WSSTH ตอนที่ 3632 : หอพักนักศึกษา 10 ดาว
ภายใต้การนำของถงกู่เยว่ ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างติดตามอีกฝ่ายขึ้นไปบนฟ้า มุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางสถานศึกษาหมอกเร้นลับ
“อ้อ ปกติแล้วในเขตสถานศึกษาหมอกเร้นลับเรา นักศึกษาจักไม่ได้รับอนุญาตให้เหินบิน…เว้นเสียแต่จะมีอาจารย์นำมิฉะนั้นจะถูกลงโทษ”
ขณะเหินร่างข้ามฟ้าไปไม่รีบไม่ร้อน ถงกู่เยว่พลันเอ่ยขึ้นมาให้ต้วนหลิงเทียนฟัง
กล่าวจบมันก็ยิ้มบางๆ “แต่เป็นธรรมดาว่า หากเป็นนักศึกษาใหม่ของสถานศึกษาเราเช่นเจ้า ก็จะได้รับการอนุโลมสักครั้ง…ต่อให้เจ้าจะเผลอบินโดยไม่มีข้านำพา อย่างดีสถานศึกษาก็แค่ตักเตือนเจ้า ไม่ลงโทษเจ้าหรอก”
“อ้อ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
หลังจากนั้นถงกู่เยว่ก็พาต้วนหลิงเทียนเหินร่างผ่านส่วนต่างๆของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ เพื่อแนะนำที่ทางให้ต้วนหลิงเทียนรู้จัก
ในระหว่างสำรวจที่ทาง ต้วนหลิงเทียนก็ได้พบเจอเหล่าผู้ที่มาทำการทดสอบเพื่อเข้าเป็นนักศึกษาของสถานศึกษาหมอกเร้นลับเหมือนเขาเช่นกัน
เหล่าคนที่มากันเนืองแน่นก็แยกย้ายกันไปทดสอบประเมินนักศึกษาระดับต่างๆ
และในบรรดารุ่นเยาว์ทั้งหลาย ผู้ที่เลือกจะทดสอบเป็นนักศึกษา 9 ดาว นับว่ามีน้อยกว่าใคร กระทั่งยังมีไม่ถึง 10 คนด้วยซ้ำ
ผู้ที่มาทดสอบนักศึกษา 8 ดาวก็มากขึ้นมาหน่อย
นักศึกษา 7 ดาวก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
และระดับที่มีรุ่นเยาว์มาเข้าร่วมการทดสอบมากที่สุด ก็เป็นการทดสอบนักศึกษา 1 ดาว เป็นรุ่นเยาว์ที่ยังมีอายุไม่ถึง 1,000 ปี และหากต้วนหลิงเทียนไม่ได้กินโอซถซ่อนกระดูก เพื่อปกปิดอายุที่แท้จริง เขาเองก็คงจะอยู่ในกลุ่มคนอายุเท่านี้…
อย่างไรเสียเขาก็ยังมีอายุไม่ถึง 700 ปี
เป็นธรรมดาว่าด้วยพลังฝีมือของเขา ไม่จำเป็นต้องมาเข้าร่วมการทดสอบนักศึกษา 1 ดาวให้เสียเวลา สามารถข้ามไปทดสอบเป็นนักศึกษา 10 ดาวได้เลยทันที แต่นั่นคงทำให้ผู้คนแตกตื่นกันไม่น้อย
ดุจเดียวกับการลงมือผ่านด่านทดสอบของเขาวันนี้ หากเขาทำมันโดยที่อายุไม่ถึง 700 ปี เกรงว่าจะไม่ทำให้สถานศึกษาหมอกเร้นลับในเมืองวายุสวรรค์ตกใจเท่านั้น แต่นิกายหมอกเร้นลับก็คงต้องตกใจครั้งยิ่งใหญ่
และหากข่าวเรื่องราวมันแพร่ออกไป ต่อให้เป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพก็ยังต้องตื่นตระหนก
เพราะสุดท้ายแล้ว ต่อให้เป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพเอง ก็แทบไม่มีผู้ใดบรรลุถึงพลังระดับนี้ได้ก่อนที่อายุจะถึงพันปี…
มีเพียงขุมกำลังระดับอริยะเทพเท่านั้น ที่จะเพาะสร้างตัวตนระดับนี้ขึ้นมาได้ และแม้แต่ในขุมกำลังระดับอริยะเทพเอง ตัวตนดังกล่าวก็เป็นดั่งสุดยอดอัจฉริยะที่จะกลายเป็นเสาหลักของขุมกำลังระดับอริยะเทพในวันหน้า
“อาคารที่เจ้าเห็นทางด้านนั้นก็คือหอพักของนักศึกษา 1 ดาว…”
“ส่วนนั่น คือหอพักนักศึกษา 2 ดาว”
…
ภายใต้การนำของถงกู่เยว่ ต้วนหลิงเทียนก็ได้เห็นหอพักนักศึกษาตั้งแต่ 1 ดาวถึง 9 ดาว และหอพักของแต่ละระดับก็ตั้งห่างกันมากพอสมควร
สำหรับอาคารปลูกสร้างทั้งหลาย ถงกู่เยว่ก็ค่อยๆอธิบายให้ต้วนหลิงเทียนรู้จักว่าเป็นอาคารอะไร
“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปลงทะเบียนก่อน หลังจากนั้นจะพาเจ้าไปยังหอพักนักศึกษา 10 ดาว…และหอพักนักศึกษา 10 ดาว ก็มีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะดีที่สุดในสถานศึกษาหมอกเร้นลับเรา ยังมีสถานที่ๆช่วยให้เจ้าทำความเข้าใจกฏได้รวดเร็วยิ่งขึ้น…แต่สถานที่ดีๆเช่นนั้นจำต้องแข่งขันกัน ยิ่งเป็นนักศึกษา 10 ดาวที่แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็จะสามารถเข้าใช้สถานที่ดังกล่าวได้นานมากขึ้นเท่านั้น”
“เรื่องนี้ไว้เจ้าลงทะเบียนอันใดเสร็จสิ้นแล้ว ข้าจะค่อยๆอธิบายให้เจ้าฟังโดยละเอียด ขณะเดียวกันข้าก็จะพาเจ้าไปดูสถานที่จริงเลย”
ด้วยมีความช่วยเหลือของถงกู่เยว่ ต้วนหลิงเทียนจึงมาถึงฝ่ายทะเบียนและทำเรื่องลงทะเบียนเสร็จสิ้นในเวลาอันสั้น จากนั้นเขาก็ได้รับชุดนักศึกษา 10 ดาว รูปแบบของชุดก็เหมือนกับที่เขาเคยเห็นก่อนหน้า เพียงแค่บริเวณหน้าอกตรงตราสัญลักษณ์นั่น จะปักดาวไว้ทั้งสิ้น 10 ดวง
“หอพักนักศึกษา 10 ดาวจะอยู่ติดกับอาคารที่พักสำหรรับอาจารย์ และสถานที่พักของท่านคณบดี…และพื้นที่ส่วนนี้ก็มีค่ายกลรวมวิญญาณจัดตั้งเอาไว้ ทำให้พลังวิญญาณฟ้าดินหนาแน่นบริบูรณ์ที่สุด นักศึกษา 10 ดาวเรียกว่าอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกันกับท่านคณบดีและอาจารย์อย่างพวกเรา”
“นอกจากนั้นนักศึกษา 10 ดาวยังจะได้รับหินเทพสนับสนุนการบ่มเพาะฝึกฝนทุกเดือน…และทางสถานศึกษาเราก็ได้ออกภารกิจไว้เป็นจำนวนมาก หากนักศึกษา 10 ดาวสามารถทำภารกิจได้สำเร็จ ก็จักได้รับรางวัลอย่างเช่นหินเทพเป็นจำนวนมาก”
“และสถานศึกษาเราจักทำการประเมินพลังของนักศึกษา 10 ดาวอยู่บ่อยครั้ง…และในการทดสอบทุกครั้ง สถานศึกษาจักมอบรางวัลให้แก่นักศึกษาที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นโอสถเทพ ผลไม้เทพ อุปกรณ์เทพ ไม่เว้นยันต์เทพรวมถึงจานค่ายกลทั้งหลายแหล่”
…
ระหว่างเดินทางไปยังหอพักสำหรับนักศึกษา 10 ดาว ถงกู่เยว่ก็อธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับสิทธิของนักศึกษา 10 ดาว รวมถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับให้ต้วนหลิงเทียนฟังไม่หน่าย
“ถึงแล้ว”
และไม่นานนัก ภายใต้การนำของถงกู่เยว่ ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างมาถึงน่านฟ้าอันเต็มไปด้วยหมอกหนาปกคลุม อย่างร็ตามด้วยสาตาและระดับความสูงเพียงเท่านี้ ย่อมสามารถมองตัดหมอกไปแลเห็นสภาพแวดล้อมเบื้องล่างได้ชัดถนัดตา แม้จะใช้คำว่าหอพัก แต่ก็ไม่ใช่อาคารสูงชันและมีห้องเล็กๆยิบย่อยเหมือนหอพักนักศึกษาในโลกกเก่าต้วนหลิงเทียนแต่อย่างใด มันเป็นบ้านลานที่ตั้งเรียงราวร้าวบ้านชุด และยิ่งใกล้กับพื้นที่ตรงกลางมากเท่าไหร่ ลานกว้างรวมถึงพื้นที่ของบ้านก็จะยิ่งกว้างขวางมากขึ้นเท่านั้น
และบริเวณรอบๆพื้นที่ส่วนกลางนั้น ก็มีบ้านพร้อมลานว่างใหญ่โตมโหราฬปลูกสร้างอยู่ 5 หลังล้อมรอบเอาไว้ ส่วนพื้นที่ถัดออกมา ก็จะมีบ้านลาน 10 หลังล้อมรอบ ถัดมาก็มีบ้านล้าน 20 หลังล้อมรอบ และวงถัดมาก็จะเป็น 40 หลัง
“บริเวณพื้นที่ส่วนกลางที่เต็มไปด้วยหมอกหนาที่สุดตรงนั้น ที่โดนบ้านลานขนาดใหญ่ล้อมไว้ 5 หลัง ก็เป็นสถานที่พักอาศัยและบ่มเพาะของเหล่าอาจารย์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับรวมถึงท่านคณบดี….ส่วนบ้านลานทั้ง 75 หลังที่เจ้าเห็นนั่น เป็นสถานที่พักสำหรับนักศึกษา 10 ดาว”
“เจ้าเองก็คงสังเกตเห็นแล้ว…ว่ายิ่งอยู่ใกล้พื้นที่ใจกลางมากเท่าใด บ้านลานก็จะมีขนาดใหญ่โตกว้างขวางมากขึ้น และนั่นก็แค่ผิวเผินเท่านั้น อันที่จริงยิ่งเจ้าอยู่ใกล้ส่วนกลางมากเท่าใด พลังวิญญาณฟ้าดินเองก็จักสิ่งหนาแน่นบริบูรณ์มากขึ้น ทำให้สามารถบ่มเพาะพลังได้รวดเร็วกว่าเดิม”
“ถึงแม้เจ้าจะสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณฟ้าดินบริเวณนี้ก็ค่อนข้างดี…แต่มันก็มีระดับพอๆกับบ้านลาน 40 หลังที่อยู่รอบนอกเท่านั้น หากเข้าไปใกล้ใจกลางมากขึ้นเท่าไหร่ พลังวิญญาณก็จักหนาแน่นและอุดมสมบูรณ์มากขึ้นเท่านั้น”
“และอย่างที่เจ้าเห็น หอพักของนักศึกษา 10 ดาวก็แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ระดับสูง ระดับกลาง ระดับต่ำ และระดับต่ำสุด”
“นึกศึกษาที่อาศัยอยู่ในบ้านลานแต่ละระดับ ก็จักได้รับหินเทพรวมถึงทรัพยากรในการบ่มเพาะแตกต่างกันไป”
“เป็นสถานศึกษาหมอกเร้นลับเราตั้งใจให้เป็นเช่นนี้ พวกเราพยายามสร้างสภาพแวดล้อมในการแข่งขัน เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนก้าวหน้าเร็วไว”
กล่าวถึงจุดนี้ ถงกู่เยว่ก็คล้ายนึกอะไรได้ออกมา อยู่ๆมันก็ถอนหายใจออกมา ค่อยกล่าวด้วยน้ำเสียงช่วยไม่ได้ “อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่…แต่บ้านลานดีๆนั้นกลับถูกนักศึกษาที่มีภูมิหลังความเป็นมายึดครองไปเสียสิ้น แม้พลังฝีมือจักอ่อนด้อยกว่า แต่พวกมันก็สามารถยึดครองบ้านพักที่ดีที่สุดได้ แม้จักมีนักศึกษาที่ร้ายกาจกว่าพวกมัน อนิจจาพวกมันก็เลือกที่จะอยยู่ในบ้านพักที่ด้อยลงมา ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อไม่ให้ล่วงเกินนักศึกษาที่มีความเป็นมายิ่งใหญ่”
“แน่นอนว่ายังมีนักศึกษาที่ไม่เกรงกลัวอิทธิพลภายนอก เลือกจะสู้เพื่อแย่งชิงสิ่งที่ดีสำหรับตัวเองอยู่บ้าง”
“ทว่าคนเช่นนั้นเพียงมีแค่ช่วงแรกๆเท่านั้น ยิ่งมาก็ยิ่งน้อยลงทุกขณะ”
“เนื่องเพราะเมื่อนักศึกษาเหล่านั้นจบออกไปแล้วเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับ พวกมันก็จะถูกเพ่งเล็งเล่นงานจากอาวุโสของตระกูลใหญ่ๆที่อยู่เบื้องหลังนักศึกษาที่พวกมันเอาชนะมา…และการโดนเพ่งเล็งกลั่นแกล้งจากชนชั้นอาวุโสก็ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย แถมขอเพียงอาวุโสเหล่านั้นไม่ได้ทำผิดกฏนิกาย ทางนิกายก็ไม่อาจลงโทษพวกมันได้…”
กล่าวถึงประโยคท้าย น้ำเสียงของถงกู่เยว่ก็เต็มไปด้วยความระอา
“20 ปีก่อน ท่านคณบดีก็ได้ประกาศออกมาแล้ว ว่านักศึกษาคนใดก็ตามที่เข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับแล้ว หากโดนกลั่นแกล้งรังแกและเลือกปฏิบัติจนอยู่ไม่ไหวจริงๆ สามารถร้องเรียนได้…อนิจจาความหวาดกลัวได้ฝังหัวเหล่าผู้ที่ไม่มีภูมิหลังไปเสียแล้ว ถึงแม้จะมีนักศึกษา 10 ดาวที่แข็งแกร่งพอจะแย่งชิงบ้านลานทั้ง 5 นั่นได้ ก็ไม่มีใครกล้าลงมืออีกต่อไป ทำให้สภาพการณ์ของหอพักนักศึกษา 10 ดาวนิ่งสงบดั่งน้ำบ่อโบราณ ทุกคนไม่คิดจะแข่งขันแย่งชิงอะไรอีกต่อไป”
หลังได้ยินคำพูดของถงกู่เยว่ ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ทันที ว่าสิ่งที่อวิ๋นฮุ่ยกล่าวไว้ก่อนหน้าหมายความว่าอะไร
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเชื่อว่า เขาจะเป็นคนทำลายทำเนียมอุบาทว์ แค่ภูมิหลังใหญ่ก็ได้สิ่งดีๆไม่จำเป็นต้องมีฝีมือในหอพักนักศึกษา 10 ดาวลง!
“หอพักระดับสูงที่ว่าก็เป็นบ้านลานที่ใหญ่โตที่สุด 5 หลังใกล้พื้นที่ใจกลางมากที่สุดนั่น ส่วนบ้านลาน 10 หลังที่ห้อมล้อมอยู่ก็คือหอพักระดับกลาง และหอพักระดับต่ำทั้ง 20 แห่งนั่นซึ่งตอนนี้ก็ถูกครอบครองหมดแล้ว…นักศึกษา 10 ดาวในสถานศึกษาหมอกเร้นลับเรา ปัจจุบันก็มีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 37 คนเท่านั้น และ 2 คนที่ยังไม่ได้กล่าวถึงก็อาศัยอยู่ในหอพักระดับต่ำสุด…”
“เจ้าที่เป็นนักศึกษาใหม่ ตามกฏแล้วก็สามารถเข้าพักในหอพักระดับต่ำสุดเท่านั้น”
“อย่างไรก็ตาม เจ้าสามารถท้าประลองเพื่อชิงหอพักระดับต่ำได้ทันที และตราบใดที่เจ้านำสาส์นท้าประลองไปแขวนไว้ที่ประตูบ้านหลังที่เจ้าต้องการ ตราบใดที่มีคนอาศัยอยู่ ภายใน 1 เดือนมันต้องรับคำท้าเจ้า…หากมันไม่รับคำท้าก็จักถูกขับไล่ออกจากบ้านหลังนั้นโดยสดุดี และต้องไปอยู่ในหอพักระดับต่ำสุดแทนเจ้า”
ถงกู่เยว่กล่าวต่อ “และหากเจ้าคิดจะท้าทายช่วงชิงหอพักระดับสูง เจ้าต้องค่อยๆไต่ระดับไปเรื่อยๆ…เมื่อเจ้าท้าชิงหอพักระดับต่ำมาได้แล้ว เจ้ายังไม่มีสิทธิ์ท้าชิงหอพักระดับสูงของนักศึกษา 10 ดาวโดยตรง เจ้าต้องเริ่มจากการท้าทายหอพักระดับกลางก่อน เมื่อท้าทายสำเร็จแล้วจึงจะท้าชิงหอพักระดับสูงได้”
เมื่อถงกู่เยว่กล่าวจบ ต้วนหลิงเทียนก็ได้รู้กฏเกณฑ์การแย่งชิงหอพักของนักศึกษา 10 ดาวทันที
ก่อนที่เขาจะมายังระนาบเทพ เขาเองก็เคยเข้าร่วมกับขุมกำลังที่มีกฏเกณฑ์แบบนี้มาบ้าง ทั้งหมดเพื่อผลักดันให้ศิษย์เติบโตก้าวหน้าเร็วไว เขาจึงเข้าใจเรื่องราวที่ถงกู่เยว่พูดได้ง่ายๆ
“ว่าแต่ ข้าต้องไปเอาสาสน์ท้าประลองที่ว่าจากไหน ใช่ข้าสามารถเขียนเองได้เลยหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามถงกู่เยว่ด้วยความสงสัย
“เจ้าเห็นอาคารหังนั้นหรือไม่?”
ภายใต้การชี้ของถงกู่เยว่ ต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นอาคารหลังหนึ่งที่อยู่นอกเขตหอพักนักศึกษา 10 ดาวไม่ไกล เป็นอาคารไม่เล็กไม่ใหญ่หลังหนึ่ง “ที่นั่นเป็นดั่งอาคารที่สร้างขึ้นเพื่อมีไว้อำนวความสะดวกแก่นักศึกษา 10 ดาว มีบริการต่างๆมากมายคยอยให้บริการ”
“ไม่ว่าจะเป็นการขอสาสน์ท้าประลองเพื่อช่วงชิงหอพัก หรือรับศิลาเทพประจำเดือน ไม่เว้นชมดูภารกิจรับของรางวัลต่างๆ กระทั่งกำหนดการสอบอันใด ก็สามารถไปชมดูได้ที่นั่น”
“อ้อ หากคิดทำสิ่งใด เจ้าเพียงแสดงป้ายประจำตัวให้เจ้าหน้าที่ๆนั่นดูก็พอ”
…
ถงกู่เยว่มาส่งต้วนหลิงเทียนยังหอพักระดับต่ำสุดของนักศึกษา 10 ดาว จากนั้นก็กล่าวลาต้วนหลิงเทียนและเหินร่างจากไป
ก่อนีท่จะจากไปมันก็กล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มคาดหวังว่า “ต้วนหลิงเทียน ข้าหวังว่าเจ้าจักเข้าไปอยู่ในหอพักระดับสูงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
คำพูดทิ้งท้ายของมันก็นับว่าเป็นการส่งเสริมต้วนหลิงเทียนในระดับหนึ่ง แถมมันยังหวังว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่ท้อถอยเพราะภูมิหลังของคู่ต่อสู้บางคน “ท่านคณบดีกล่าวแล้วย่อมกระทำได้ ในเมื่อท่านรับปากแล้วว่าจักจัดการผู้ที่กลั่นแกล้งรังแก เช่นนั้นก็ไม่ใช่ใครจะละเมิดคำพูดของท่านได้ง่ายๆ”
ถึงแม้ถงกู่เยว่จะพยายามยืนยันอำนาจของคณบดีออกมา แต่ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าเรื่องราวมันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น หากอีกฝ่ายลงมือโดยไม่ทิ้งหลักฐานอันใดไว้ ก็ใช่จะจัดการได้ง่ายๆ
ถึงตอนนั้นต่อให้คณบดีจะเป็นรองประมุขคนหนึ่งของนิกายหมอกเร้นลับ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการศิษย์รวมถึงอาวุโสฝ่ายในได้โดยไม่มีหลักฐาน
เพราะเหตุนี้เอง เรื่องที่คณบดีรับปากไว้เมื่อ 20 ปีก่อน จึงถูกนักศึกษา 10 ดาวในปัจจุบันละเลย
เป็นธรรมดาว่ากว่าครึ่งนั้นคุ้นชินกับการโดนกดขี่ข่มเหงอยู่แล้ว
“แอ๊ด…”
ต้วนหลิงเทียนที่เลือกบ้านลานส่วนหอพักระดับต่ำสุดหลังหนึ่งที่ว่างอยู่ พอเดินข้ามลานมาพลักประตูบ้าน ก็พบเจอกับมวลฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว เห็นชัดว่าไม่มีใครมาทำความสะอาดมันนานมากแล้ว
อย่างไรก็ตาม เพียงต้วนหลิงเทียนโบกมือเบาๆ พลังเทพก็พวยพุ่งออกมาราวใต้ฝุ่นขนาดยย่อมดูดรั้งฝุ่นละอองคลีทั้งหลายในบ้านมากระจุกรวมอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ทำลายฝุ่นจนหายไปไม่เหลือซาก ตัวบ้านกลับกลายเป็นสะอาดสะอ้านไร้ฝุ่นคลีใดๆทันที
“เฮ่ เจ้าเป็นนักศึกษาใหม่ที่พึ่งเข้ามาวันนี้เหรอ?”
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนชมดูความเรียบร้อยในบ้าน ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากนอกลาน พอหันไปดูเขาก็พบว่วาหน้าประตูบ้านลานของเขามีร่างหนึ่งที่ไม่ทราบมาหยุดยืนตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูจากชุดแล้วอีกฝ่ายก็เป็นนักศึกษา 10 ดาวเหมือนเขา