใจแทบแย่

ด้านหลังก็ไม่ต้องให้เหมยเหมยสอนอีก เสี่ยวจูไล่ทีละคน “คุณพ่อ คุณย่าทวด คุณปู่ทวด คุณปู่เหลา คุณย่าฟาง…”

ไม่เรียกผิดสักคนเดียว

“ฉันว่าแล้วเหลนชายฉันฉลาดปราดเปรื่อง แค่ไม่อยากอ้าปากพูดเท่านั้นละ ในใจน่ะรู้ดีกว่าใครเลย!” คุณย่าหยางได้ใจสุดขีด

เหยียนหมิงซุ่นอุ้มเสี่ยวจูมาแล้วถาม “ทำไมไม่ยอมพูดและไม่ยอมเดิน?”

“ง่วง!”

เสี่ยวจูย่นจมูกอ้าปากโตหาววอดใหญ่ทีหนึ่งแล้วคว้าขนมแผ่นแป้งไข่ไก่ขึ้นมาทาน รีบทานเสร็จจะได้รีบไปนอนต่อ

………………………….

ตอนที่ 2868 ไม่ทานเนื้อ

เสี่ยวจูสะลึมสะลือขณะที่สองมืออวบกำขนมแผ่นแป้งไข่ไก่ใส่ปากเคี้ยวคำโต เขาชอบขนมแผ่นแป้งมันฝรั่งใส่ไข่ที่คุณย่าฟางทำที่สุดเลย แต่กัดไปไม่กี่คำเสี่ยวจูก็ขมวดคิ้วทว่าก็ไม่หยุดทาน

“ทานช้าหน่อย ดื่มนมสักอึกสิ” เหมยเหมยเอานมมา ขอบคุณฟ้าขอบคุณดินที่เสี่ยวจูยอมดื่มนม

แต่ไม่ว่าจะเป็นนมประเภทไหนต้องผ่านกระบวนการไม่ให้เหลือกลิ่นคาวแม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้นเสี่ยวจูจะไม่แม้แต่ปรายตามองสักแวบเดียว ฉะนั้นนมในบ้านต้องผ่านการต้มพร้อมลูกซิ่งเหริน[1]เสี่ยวจูถึงยอมดื่ม

เสี่ยวจูรับนมมากระดกอึกใหญ่ก่อนจะเบะปากอย่างไม่พอใจ “ไม่หวาน”

ทุกครั้งที่เติมน้ำผึ้งคุณแม่ชอบขี้เหนียวตลอด เมื่อก่อนเขาขี้เกียจจะพูดเลยหลับตาดื่มมันไป แต่ตอนนี้ในเมื่ออ้าปากพูดแล้วก็ควรเอ่ยในสิ่งที่ต้องการไป เขาจะทรมานตัวเองไม่ได้

“เติมน้ำผึ้งไปหนึ่งช้อนแล้ว เด็กทานหวานมากไม่ได้ ไม่งั้นระวังฟันผุนะ!” เหมยเหมยไม่อนุญาต

ลูกชายคนเล็กโปรดปรานอาหารรสหวานเป็นพิเศษ แม้แต่โจ๊กผักยังต้องเติมน้ำผึ้งทุกครั้งและต้องเป็นน้ำผึ้งจากผึ้งป่าของหายากจากทางยูนนาน ไม่อย่างนั้นต่อให้เป็นน้ำผึ้งชั้นดีแค่ไหนก็ไม่คิดจะเชยชิมสักคำ แค่ได้กลิ่นก็อาเจียนแล้ว

ไม่รู้ว่าจมูกของเจ้าตัวเล็กนี่ทำจากจมูกหมาหรือเปล่าเพราะดูจะรับกลิ่นไวกว่าลูกหลานหมาป่าอย่างเสวี่ยเอ๋อร์เสียอีก แม้แต่เสวี่ยเอ๋อร์ยังแยกแยะความต่างระหว่างน้ำผึ้งหายากกับน้ำผึ้งชั้นดีไม่ออกเลย!

“แปรงฟัน…ไม่ผุ” เสี่ยวจูดึงดันจะเติมน้ำผึ้งพร้อมมองเหมยเหมยตาปริบ ๆสื่อว่าหากไม่เติมเขาจะไม่ทานต่อแล้ว

เหมยเหมยอดขำไม่ได้ เจ้าตัวเล็กที่ดูท่าทางซื่อบื้อเอาแต่นอนทุกวี่วัน คิดไม่ถึงว่าพออ้าปากทีจะช่างเจรจาดีเหลือเกิน รู้จักยอกย้อนเธอแถมข้ออ้างก็ดูสมเหตุสมผลดีด้วย

“งั้นก็เติมอีกช้อนแล้วกัน น่าสงสารออก!” คุณย่าหยางใจแทบหลอมละลายวิ่งไปเอากระปุกน้ำผึ้งมาอย่างมีความสุขแล้วเติมน้ำผึ้งเข้มข้นให้อีกช้อนพร้อมคนให้เสร็จสรรพ

“ขอบคุณครับย่าทวด…”

เสี่ยวจูชิมคำหนึ่งก็ตาลุกวาว คุณย่าทวดสิใจกว้าง คุณแม่ขี้เหนียว

“เด็กดี…รีบดื่มเร็ว ดื่มเยอะ ๆจะได้ตัวสูง ๆ ว่าแต่ทำไมเหลนถึงไม่ชอบทานเนื้อล่ะ ถ้าชอบแทะกระดูกเหมือนพี่ชายจะดีขนาดไหนนะ” คุณย่าหยางดีใจแต่ก็มีเรื่องที่เสียดายอยู่ดี

เหลนชายคนเล็กพูดได้เดินได้เธอก็สบายใจขึ้นมากแล้ว แต่เรื่องที่เสี่ยวจูไม่ยอมทานเนื้อทำเอาเธอคิดหนักเสียจริง ดื่มแต่น้ำนมทานแต่ไข่ไก่ก็รับประกันสารอาหารช่วงวัยเจริญเติบโตของเด็กไม่ได้นี่นา!

อีกอย่างเธอแอบสงสัยลึก ๆว่าสาเหตุที่เสี่ยวจูเพิ่งเดินได้พูดได้ตอนนี้เพราะได้รับสารอาหารไม่ครบหมู่

“เหม็น!”

เสี่ยวจูได้ยินคำว่าเนื้อก็ย่นคิ้วแน่น หน้าตาของเขาคล้ายคลึงกับเหมยเหมยอย่างมากซึ่งค่อนไปทางน่ารักรูปงาม หากไม่ใช่เพราะจมูกกับปากคล้ายเหยียนหมิงซุ่นมากกว่าเจ้าตัวเล็กคงเป็นสาวงามคนเล็กที่ใครเห็นก็เป็นอันต้องหลงรักแน่นอน

สิ่งที่เกลียดที่สุดก็คือเนื้อกลิ่นเหม็นสาบพวกนั้น ดมแล้วเหม็นแต่ทานแล้วยิ่งเหม็นกว่าเดิม เขายอมแทะหญ้ายังจะดีเสียกว่า

เหมยเหมยได้ยินก็รู้สึกขัน “เนื้อหอมจะตาย จะเหม็นได้อย่างไร?”

“เหม็น ๆ…ไม่อยากกิน” เสี่ยวจูส่ายหน้าอย่างหนักแน่น รอเขาหาเนื้อที่ไม่มีกลิ่นเหม็นสาบเจอก่อนค่อยพิจารณาอีกที

“ก็ได้ ๆ…ไม่กินก็ไม่กิน ลูกก็แทะหญ้าเป็นพระต่อไปเถอะ” เหมยเหมยเองก็ไม่บีบบังคับเขา แม้เจ้าตัวเล็กจะทานอาหารมังสวิรัติแต่เพราะมีเมนูอาหารจากนักโภชนาการ ไหนจะมีไข่ไก่กับน้ำนมที่ให้สารอาหารเพียงพอแล้ว ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเจ้าตัวเล็กจะได้รับสารอาหารไม่ครบหมู่เลย

บางทีชาติที่แล้วเสี่ยวจูของเธออาจเป็นถึงพระสงฆ์ที่ตรัสรู้แล้วก็ได้!

ฉะนั้นถึงเกิดมาไม่ชอบทานเนื้อ!

เหยียนหมิงซุ่นมองลูกชายคนเล็กขณะที่ครุ่นคิดบางอย่าง เสี่ยวจูไม่เพียงแต่ไม่ชอบทานเนื้อแต่ควรจะบอกว่าไม่ชอบทานอาหารทุกอย่างที่มีกลิ่นฉุน เพื่อทดสอบความคิดของเขาเหยียนหมิงซุ่นเลยไปหยิบหาของกองหนึ่งมาจากในครัว

…………………