ตอนที่ 3630

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3630 : ช่วยด้วย!

 

ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ก็ไม่ได้มีนักศึกษาระดับ 10 ดาวมากมายอะไร

 

ปัจจุบันก็มีกันแค่ 30 คนทเท่านั้น

 

สุดท้ายแล้วนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ เมื่ออายุครบ 3,000 ปีเมื่อไหร่ ก็จะถือว่าจบการศึกษาจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ และสามารถเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับได้ทันที

 

เป็นธรรมดาว่านักศึกษา 10 ดาวที่จบจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ยามเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับ ก็จะได้เป็นศิษย์สายในทันที ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนทำผลงานเหมือนศิษย์สายนอกทั่วไป เพราะปกติแล้วศิษย์สายนอกนั้นจำต้องดิ้นรนทำผลงานและมีพลังฝีมือเป็นอันดับต้นๆของศิษย์สายนอก ถึงจะเลื่อนตำแหน่งเป็นศิษย์ฝ่ายในได้

 

ตลอดช่วง 30 ปีที่ผ่านมา สถานศึกษาหมอกเร้นลับไม่มีนักศึกษา 10 ดาวคนใหม่เลย…

 

ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา มีคนนอกจำนวนมากที่มาเข้าทดสอบประเมินเป็นนักศึกษา 10 ดาว แต่ทั้งหมดล้วนล้มเหลว…อีกทั้งนักศึกษา 9 ดาวของสถานศึกษาเอง ก็ไม่มีผู้ใดสามารถผ่านการทดสอบยกระดับเป็นนักศึกษา 10 ดาวได้เลย กระทั่งอายุครบกำหนดแล้วก็ทำไม่ได้ สุดท้ายก็ถูกขับออกจากสถานศึกษาไป

 

แน่นอนว่านักศึกษา 9 ดาวที่ถูกขับออกดังกล่าว สามารถเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับได้ แต่จะเป็นได้แค่ศิษย์สายนอกเท่านั้น หากไม่เข้าร่วมนิกายหมอกเร้นลับในฐานะศิษย์สายนอก ก็คือไม่เข้าร่วมนิกายหมอกเร้นลับเลย เรียกว่าสิ้นสุดความเกี่ยวข้องกับนิกายหมอกเร้นลับไปโดยปริยาย

 

อันที่จริง มีเพียงนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับเท่านั้น ที่เข้าถึงทรัพยากรล้ำค่าที่แท้จริงของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ

 

ทรัพยากรล้ำค่าที่ว่า ก็ได้แก่เคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับราชาเทพเป็นต้น

 

ยังมีบางอย่างที่ช่วยให้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้มากขึ้น

 

 

ด้านต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน ก็ไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าชายชราด้านนอกกำลังคิดอะไรอยู่

 

ตอนนี้เขากำลังเดินขึ้นบันได เพื่อไปยังชั้นที่ 2 ของเจดีย์ทดสอบ

 

บันไดที่ว่าก็ไม่เคยปรากฏออกมาก่อน

 

กล่าวให้ถูกคือมันยังไม่ปรากฏออกมา จนเมื่อต้วนหลิงเทียนผ่านด่านทดสอบทั้ง 10 ด่านของเจดีย์ทดสอบชั้นที่ 1

 

‘ด่านทดสอบทั้งหมดในชั้นที่ 1 ของเจดีย์ทดสอบ ถือว่าไม่ยากเย็นอะไร ขอเพียงเป็นผู้ที่ผ่านเกณฑ์เข้าทดสอบเป็นนักศึกษา 10 ดาวตามกำหนด ก็สามารถผ่านมันได้ไม่ยาก…และด้วยเกณฑ์ที่ค่อนข้างเข้มงวดนั่น เกรงว่าไม่ว่าใครก็ตามที่ผ่านเกณฑ์ สมควรทำลายร่างวิญญาณค่ายกลแต่ละด่านได้ในกระบวนท่าเดียว’

 

ขณะที่ครุ่นคิดไปเรื่อย ต้วนหลิงเทียนก็เดินมาถึงบันไดขั้นบนสุดแล้ว พอก้าวเท้าขึ้นไป ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าก็แปรเปลี่ยนไปทันที

 

คราวนี้หลังฉากเปลี่ยนไป ก็ไม่มีพื้นที่ราบอันกว้างใหญ่อะไรอีก แต่เสมือนหลุดมาอยู่ในขุมนรกแห่งความมืดก็ไม่ปาน เพราะมองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยความมืดมิด กระทั่งยังเป็นความมืดมิดที่ไม่อาจแลเห็นแม้แต่นิ้วมือทั้ง 5

 

พอพบเจอสถานการณ์ดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร พลังเทพทั่วร่างพวพุ่งขึ้นมา และด้วยแสงพลัง ก็ทำให้อาณาบริเวณรอบกายเริ่มสว่างขึ้น

 

แน่นอนว่ากฏที่เขาใช้ไม่ใช่กฏแห่งไฟ แถมไม่ได้เร่งเร้าพลังเทพอะไรมากมาย ทำให้แสงพลังของเขาเพียงส่องสว่างพื้นที่เล็กๆรอบตัวเท่านั้น…และรัศมีดังกล่าวก็อยู่ในขอบเขตของวิถีควบคุมเขาเช่นกัน

 

ทำให้เขาไม่ต้องกังวลเรื่องจะถูกซุ่มโจมตีแต่อยย่างใด

 

ตั้งแต่ที่เห็นสภาพแวดล้อมอันมืดมิดของเจดีย์ทดสอบชั้นที่ 2 ต้วนหลิงเทียนก็พอจะเดาได้ว่า การทดสอบของชั้นนี้สมควรเน้นหนักไปยังเรื่องการรับมือการลอบโจมตี

 

เดิมทีด้วยสภาพแวดล้อมดังกล่าว ขอเพียงต้วนหลิงเทียนใช้วิถีควบคุม 1 ใน 4 วิถีแห่งสวรรค์และโลกเลย เขาก็สามารถรับมือกับการลอบโจมตีได้ทุกรูปแบบอย่างง่ายดาย…อย่างไรก็ตามพอเขาคิดได้ว่า อาจถูกชายชราแอบดูสถานการณ์ความเป็นไปอยู่ เขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะใช้วิถีควบคุมทันที

 

ไม้เด่นเกินไพร ลมพัดหักโค่น….

 

เขาไม่คิดจะเปิดเผยความเข้าใจในจตุรวิถีสวรรค์และโลกของเขาเร็วเกินไป

 

อย่างน้อยๆในระหว่างอยู่ที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับ กระทั่งนิกายหมอกเร้นลับเขาก็ไม่คิดจะใช้

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

 

แว่วเสียงสายลมแผ่วๆดังขึ้น ต้วนหลิงเทียนพลันตระหนักได้ทันทีว่ามีร่างที่แฝงตัวในความมืดมิดได้เปิดฉากจู่โจมเข้ามาจากทุกทิศทาง! เป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ ชั้นที่ 2 เป็นการทดสอบการรับมือสถานการณ์ถูกซุ่มโจมตี

 

ไม่นานนักร่าจิตวิญญาณค่ายกลของชั้นที่ 2 ก็ปรากฏขึ้นในสายตาเขา เป็นร่างภูตผีมีลักษณะคล้ายผู้คนกว่าโหล ที่จู่โจมเข้าใส่เขาจากทั่วสารทิศ และการลงมือของพวกมันก็จี้ตรงเข้าใส่จุดที่รับมือยากอย่างพร้อมเพรียง

 

‘ความแข็งแกร่งของร่างจิตวิญญาณค่ายกลรอบนี้ ก็ไม่ได้แตกต่างจากร่างจิตวิญญาณค่ายกลด่านสุดท้ายในชั้นที่ 1 เท่าไหร่’

 

ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะคิดถึงจุดนี้ พลังเทพทั่วร่างของเขาก็ได้ปะทุขึ้นมา อัดแน่นไปด้วยการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ อาศัยกระบวนท่าเดียวก็จัดการร่างจิตวิญญาณค่ายกลกว่าโหลได้ในคราเดียว เป็นการลงมืออันรวบรัดหมดจดนัก

 

ต้วนหลิงเทียนค่อยๆผ่านด่านทดสอบของชั้น 2 ไปทีละด่านๆ อย่างไม่ได้เปลืองแรงอะไร

 

จนเมื่อมาถึงด่านที่ 6 ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าร่างจิตวิญญาณค่ายกลนั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก แม้ระดับพลังของพวกมันจะยังเป็นเทพขั้นต่ำอยู่ แต่ทว่าพวกมันเริ่มใช้การผสานความความลึกซึ้งของกฏแล้ว แม้จะเป็นการผสานความความลึกซึ้งของกฏทั่วไป 2 ประการชุดเดียว แต่เมื่อเทียบกับร่างจิตวิญญาณค่ายกลก่อนหน้า พลังของพวกมันก็แตกต่างกันคนละเรื่อง!

 

เรียกว่าไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย

 

‘ตอนนี้ก็ได้เวลาทำตัวให้ไม่เด่นเกินไป…’

 

ถึงแม้ด้วยพลังของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน เขาก็สามารถกวาดล้างร่างจิตวิญญาณค่ายกลได้ในกระบวนท่าเดียวอย่างไม่เหนื่อยแรง แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น หลังจากทำทีเป็นหลีกหลบป้องกันอยู่สิบกว่าลมหายใจ เขาก็อาศัย 3 กระบวนท่าต่อเนื่องเพื่อทำลายร่างจิตวิญญาณค่ายกลทั้งหมด

 

‘ใช้ไปสิบกว่าลมหายใจแบบนี้…ก็ถือว่านานมากพอแล้วกระมัง?’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบคิดในใจ

 

อันที่จริงต้วนหลิงเทียนได้เริ่มออมมือตั้งแต่ที่ผ่านด่านแรกของชั้นที่ 2 แล้ว แต่ละด่านเขาเริ่มประวิงเวลามากขึ้นเรื่อยๆ ด่านหลังๆที่พึ่งผ่านมา เขาก็ประวิงเวลาเป็น 10 ลมหายใจ

 

ในเวลาเดียวกัน…

 

ด้านนอกเจดีย์ทดสอบ

 

“ด่านที่ 6 ของชั้น 2…เจ้าหนูนั่นมันใช้เวลาเพียงแค่ 15 ลมหายใจกระนั้นรึ!?”

 

เดิมทีเมื่อเห็นผงานก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียน ใบหน้าชายชราก็เผยให้เห็นถึงความประหลาดใจแล้ว และมันเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนต้องผ่านการทดสอบประเมินนักศึกษา 10 ดาวและกลายเป็นนักศึกษา 10 ดาวคนใหม่ในรอบ 30 ปีของสถานศึกษาหมอกเร้นลับได้แน่นอน…แต่พอพบว่าอีกฝ่ายกลับผ่านด่านที่ 6 ของชั้นที่ 2 ได้ในเวลาแค่ 15 ลมหายใจ มันก็ตกตะลึงจนตัวแข็งแล้วจริงๆ

 

ต้องทราบด้วยว่า ด่านที่ 6 ของชั้นที่ 2 เสมือนเป็นอีกระดับที่แตกต่างกัน

 

ในด่านที่ 5 ของชั้น 2 ก็มีผู้คนมากมายในสถานศึกษาหมอกเร้นลับที่ใช้เวลาในการผ่านมันไม่ถึง 10 ลมหายใจ

 

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดที่ใช้เวลาไม่ถึง 10 ลมหายใจในด่านที่ 5 ของชั้นที่ 2 นั้น ต่อให้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด ก็ยยังต้องใช้เวลากว่า 50 ลมหายใจเพื่อผ่านการทดสอบด่านที่ 6 ของชั้นที่ 2!

 

ทว่าตอนนี้ ชายหนุ่มที่อยู่ในเจดีย์ทดสอบ กลับใช้เวลาเพียง 15 ลมหายใจเท่านั้น!

 

ล้อกันเล่นหรือไร!?

 

“หรือว่า…ค่ายกลสร้างร่างวิญญาณทดสอบในเจดีย์จักทำงานผิดปกติ?”

 

พอคิดถึงจุดนี้ สำนึกเทวะของชายชราก็แผ่พุ่งปังยอดเจดีย์ทันที จากนั้นก็เริ่มตรวจสอบค่ายกลที่จัดตั้งไว้ อย่างไรก็ตามหลังตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่ 10 กว่าลมหายใจ แถมยังทำการตรวจสอบซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ…ในที่สุดมันก็ยืนยันได้ว่า…

 

ค่ายกลในเจดีย์ทดสอบไม่ได้มีอะไรผิดปกติ

 

“หืม?”

 

พอชายชรากลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง พอมองไปยังชั้นที่ 2 ของเจดีย์ทดสอบที่ลอยล่องอยู่เบื้องหน้า มันก็พบว่าความเข้มของแสงที่ส่องสว่างออกมานั้น มากกว่าก่อนหน้าที่จำได้คนละเรื่อง “อะไร? ไม่ทันไรมันก็ผ่านไปอีก 3 ด่านแล้ว?”

 

ชายชราถึงกับอึ้ง

 

มันไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว

 

เจ้าหนูที่อยู่ด้านในนั่น ในขณะที่มันง่วนอยู่กับการตรวจสอบค่ายกลของเจดีย์ พวกก็ผ่านด่านทดสอบไปอีก 3 ด่านแล้ว?!

 

“ตั้งแต่เมื่อครู่ จนถึงตอนนี้…ดูเหมือนจะยังผ่านไปไม่ถึง 50 ลมหายใจกระมัง?

 

ร่างชายชราเริ่มสั่น ในใจเสมือนมีมรสุมกระหน่ำมันตกตะลึงแล้วจริงๆ

 

อย่างไรก็ตาม ยิ่งเวลาผ่านไป ชายชราก็ยิ่งตกใจมากขึ้น

 

และสิ่งที่ทำให้มันตกใจมากที่สุดก็คือ

 

แม้เจ้าหนูที่เข้าร่วมการทดสอบประเมินนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับคนนี้ จะใช้เวลาในการผ่านด่านทดสอบของชั้น 2 เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ…อย่างไรก็ตาม ด่านที่ 10 ของชั้น 2 อีกฝ่ายก็สามารถผ่านได้ในเวลาไม่ถึง 50 ลมหายใจ!

 

“ด้วยพลังฝีมือของมัน…เกรงว่าคงผ่านด่านที่ 5 ของชั้น 3 ได้กระมัง?”

 

ชายชราลอบกล่าวในใจ

 

และในขณะที่หัวใจชายชรายิ่งมายิ่งเต้นระรัว ต้วนหลิงเทียนก็ได้เดินขึ้นไปถึงชั้นที่ 3 ของเจดีย์ทดสอบ และเริ่มลุยด่านทดสอบเป็นที่เรียบร้อย

 

“ชั้น 3 นี่มัน…” 

 

แค่ด่านแรกของชั้นที่ 3 ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกดดันอยู่บ้าง…แน่นอนว่าแค่รู้สึกกดดัน ‘อยู่บ้าง’ เท่านั้น

 

‘ระดับนี้…ต่อให้เป็นผู้ที่ผ่านเกณฑ์เข้าทดสอบนักศึกษา 10 ดาวอันเข้มงวดของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ แต่ก็เกรงว่ายยังยากจะผ่านไปได้ ดูเหมือนเกณฑ์ผ่านการทดสอบเป็นนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ขอแค่ผ่านด่านทดสอบชั้น 2 ทั้งหมดจนมาเหยียบชั้น 3 ก็พอ…’

 

ในขณะที่เผชิญกับการกลุ้มรุมจู่โจมของร่างจิตวิญญาณค่ายกลในด่านแรกบนชั้นที่ 3 ของเจดีย์ทดสอบ ต้วนหลิงเทียนก็อาศัยความลึกซึ้งเคลื่อนมิติวูบร่างหลีกหลบเพื่อประวิงเวลาไปเรื่อยๆ ไม่คิดจะลงมือทำลายร่างจิตวิญญาณค่ายกลแต่อย่างใด

 

ด้านนอกเจดีย์ทดสอบ ชายชราอดขมวดคิ้วไม่ได้ “นี่มันก็หนึ่งเค่อเข้าไปแล้ว…หรือเจ้าหนูนั่นจักรู้ตัวแล้ว ว่าการทดสอบของนักศึกษา 10 ดาวเราจบลงแต่เพียงเท่านี้ จึงไม่คิดผ่านด่านต่อ?”

 

ในความเห็นของมัน ด้วยพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนที่สามารถผ่านด่านทดสอบทั้ง 10 ของชั้นที่ 2 ไดในเวลาที่รวดเร็วจนเหลือเชื่อ ก็ไม่น่าจะใช่เรื่องยากเย็นอะไรหากคิดจะผ่านด่านทดสอบ 5 ด่านในชั้นที่ 3

 

ยิ่งไปกว่านั้น จากที่มันคำนวณ อีกฝ่ายสมควรผ่านด่านแรกของชั้นที่ 3 ได้นานแล้ว

 

ในขณะที่ชาชราขมวดคิ้วยู่ย่น มันก็พบว่าแสงที่สาดส่องออกมาจากชั้นที่ 3 ของเจดีย์ได้เข้มขึ้นหลายส่วน…บ่งบอกว่าผู้ทดสอบได้ผ่านด่านแรกของชั้นที่ 3 ไปยังชั้นที่ 2 เรียบร้อยแล้ว

 

“ดูเหมือนมันจะยังไม่รู้…”

 

พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนผ่านด่านทดสอบแรกของชั้นที่ 3 ไปแล้ว ชายชราก็คลี่ยิ้มบางๆ ในดวงตาเริ่มฉายแววสงสัยใคร่รู้ “เจ้าหนูนี่…ไม่ทราบจะผ่านไปถึงด่านทดสอบที่ 6 ของชั้นที่ 3 ได้หรือไม่? และเมื่อเผชิญหน้ากับด่านทดสอบที่ 6 ไม่ทราบมันจักทำหน้าอย่างไร?”

 

ในด่านทดสอบที่ 6 ของเจดีย์ทดสอบชั้นที่ 3 นั้น ในประวัติศาสตร์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ไม่มีนักศึกษาแม้แต่คนเดียวที่สามารถผ่านมันไปได้

 

กระทั่งในประวัติศาสตร์ของนิกายหมอกเร้นลับเอง ก็ไม่มีศิษย์คนไหนที่อายุต่ำกว่า 3,000 ปี แล้วจะสามารถผ่านได้!

 

จนด่านทดสอบที่ 6 นั้น ถูกสถานศึกษาหมอกเร้นลับ หรือแม้แต่นิกายหมอกเร้นลับขนานนามว่า ‘ด่านมรณะ’

 

ในขณะที่ความคิดของชายชราเริ่มล่องลอยไปเรื่อย ต้วนหลิงเทียนก็ได้ผ่านด่านที่ 2 ของชั้นที่ 3 เรียบร้อยแล้ว

 

ด่านทดสอบนี้ อันที่จริงสำหรับเขาแล้วมันช่างผ่านได้ง่ายดายนัก

 

อย่างไรก็ตาม เขายังเลือกยั้งมือและประวิงเวลาอยู่นาน

 

 

เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

ต้วนหลิงเทียนที่กำลังสู้…ต้องกล่าวว่ากำลังถ่วงเวลา หลังจากเห็นว่าเนิ่นนานพอสมควรแล้ว เขาก็ผ่านด่านทดสอบที่ 5 ของชั้นที่ 3 ได้อย่างราบรื่น

 

หลังจากนั้นพอเห็นระดับพลังของร่างจิตวิญญาณค่ายกลในด่านทดสอบที่ 6 ของชั้น 3 เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้เขาไม่อาจผ่านมันได้อีกต่อไป…เพราะถ้ายังผ่านมันไปได้ เกรงว่าคณบดีสถานศึกษาอย่างมู่หรงสุยเฟิงต้องมาหาเขาเป็นการส่วนตัวแน่นอน กระทั่งประมุขนิกายหมอกเร้นลับ หากล่วงรู้ก็คงนั่งไม่ติด

 

เพราะจากการประเมินของเขา ด่านทดสอบที่ 6 ในชั้นที่ 3 ของเจดีย์ทดสอบ ไม่ใช่อะไรที่นักศึกษา 10 จะสามารถผ่านมันไปได้เลย

 

กระทั่งต้วนหลิงเทียนยังมั่นใจอีกด้วย

 

ในประวัติศาสตร์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ เกรงว่าคงไม่มีนักศึกษา 10 ดาวคนไหนผ่านมันไปได้

 

เพราะต่อให้เป็นเขาในปัจจุบัน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการทดสอบในด่านที่ 6 ของชั้นที่ 3 ในเงื่อนไขที่ไม่ใช้จตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลก และกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน หากเขาคิดจะผ่านมัน ก็ต้องใช้อุปกรณ์เทพทั่วไป และลงมือเต็มกำลังถึงจะผ่านมันได้…

 

ความยากของด่านทดสอบที่ 6 ในชั้นที่ 3 ไม่ใช่อะไรที่ด่านที่ 5 ของชั้น 3 จะเทียบได้เลย เรียกว่าเสมือนต่างกันคนละโลก คนละระดับโดยสิ้นเชิง

 

ในด่านทดสอบที่ 5 ของชั้นที่ 3 แม้ต้วนหลิงเทียน จะไม่ได้ใช้จตุรวิถีของสวรรค์และโลกรวมถึงกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน ขอแค่อุปกรณ์เทพขั้นต่ำไร้จิตวิญญาณ เขาก็สามารถผ่านมันได้ในไม่กี่อึดใจ

 

ทว่าด่านที่ 6 เกรงว่าคงต้องลงมือเหนื่อยแรงแล้วจริงๆ ถึงจะผ่าน

 

“ท่านผู้เฒ่าช่วยข้าด้วย!!”

 

ต้วนหลิงเทียนที่หลีกหลบการกลุ้มรุมจู่โจมของร่างจิตวิญญาณค่ายกลในด่านทดสอบที่ 6 ของชั้นที่ 3 ได้อย่างไม่ยากเย็น หลังละเล่นอยู่ไม่กี่ลมหายใจ เขาตะโกนร้องขอความช่วยเหลือออกมาอย่างกระดากปาก…

 

ถึงแม้มันจะน่าอาย แต่เขาก็ไม่อาจไม่ทำแบบนี้

 

เพราะสุดท้ายแล้ว ด้วยสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ เขามีแต่ต้องตะโกนขอความช่วยเหลือในเวลาอันสั้นเท่านั้นเสมือนเขาสู้ไม่ไหวเท่านั้น หาไม่แล้วหากเขาอยู่รอดได้หลายลมหายใจ มันก็จะผิดสังเกตทันที…

 

ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้สึกช่วยไม่ได้อยู่บ้าง

 

เขาก็แค่อยากทำตัวไม่โดดเด่นเท่านั้น

 

ไฉนถึงได้ลำบากนัก?