บทที่ 2873 ร่างกายไม่มีปัญหา + ตอนที่ 2874 ออกไปไม่ได้แล้ว

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2873 ร่างกายไม่มีปัญหา

เหยียนหมิงซุ่นได้เล่าอาการของเสี่ยวจูไปคร่าว ๆซึ่งชวนให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญสีหน้าเคร่งเครียดกันใหญ่ เคสผู้ป่วยนี้ค่อนข้างพิเศษเลยทีเดียว

“ขออนุญาตถามอะไรสักนิด ตอนคุณชายเล็กคลอดราบรื่นดีไหม?” ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งถามอ้อม ๆ

“ราบรื่นดีมาก ตอนแรกเกิดหนัก 2900 กรัม ตรวจร่างกายแล้วแข็งแรงดีมาก ด้านสมองก็ไม่มีปัญหา ติดเพียงแค่ว่าขี้เซาไปหน่อย” เหยียนหมิงซุ่นอธิบายสั้น ๆ

เหล่าผู้เชี่ยวชาญรวมหัวกันปรึกษาครู่หนึ่งก็ตัดสินใจจะทำการตรวจสุขภาพเป็นระบบให้เสี่ยวจูตั้งแต่หัวจรดเท้าและทั้งภายนอกภายใน หากมีปัญหาอะไรก็สามารถตรวจพบเจอได้

แต่–

สแกนสมองแล้ว ตรวจเลือดแล้ว ถ่ายภาพเอกซเรย์แล้ว ตรวจทั้งอุจจาระและปัสสาวะแล้ว…ผลการตรวจทั้งหมดรายงานว่าปกติดีทุกอย่าง ไม่มีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยตรงไหน

“ไม่มีปัญหาแล้วทำไมวัน ๆหนึ่งถึงนอนได้เกินยี่สิบชั่วโมงล่ะ?” เหมยเหมยไม่เข้าใจ

ผู้เชี่ยวชาญเงียบฉี่…พวกเขาก็คิดไม่ตกเหมือนกัน!

“ให้ศาสตราจารย์หลินคุยกับคุณชายเล็กหน่อยแล้วกัน” มีผู้เชี่ยวชาญเสนอความเห็น

ศาสตราจารย์หลินเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านสภาพจิตใจระดับสูงของโรงพยาบาล ในเมื่อเสี่ยวจูไม่มีปัญหาด้านสุขภาพงั้นก็เหลือแต่สภาพจิตใจแล้ว ศาสตราจารย์หลินพาเสี่ยวจูไปยังห้องทำงานของเขา โดยมีพวกเหยียนหมิงซุ่นรออยู่ข้างนอก

เสี่ยวจูกวาดตามองประเมินศาสตราจารย์หลินตรงหน้าอย่างนึกสงสัย ดวงตากลมโตหมุนไปมาอย่างซุกซน

ศาสตราจารย์หลินอมยิ้มน้อย ๆย่อตัวลงให้อยู่ในระดับสายตาเดียวกับเสี่ยวจู ถามเสียงอ่อนโยน “เธอชื่ออะไรเหรอ?”

“เหยียนเสี่ยวจู…หมอช่วยลุกขึ้นที” เสี่ยวจูย่นคิ้วน้อย ๆพยายามฝืนใจไม่ให้เอามือตะครุบจมูกเพราะทำอย่างนั้นดูเสียมารยาทเกินไป

ศาสตราจารย์หลินรู้สึกได้ถึงคำตำหนิจากเสี่ยวจู แม้จะแปลกใจแต่ก็ลุกยืนแต่โดยดี “เหมือนเธอไม่ชอบฉันนะ ทำไมล่ะ?”

“ไม่แปรงฟัน” เสี่ยวจูย่นจมูกกล่าว

ไม่แปรงฟันก็ช่าง สิ่งที่น่าเกลียดที่สุดกลับยังทานกุยช่ายมาอีกต่างหาห

ศาสตราจารย์หลินหน้าแดงระเรื่อ เขาจำได้แล้วว่าเช้านี้เขาทานเกี๊ยวไส้กุยช่าย จากนั้นก็ถูกผู้อำนวยการโทรเรียกตัวมาจนลืมแปรงฟันเพราะความเร่งรีบ เขาเอาหมากฝรั่งในลิ้นชักมาเคี้ยวก่อนจะย่อตัวลงอีกที แต่ก็ยังได้รับท่าทีรังเกียจจากเสี่ยวจูอยู่ดี

เขาจึงจำต้องยืนอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะก้มมองเด็กตัวกะเปียกคนหนึ่งแต่ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนตัวเองเหมือนพ่อบ้านที่กำลังรายงานตารางงานคนหนึ่งล่ะ?

“เสี่ยวจูชอบนอนใช่ไหม?”

“อืม”

“แล้วยังชอบอะไรอีก?”

“นอน”

“นอกจากนอนล่ะ?”

“นอน…หมอโง่จัง”

ศาสตราจารย์หลินมุมปากกระตุก ใช้ชีวิตมาเกินครึ่งชีวิตกลับเป็นครั้งแรกที่มีคนด่าเขาว่าโง่ อีกฝ่ายยังเป็นแค่เด็กที่เพิ่งหย่านมแม่อีกต่างหาก!

เสี่ยวจูชักหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว มัวแต่ถามคำถามไร้แก่นสารแบบนี้มันเสียเวลา

เขากระโดดลงจากที่นั่งเดินไปที่ประตู ศาสตราจารย์หลินคิดจะไปเปิดประตูให้ในทีแรกแต่คิด ๆแล้วก็ยืนนิ่งเพราะอยากดูว่าเสี่ยวจูจะเปิดประตูออกไปอย่างไร เนื่องจากในห้องทำงานมีประวัติคนไข้มากมายที่ต้องเก็บเป็นความลับ ดังนั้นเขาถึงติดตั้งประตูที่ต้องมีรหัสผ่าน

เมื่อกี้ตอนเข้ามาก็รวดล็อกประตูแล้วด้วย นอกจากนี้ประตูของเขาไม่ว่าจะเข้าหรือออกก็ต้องใส่รหัสทั้งหมด

ฉะนั้นแล้ว…

ประตูบานนี้มีเพียงเขาที่เปิดได้

ศาสตราจารย์หลินนานทีจะขี้เล่นเหมือนเด็กขึ้นมา กล้าว่าเขาโง่ เดี๋ยวรอดูว่าเด็กตัวกะเปียกจะขอร้องเขาอย่างไร!

เสี่ยวจูบิดเปิดประตูแต่กลับเปิดไม่ออก เขาขมวดคิ้ว ลูกบิดต่างไปจากของที่บ้าน

เจ้าตัวเล็กเหลือบมองไปทางศาสตราจารย์หลินแวบหนึ่ง สัมผัสได้ถึง ‘เจตนาร้าย’ ของเขาก็หันหน้ากลับมาอย่างเด็ดเดี่ยว ก็แค่ตัวล็อกอันเดียวไม่ใช่หรือ เขาขอเวลาศึกษาสักหน่อยแล้วกัน

เสี่ยวจูบิดซ้ายหลายทีแล้วบิดขวาอีกหลายที ไม่นานก็เจอความลับในนี้เลยบิดอีกหลาย ๆที ‘แกร๊ก’ …ประตูเปิดแล้ว เสี่ยวจูหันไปโบกมือหยอย ๆให้ศาสตราจารย์หลินที่ทำหน้าตกใจก่อนจะพูดขึ้นอย่างมีมารยาทว่า “ไว้พบกันใหม่!”

เจ้าตัวเล็กเดินบิดตัวออกไปพร้อมกับสายตาเจ้าเล่ห์ ฮิ!

ศาสตราจารย์หลินเหลือเชื่อจึงปิดประตูใหม่หมายจะดูว่าตัวล็อกรหัสเสียหรือเปล่า จากนั้น…ก็จบเห่

เพราะเขาออกไปไม่ได้แล้ว

…………………………..

ตอนที่ 2874 ออกไปไม่ได้แล้ว

ทุกคนต่างกำลังเฝ้ารออยู่ระเบียงทางเดิน เหมยเหมยนั่งก้นไม่ติดเก้าอี้เดินวนกลับไปกลับมาเพราะกลัวศาสตราจารย์หลินออกมาบอกเธอว่าเสี่ยวจูป่วยทางจิต

“คุณแม่…” เสี่ยวจูเดินออกมากางแขนใส่เหมยเหมย

วุ่นวายอยู่นาน เหนื่อยจังเลย อยากนอน!

เหมยเหมยอุ้มเสี่ยวจูขึ้นก่อนจะเห็นเขาหรี่ตาลงเหลือช่องว่างเพียงนิดพร้อมหาวไม่หยุดก็รู้ได้แล้วว่าเจ้าหมูขี้เกียจตัวนี้อยากนอนอีกแล้วเลยอุ้มด้วยสองมือนั่งลง ไม่รอให้เธอต้องกล่อมเสี่ยวจูก็หลับสนิทในเวลาไม่กี่วินาที แม้แต่กลิ่นโรงพยาบาลที่ตัวเองเกลียดยังไม่สนใจเลย

“เจ้าหมูขี้เกียจจริง ๆ!” เหมยเหมยบีบจมูกน่ารักของเจ้าตัวเล็กเบา ๆ รู้สึกเหมือนแปลกทะแม่ง ๆ!

“ศาสตราจารย์หลินล่ะ? ทำไมเขาถึงไม่ออกมา?” มีคนสังเกตถึงต้นตอความสงสัยแล้ว

เสี่ยวจูเข้าห้องทำงานพร้อมกับศาสตราจารย์หลินแต่คนที่ออกมามีแค่เจ้าตัวเล็กคนเดียว ผู้ใหญ่อย่างศาสตราจารย์กลับยังอยู่ในห้อง ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ

“ศาสตราจารย์หลิน!”

ผู้อำนวยการตะโกนเรียกทีหนึ่งก็ไม่มีเสียงตอบรับจากในห้อง เพราะคนไข้ของศาสตราจารย์หลินค่อนข้างพิเศษไปสักหน่อย เวลาทำการรักษาจำเป็นต้องรักษาความเงียบสงบ ดังนั้นห้องทำงานของเขาจึงถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ ไม่เพียงแต่ติดตั้งระบบล็อกใส่รหัสแต่ยังเก็บเสียงได้ดีขนานแท้อีกด้วย

ต่อให้ตะโกนโวยวายอยู่นอกประตูข้างในก็ไม่ได้ยิน เช่นเดียวกัน…ไม่ว่าภายในห้องจะเกิดอะไรขึ้นข้างนอกก็ไม่ได้ยินเช่นกัน

ไม่นานผู้อำนวยการก็รับรู้ถึงจุดนี้เลยมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เขาคิดว่าศาสตราจารย์หลินกำลังวางท่าอยู่ เพราะปกติศาสตราจารย์หลินผู้นี้ไม่ใช่คนที่เป็นกันเองเข้าหาคนง่ายเท่าไรออกจะเป็นคนหยิ่งยโสไปด้วยซ้ำ

ปกติเขาถึงคร้านจะถือสาศาสตราจารย์หลินแต่วันนี้ไม่ได้ หากล่วงเกินคุณชายหมิง ตำแหน่งผู้อำนวยการของเขาคงรักษาไว้ไม่ได้แน่

“ทำไมศาสตราจารย์หลินไม่ออกมา ลูกชายผมมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” เหยียนหมิงซุ่นใจหนักอึ้ง หลงคิดว่าศาสตราจารย์ตรวจพบเจอว่าเสี่ยวจูมีปัญหาทางจิตอย่างรุนแรงไม่กล้าบอกเขา ถึงหมกตัวอยู่ในห้องไม่ออกมาสักที

เหมยเหมยสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีแล้วฝืนยิ้มกล่าว “ไม่ว่าผลจะเป็นแบบไหนเราก็รับได้ทั้งนั้น ผู้อำนวยการคุณช่วยบอกศาสตราจารย์หลินทีว่าอย่าได้กังวลไปเลย”

ผู้อำนวยการยิ้มแก้เก้อพลางก่นด่าศาสตราจารย์หลินในใจ ปกติเหิมเกริมยิ่งกว่าอะไร พอเจอคนจริงเข้าหน่อยก็กลัว ไม่กล้าจะออกจากห้องด้วยซ้ำ เฮอะ!

“ศาสตราจารย์หลิน…รีบออกมา คุณชายหมิงกับคุณนายเข้าใจดี คุณไม่ต้องรู้สึกกดดันเกินไป…” ผู้อำนวยการรู้ว่าข้างในไม่ได้ยินแต่ก็ยังตะโกนอยู่หน้าประตู

ประตูยังคงปิดนิ่งสนิท…

ผู้อำนวยการสีหน้าย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ รอยยิ้มฝืดเคืองขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ว่าเหยียนหมิงซุ่นยังอยู่นี่เขาก็นึกอยากบุกเข้าไปแล้ว

“ปึง ๆ…”

มีเสียงจังหวะหนัก ๆแว่วออกมาคล้ายคนข้างในห้องกำลังทุบประตู เหยียนหมิงซุ่นเงี่ยหูฟังก็สังเกตเห็นความผิดปกติ เขาดึงตัวผู้อำนวยการออกไปแล้วทุบประตูตอบกลับไปหลายที

“ปึง ๆ…”

เสียงข้างในดังมากกว่าเดิม เหยียนหมิงซุ่นบอกกับผู้อำนวยการว่า “คุณโทรหาศาสตราจารย์หลินสิ”

ผู้อำนวยการชะงักแล้วล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋าออกมากดโทรหาศาสตราจารย์หลิน หนำซ้ำเขายังเปิดลำโพงเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องบอกต่ออีกทอด

เพิ่งโทรติดเสียงคล้ายจะร้องไห้ของศาสตราจารย์หลินก็ดังแว่วมา “ผู้อำนวยการ…เรียกช่างมาให้ที!”

ศาสตราจารย์หลินในห้องเหงื่อผุดเต็มศีรษะ เมื่อกี้เขาแค่อยากลองว่าตัวล็อกเสียหรือเปล่า แต่ปรากฏว่าประตูดันล็อก แถมเขาใช้รหัสที่ตัวเองตั้งไว้กลับเปิดไม่ได้ ตอนแรกคิดว่าจำรหัสผิดแต่กดรหัสไปหลายทีก็ยังเปิดไม่ได้

ศาสตราจารย์หลินพอจะมั่นใจแล้วว่ารหัสถูกเปลี่ยนไปจากเดิม แถมร้อยละเก้าสิบถูกเปลี่ยนโดยเด็กตัวกะเปียกเมื่อกี้

แต่เขากลับไม่สามารถยืนยันได้ว่าเสี่ยวจูจงใจทำเช่นนี้หรือไม่ได้ตั้งใจ…

เขาไม่มีเวลาไปคิดเรื่องพวกนี้ ตอนนี้เขาแค่ต้องการจะออกไป ถูกขังอยู่ในห้องแบบนี้มันไม่เข้าท่าเลย!

…………………………