ตอนที่ 3635

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3635 : สายเลือดคลั่ง

 

รอบๆเวทีประลองในปัจจุบัน ก็ไม่ได้มีแต่นักศึกษา 10 ดาวเท่ายี่สิบกว่าคนเท่านั้น แต่ยังมีอาจารย์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ รวมถึงซูเฟิงหยางที่ทำหน้าที่เป็นพยานในการประลองครั้งนี้ด้วย

 

กล่าวได้ว่าเหล่าอาจารย์ในโถง 10 ดาวที่ไม่มีงานเร่งด่วนอะไรให้ทำ ก็มาที่นี่ด้วย ยังไปหยุดยืนข้างๆซูเฟิงหยาง และมองชมไปยัง 2 ร่างที่เผชิญหน้ากันบนเวทีประลองด้วยความสนใจ

 

“อาจารย์ซูเฟิงหยาง วันนี้ท่านว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะรึ?”

 

ชายวัยกลางคนในชุดคลุมยาวสีน้ำตาลที่ยืนอยู่ข้างซูเฟิงหยางหรี่ตาเล็กน้อย ค่อยเอ่ยถามซูเฟิงหยางด้วยรอยยิ้ม

 

มันก็เป็นอาจารย์คนหนึ่งของโถง 10 ดาวเช่นกัน และเข้าเวรในโถง 10 ดาววันนี้พอดี

 

“อาจารย์หยวน ท่านกับติงเหยียนดูเหมือนจะสนิทสนมกันไม่น้อย…เช่นนั้นการประลองครั้งนี้ ไม่พ้นท่านคงคิดว่าติงเหยียนจะมีโอกาสชนะมากกว่ากระมัง?”

 

ซูเฟิงหยางไม่ตอบ แต่ย้อนถามด้วยรอยยิ้ม

 

นักศึกษา 10 ดาว ไม่ว่าใครก็มีการติดต่อกับอาจารย์ผู้สอนไม่มากก็น้อย และอาจารย์บางคนก็มักสานไมตรีกับนักศึกษา 10 ดาวที่แลดูโดดเด่น…แน่นอนว่าถึงจะเป็นนักศึกษา 10 ดาวที่ไม่โดดเด่น แต่บางคนที่มากอัธยาศัยช่างพูดช่างคุย ก็สนิทสนมกับอาจารย์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับไม่น้อย

 

อย่างเช่นหลิวจิน มันก็ถือว่าเป็นอย่างหลัง

 

“อะไร? หรืออาจารย์ซูท่านจะบอกว่า วันนี้ท่านไม่คิดว่าติงเหยียนจะมีชัย?”

 

พออาจารย์หยวนได้ยินคำย้อนถามดังกล่าวของซูเฟิงหยาง มันก็มองลึกไปยังซูเฟิงหยางพลางถาม “อาจารย์ซูรีบบอกมาเร็ว นี่ท่านรู้อะไรดีๆมาหรือ?”

 

“เท่าที่ข้าทราบ…อาจารย์อวิ๋นฮุ่ยที่ทำหน้าที่เป็นผู้ทดสอบนักศึกษาใหม่ เหมือนจะเป็นอาจารย์ลุงของท่านกระมัง?”

 

พอพูดจบคำ ดวงตาของอาจารย์หยวนก็ฉายแววลึกล้ำมากขึ้น

 

“อาจารย์หยวน ท่านจะไม่คิดมากไปหน่อยหรือ?”

 

ซูเฟิงหยางส่ายหัวไปมาก่อนจะคลี่ยิ้มกลบเกลื่อน เห็นชัดว่าไม่คิดบอกความจริง “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ได้มองโลกในแง่ดีสำหรับติงเหยียน…ข้าแค่คิดว่าในเมื่อต้วนหลิงเทียนผู้นั้นกล้าที่จะท้าทายติงเหยียน ไม่พ้นต้องมีความมั่นใจอะไรบางอย่าง หาไม่แล้วนักศึกษา 10 ดาวในหอพักระดับต่ำมีตั้งเยอะตั้งแยะไม่ไปท้าทาย แต่ดันเลือกท้าทายติงเหยียนเล่าที่พลังฝีมือเป็นอันดับต้นๆของนักศึกษาในหอพักระดับต่ำเล่า?”

 

“ที่อาจารย์ซูกล่าวมา นับว่ามีเหตุผล…”

 

พอได้ยินคำของซูเฟิงหยาง เหล่าอาจารย์ที่ว่างงานและมาดูชมเรื่องราวหาความสนุก ก็พยักหน้าเห็นด้วย

 

“หึ!”

 

อาจารย์แซ่หยวน พ่นลมขึ้นจมูกเสียงเย็น “อย่างที่พูดกันว่า โคหนุ่มไม่หวาดพยัคฆ์…นักศึกษา 10 ดาวน้องใหม่คนนี้ เห็นได้ชัดว่าดูเบานักศึกษา 10 ดาวในหอพักระดับต่ำ จึงเลือกจะท้าติงเหยียนเพราะคิดว่าอ่อนด้อย…ต้องทราบด้วยว่ากระทั่งนักศึกษา 10 ดาวในหอพักระดับต่ำหลายคน ยังไม่อาจรับมือติงเหยียนได้ถึง 10 กระบวนท่าด้วยซ้ำ!”

 

“แม้จะเป็นนักศึกษา 10 ดาวที่อาศัยอยู่ในหอพักระดับเดียวกัน ก็มิได้หมายความว่าพลังฝีมือจักต้องพอๆกันเสียหน่อย!”

 

ฟังจากคำพูดของอาจารย์แซ่หยวนแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ดูดีต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่

 

“ที่อาจารย์หยวนกล่าว ก็มีเหตุผลเช่นกัน”

 

อาจารย์ที่แลดูแก่หง่อม เหมือนชายชราวัยไม้ใกล้ฝั่งพยักหน้า “แต่ผลจะออกมาเป็นเช่นไร อย่างไรก็ต้องรอดูกันไป…สุดท้ายหากทั้งคู่ไม่ประมือให้รู้ชัด อะไรก็เกิดขึ้นได้…”

 

“อาจารย์ซู ท่านให้สัญญาณทั้งคู่เริ่มประลองเลยเถอะ”

 

อาจารย์อีกคนกล่าวบอกซูเฟิงหยาง

 

เนื่องจากการท้าประลองครั้งนี้ ซูเฟิงหยางทำหน้าที่เป็นพยาน เช่นนั้นผู้ที่จะเป็นกรรมการในการประลองครั้งนี้ ก็คือซูเฟิงหยางด้วย

 

ด้านติงเหยียนที่ยืนเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนบนเวทีประลอง ก็แลดูกระเหี้ยนกระหือรือนัก ราวกับรอให้ซูเฟิงหยางให้สัญญาณเริ่มประลองไม่ไหวแล้ว

 

สำหรับต้วนหลิงเทียนที่ยังไม่รู้กฏอะไรมากนัก ในเมื่อติงเหยียนยังไม่ลงมือ เขาก็ไม่คิดจะลงส่งเดช…เพราะด้วยพลังของเขาในปัจจุบัน การท้าทายติงเหยียนที่เป็นดั่งตัวตนอันแข็งแกร่งไร้ผู้ใดต่อกรในหอพักระดับต่ำ ก็เสมือนรังแกเด็กน้อยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งเท่านั้น จึงไม่ได้รีบร้อนอะไร

 

“เอาล่ะ ทั้งคู่เริ่มประลองได้!”

 

ในที่สุดซูเฟิงหยางก็ให้สัญญาณเริ่ม

 

ด้านติงเหยียนที่เฝ้ารอเวลานี้มานานแล้ว พอได้ยินซูเฟิงหยางให้สัญญาณ สองตามันก็ฉายประกายเยียบเย็น มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงหนัก “เจ้าหนู ให้ข้าชมดูทีเถอะพว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจผิดๆมาจากที่ใด ถึงได้หาญกล้าท้าทายข้า กระทั่งยังคิดจะไปท้าทายหอพักระดับกลางรวมถึงระดับสูงต่ออีก!”

 

พอกล่าวจบคำ ชุดคลุมสีแดงเพลิงของติงเหยียนก็คล้ายลูกโป่งพองลม ชายเสื้อยังเริ่มสะบัดพึ่บพั่บแม้ไร้ลม

 

ฟู่มมม!!

 

ซู่มม!!

 

 

ทันใดนั้นปรากฏเพลิงพลังอันเกรี้ยวกราดปะทุลุกโชนขึ้นทั่วร่างติงเหยียน มองไปคนคล้ายกลับกลายเป็นหงส์เพลิง ขณะเดียวกันกับที่พลังปะทุออกมา กลิ่นอายร้อนลวกก็กำจายไปทั่วสารทิศ พาลให้ผู้ที่ชมดูรอบเวที สัมผัสได้ถึงไอร้อนที่โลมเลียแผดเผาเข้ามาอย่างดุดัน

 

ทันใดนั้น กลิ่นอายพลังอำนาจจากการผสานรวมความลึกซึ้ง 2 ประการ 3 ชุด ก็เปล่งพลังสะท้านสะเทือนไปในบรรยากาศตามมาติดๆ!

 

นักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับนั้น ปกติแล้วเกณฑ์ขั้นต่ำที่ต้องมีก็คือบรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นต่ำ เข้าใจความลึกซึ้งของกฏทุกประการถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ และเข้าใจการผสานความความลึกซึ้งของกฏ 2 ประการอย่างน้อย 2 ชุด… 

 

ทว่าดูจากการปลดปล่อยพลังของติงเหยียนแล้ว เห็นได้ชัดว่าความสามารถของมันสูงเกินเกณฑ์ไปแล้ว!

 

การที่มันเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 2 ประการ 3 ชุดเช่นนี้ แม้แต่ในบรรดานักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ พลังฝีมือของมันก็เรียกว่าอยู่กลางๆ ยังเหนือกว่านักศึกษา 10 ดาวกว่าครึ่ง!

 

“การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 2 ประการ 3 ชุด…ติงเหยียนมันแข็งแกร่งไม่ใช่ชั่วจริงๆ”

 

“สมแล้วที่เป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆคนหนึ่งของหอพักระดับต่ำ…อีกทั้งความร้ายกาจของติงเหยียนไม่ใช่แค่การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 2 ประการ 3 ชุดเท่านั้น…แต่พลังสายเลือดที่มันมีก็คือ ‘คลั่ง’ ที่จะทำให้ระดับพลังมันพุ่งสูงขึ้นชั่วระยะเวลาหนึ่ง จากเทพขั้นต่ำกลับกลายเป็นเทพขั้นกลางในบัดดล!”

 

“ในระนาบเทพเราแม้จะมีหลายคนที่มีพลังสายเลือด…แต่ในละแวกเมืองวายุสวรรค์แห่งนี้ ยากนักที่จักมีผู้ที่ใช้พลังสายเลือดได้ ปกติแล้วคนที่สายเลือดบริสุทธิ์มากพอจะมีพลังสายเลือดได้ ล้วนแล้วแต่อยู่ในตระกูลใหญ่ๆ และขุมกำลังระดับสูงๆเท่านั้น”

 

“กล่าวไป ข้ายังไม่รู้เลยว่าติงเหยียนนั่นมันมีความเป็นมาอย่างไรกันแน่”

 

“ลองมีพลังสายเลือดเช่นนี้ แม้กล่าวได้ว่ามันต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้แข็งแกร่งที่สุด…อย่างไรก็ตาม ติงเหยียนไม่แน่ว่าจะมีความเป็นมาเลิศล้ำอะไร สุดท้ายในระนาบเทพผู้คนส่วนใหญ่ก็มีความเกี่ยวข้องกับผู้แข็งแกร่งที่สุดไม่มากก็น้อย แม้จะห่างไปมากจนสายเลือดเจือจาง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสที่สายเลือดจะตื่นขึ้น”

 

 

ในบรรดานักศึกษา 10 ดาวที่ชมดูการประลองอยู่ พอเห็นติงเหยียนเร่งเร้าพลังขึ้นมา หลายคนก็เริ่มกล่าวถึงความแข็งแกร่งของมันทันที ยังกล่าวถึงพลังสายเลือดของติงเหยียนออกมาอีกด้วย

 

‘พลังสายเลือด?’

 

พลังสายเลือดนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับต้วนหลิงเทียนแต่อย่างไร ตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่ในระนาบเทวโลก สหายเขาอย่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเอง ก็มีพลังสายเลือดเช่นกัน ยังเป็นพลังสายเลือดที่ร้ายกาจไม่น้อยเลย บ่งบอกให้รู้ว่าตระกูลหลิงไม่ใช่ตระกูลต้อยต่ำในระนาบเทพ

 

ชนพื้นเมืองของระนาบเทพนั้น ไม่ใช่ว่าบรรพบุรุษของทุกคนจะเป็น ‘คนนอก’ จากระนาบเทวโลก ปกติแล้วมักมีสายเลือดผู้แข็งแกร่งที่สุดไหลเวียนอยู่ในร่างทั้งนั้น คำถามมันอยู่ที่สายเลือดจะเข้มข้นมากแค่ไหนเท่านั้นเอง

 

หากสายเลือดในร่างมันเจือจาง ก็คงยากจะปลุกพลังสายเลือดให้ตื่นขึ้นมาได้

 

แต่ถ้าสายเลือดเข้มข้น ก็สามารถปลุกพลังสายเลือดได้ไม่ยาก

 

พลังสายเลือดเองก็มีหลากหลายประเภท ตระกูลพื้นเมืองในระนาบเทพหลายตระกูล ผู้คนในตระกูลนั้นก็จะมีพลังสายเลือดแบบเดียวกัน…และตระกูลพื้นเมืองบางตระกูลก็พิกลนัก ผู้คนในตระกูลกลับมีพลังสายเลือดหลากหลาย จึงมีการแบ่งสายอะไรวุ่นวายไปหมด

 

เป็นธรรมดาว่าตระกูลอย่างแรกจะมีมากกว่า

 

ก็ยกตัวอย่างเช่นตระกูลหลิงของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ผู้คนในตระกูลนั้นจะมีพลังสายเลือดดุจเดียวกัน เพียงแต่หากสายเลือดบริสุทธิ์มากเท่าไหร่ พลังอำนาจของ ‘สายเลือดแห่งความตาย’ ก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

 

‘พลังสายเลือด คุ้มคลั่งรึ…น่าสนใจดีนี่’

 

ได้ยินบทสนทนาของนักศึกษา 10 ดาวรอบๆ แววตาที่เคยสงบเฉยเมยของต้วนหลิงเทียนก็ฉายแสงขึ้นมาวาบหนึ่ง

 

“ต้วนหลิงเทียน!”

 

ตอนนี้เองติงเหยียนที่เร่งเร้าพลังพร้อมลงมือแล้ว มันก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาราวมีสายฟ้าฟาด กล่าวคำเย้ยหยันออกมาว่า “ข้าจักให้เวลาเจ้าเตรียมตัว 3 ลมหายใจก่อน ข้าค่อยลงมือ…หาไม่แล้วข้าเกรงว่าคนอื่นจะนินทาลับหลังว่าข้าติงเหยียนชมชอบรังแกตัวอ่อนแอ!”

 

“ไม่จำเป็น”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว “เจ้ารีบลงมือได้แล้ว ข้ายังรอเอาชนะเจ้า จากนั้นจะได้ให้อาจารย์ซูช่วยข้าส่งสาสน์ท้าประลองหอพักระดับกลางอยู่อีก”

 

“บ้าไปแล้ว!”

 

ตอนนี้ไม่เพียงแต่ติงเหยียนเท่านั้นที่รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนหยิ่งผยองลำพองเกิน! กระทั่งคนอื่นๆนอกจากซูเฟิงหยางกับหลิวจินยังรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนหยิ่งผยองอย่างยิ่ง!

 

“อาจารย์ซู เจ้าหนุ่มต้วนหลิงเทียนที่ท่านให้ค่า ช่างถือดียิ่งนัก…ข้าหวังว่าพลังฝีมือมันจักดีเท่าความหยิ่งยโสของมัน หาไม่แล้วข้าเกรงว่าวันนี้มันคงจบไม่สวยสักเท่าไหร่ ถึงคนจักมิได้บาดเจ็บอะไรมากมาย แต่ไม่พ้นต้องกลายเป็นตัวตลกของสถานศึกษาหมอกเร้นลับเราแน่!”

 

อาจารย์แซ่หยวนที่มีสัมพันธ์อันดีกับติงเหยียน หันไปกล่าวกับซูเฟิงหยางด้วยท่าทีเย้ยเยาะ

 

“หากเรื่องราวจบลงอีหร็อบนั้น มันก็ต้องรับผิดชอบเอาเอง”

 

ซูเฟิงหยางยักไหล่กล่าวตอบอย่างไม่อีนังขังขอบ

 

ยิ่งต้วนหลิงเทียนแลดูถือดีและสงบมากเท่าไหร่ มันก็เริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่อาจารย์ลุงของมันกล่าวเป็นความจริงมากขึ้นเท่านั้น

 

ต้วนหลิงเทียนคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

 

หลายคนอาจคิดว่าต้วนหลิงเทียนหยิ่งผยองถือดี แต่ถ้าเกิดคนมีความสามารถจริงๆ การกระทำเช่นนี้ยังต่างอะไรกับไม่เห็นติงเหยียนอยู่ในสายตาเล่า?

 

“ติงเหยียนหัวร้อนแล้วนั่น ดูท่าคิดลงมือทุบตีผู้คนยกใหญ่แล้ว!”

 

“อัยยะ น้องใหม่คนนี้ช่างรู้วิธียั่วโมโหผู้คนเก่งจริง ไม่ทันไรก็ทำให้ติงเหยียนของขึ้นได้แล้ว!”

 

 

ภายใต้เสียงสนทนากันด้วยความสนุกสนานของนักศึกษาที่มาชมดูการประลอง ในที่สุดติงเหยียนก็เปิดฉากจู่โจม คนคล้ายกลับกลายเป็นเทพอัคคี เพลิงพลังทั่วร่างลุกโชนขึ้นมาปานจะแผดเผาท้องฟ้า แสงพลังยังจ้าไม่ต่างตะวันดวงที่สอง ย้อมให้ฉากโดยรอบกลับกลายเป็นสีแดงฉานปานโลกทั้งใบตกอยู่ในกองเพลิง

 

และติงเหยียนในปัจจุบัน ก็ไม่คิดต่อความยาวสาวความยืดอันใด มันตัดสินใจใช้พลังอันเกรี้ยวกราดของมันสยบนักศึกษาใหม่เบื้องหน้าในกระบวนท่าเดียว หมายให้อีกฝ่ายหน้าแตกยับเยินไม่กล้าสู้หน้าผู้ใดอีกเลย!

 

ขณะเดียวกัน เผชิญหน้ากับติงเหยียนที่เปิดฉากจู่โจมเข้ามาเต็มพลัง ต้วนหลิงเทียนก็แค่เหลือบมองมันด้วยสายตาเกียจคร้าน เพียงยกมือขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน พลังเทพอันแข็งแกร่งก็ระเบิดออกมาท่วมร่างในฉับพลัน! แถมกลิ่นอายพลังยังกล้าแข็งกว่าพลังเทพทั่วร่างติงเหยียนเสียอีก!!

 

“อะไร!? เทพขั้นกลางเรอะ?!”

 

“ให้ตายเถอะ! ต้วนหลิงเทียนนั่นที่แท้มันบรรลุถึงเทพขั้นกลางแล้ว!!”

 

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนโคจรเร่งเร้าพลังเทพออกมา ทุกคนที่ชมดูอยู่โดยรอบก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ ด้วยไม่มีใครคิดคาดว่าต้วนหลิงเทียนจะบรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นกลางแล้ว!

 

เนื่องเพราะเป็นการไม่สุภาพหากจะใช้สำนึกเทวะตรวจสอบพลังฝึกปรือผู้อื่น ทำให้แม้แต่ซูเฟิงหยางเองก็ไม่ได้ใช้สำนึกเทวะตรวจสอบพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนแต่แรก

 

พอมาเห็นต้วนหลิงเทียนเผยพลังระดับเทพขั้นกลางออกมา มันเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน!

 

“นักศึกษาใหม่คนนี้…เป็นเทพขั้นกลางแล้วจริงๆหรือ?!”

 

“เทพขั้นกลางทั้งที่ยังอายุไม่ถึง 2,800 ปี พรสวรรค์ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!”

 

“มิน่าแปลกใจเลยที่ไฉนมันถึงกล้าท้าทายติงเหยียน ที่แท้ด่านพลังฝึกปรือของมันอยู่ในขอบเขตเทพขั้นกลางแล้วนี่เอง!”

 

 

ในขณะที่นักศึกษาไม่เว้นอาจารย์โดยรอบตกใจ ด้านติงเหยียนที่เปิดฉากจู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนก็ตกใจไม่ต่างกัน จากนั้นมันก็ไม่รอช้าเร่งกระตุ้นพลังสายเลือดคุ้มคลั่งของมันออกมาทันที ทำให้พลังเทพทั่วร่างของมันพลันปะทุพลังอำนาจสูงขึ้นอีกระดับในฉับพลัน!

 

ซู่มมม!!

 

ครืนนน!!

 

 

เมื่อติงเหยียนกระตุ้นใช้พลังสายเลือดคุ้มคลั่งของมันแล้ว มันที่เป็นเพียงเทพขั้นต่ำ ก็ครอบครองพลังเทพระดับเทพขั้นกลางทันที และด้วยเพลิงพลังจากฏแห่งไฟที่เร่งเร้าออกมาสุดตัวแต่แรก พลังอำนาจก็ทวีความกล้าแข็งขึ้นทุกขณะ สภาวะพลังที่จู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน ทวีความดุร้ายขึ้นเกินเท่าตัว!

 

“ให้ตายเถอะ ติงเหยียนมันเอาจริง! มันไม่คิดให้ต้วนหลิงเทียนมีโอกาสโต้ตอบเลยกระมัง พวกเนใช้พลังสาเลือดคุ้มคลั่งกับพลังจากกฏแห่งไฟทั้งหมดโถมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนนั่นสุดตัวเชียว!!”

 

ฉากเรื่องราวเบื้องหน้า ทำให้หลายๆคนมองเจตนาของติงเหยียนออก

 

ต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นกลางแล้ว หากติงเหยียนไม่ใช้พลังสายเลือดคุ้มคลั่ง แม้ความเข้าใจในกฏอาจจะแข็งแกร่งกว่าต้วนหลิงเทียน แต่เกรงว่คงไม่อาจเอาชนะต้วนหลิงเทียนได้

 

เพราะสุดท้ายแล้ว ความแตกต่างของด่านพลังฝึกปรือก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

 

ทว่าบัดนี้ มันไม่คิดเปิดโอกาสให้ต้วนหลิงเทียนเลย เลือกจะกระตุ้นใช้พลังสายเลือดในบัดดล เห็นชัดว่าตั้งใจทุ่มพลังทั้งหมดเอาชนะต้วนหลิงเทียนในกระบวนเดียว!!