ตอนที่ 1948 เหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นกะทันหัน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 1948 เหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นกะทันหัน
เมื่อเห็นภาพนี้เข้า เหล่าจักรพรรดิต่างเผยสีหน้าประหลาด

คราวนี้ไม่ได้มีพลังกระบวนค่ายกลใหญ่พันธนาการ มิหนำซ้ำถูเชียนเจวี๋ยยังจู่โจมชนิดเอาชีวิตเข้าแลก แต่กลับได้รับบาดเจ็บสาหัสในการปะทะซึ่งหน้า!

เทียบกันแล้ว จินตู๋อีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียวก็ดูสะดุดตาผิดธรรมดา

สายตาของระดับจักรพรรดิบางส่วนชำเลืองมองจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง พบว่าหว่างคิ้วของฝ่ายหลังปรากฏแววอึมครึม เห็นชัดว่าอารมณ์เสียมาก

กลับมาดูซย่าสิงเลี่ย กลับยกจอกเหล้าขึ้นใหม่ ดื่มหมดในอึกเดียวอย่างสาแก่ใจ

คนเรามีความสุข ก็ต้องร่ำสุรา!

……

“นี่…”

เถิงอี๋เฉินกับกุยซานสิงก็อึ้งไป

ถูเชียนเจวี๋ยอยู่อันดับเก้าของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ แต่ถึงกับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจินตู๋อีหรือ

“ที่แท้ข้าก็ประเมินเจ้าต่ำไปตั้งแต่แรก ก็ถูก ใครจะไปคิดว่าสถานที่อย่างแคว้นเมฆาจะมีคนที่เก็บงำไม่เผยตัวอย่างเจ้า”

ถูเชียนเจวี๋ยสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ เขาได้รับบาดเจ็บไม่เบาจริงๆ แต่ไม่ถึงกับรุนแรงมาก สิ่งนี้พิสูจน์ได้เพียงว่าเขายังมีไพ่ตาย!

หลินสวินก็ดูออกถึงจุดนี้ เขาก้าวเท้าไปข้างหน้า เอ่ยด้วยสีหน้าเยือกเย็นว่า “ดูออกว่าในมือเจ้ายังมีของอยู่ ถ้าไม่ใช้อีกเกรงว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว”

ถูเชียนเจวี๋ยเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “เจ้าจะลองดูก็ได้”

เขาในตอนนี้ดูสงบหาใดเทียบ

ทว่าหลินสวินคร้านจะใส่ใจเรื่องพวกนี้ ในแดนลับโลกาสวรรค์แห่งนี้มีกฎไว้อยู่แล้วว่าจะใช้สมบัติจักรพรรดิไม่ได้ ทั้งห้ามใช้พลังภายนอกด้วย

เช่นนี้แล้ว สิ่งที่ทำให้หลินสวินหวาดหวั่นก็แทบจะไม่มี

ไม่ว่าถูเชียนเจวี๋ยจะมีไพ่ตายน่ากลัวหาใดเทียบจริงๆ หรือแกล้งทำข่มขู่ หลินสวินก็จะไม่หยุดมือเท่านี้เด็ดขาด

แต่ก็ในตอนที่หลินสวินกำลังจะลงมือ จู่ๆ ก็พลันหยุดเท้า

ในเวลาเดียวกัน เสียงไพเราะเสนาะหูเสียงหนึ่งก็ลอยแว่วจากไกลๆ ราวกับเสียงสวรรค์

“พี่จิน เหตุใดต้องรีบฆ่าให้สิ้นซากเล่า”

เงาร่างสูงโปร่งอรชรร่างหนึ่งปรากฏขึ้น หมอกฝนรอบกายพร่ามัวประหนึ่งภาพฝัน ผมดำขลับของนางเกล้าเป็นมวย เผยให้เห็นใบหน้างามล้ำอันกระจ่างใสเหนือธรรมดา

เยียนอวี่โหรว!

อันดับเจ็ดของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ ผู้สืบทอดแกนหลักเรือนมรรคโลกาสวรรค์ เป็นหญิงงามตระการมีชื่อทั่วหล้าคนหนึ่ง

ผลงานการต่อสู้ของนางมีมากมายนับไม่ถ้วน

“การคัดเลือกถกมรรคต่างต้องชิงชัยกัน จะเรียกว่ารีบฆ่าให้สิ้นซากได้อย่างไร”

หลินสวินหยุดเท้า สีหน้าเรียบเฉย

เถิงอี๋เฉินกับกุยซานสิงต่างเหมือนได้พบศัตรูตัวฉกาจ ขนลุกเกรียวขึ้นมา ล้วนคิดไม่ถึงว่าในช่วงสำคัญเช่นนี้จะมีปีศาจชั้นยอดที่นามระบือใต้หล้าคนหนึ่งปรากฏตัว

“พี่จินพูดถูก แต่ในเมื่อข้ามาทันเวลา พี่จินคิดว่าถ้าสู้ต่อจะยังมีโอกาสชนะเท่าไร”

เงาร่างเยียนอวี่โหรวปราดเปรียว โรยตัวลงมาในสนามรบ กลิ่นหอมบริสุทธิ์ก็ตลบอบอวลตามไปด้วย

นางสง่างามโดดเด่น มีความงดงามเหนือธรรมดา

“แม่นางอวี่โหรว คราวนี้ลำบากเจ้าแล้ว”

ถูเชียนเจวี๋ยสีหน้าซับซ้อน เดิมเขาหยิ่งทระนงนัก ถ้าไม่ใช่เพราะจวนตัวคงไม่หวังให้คนอื่นมาช่วย

หลินสวินที่หยุดเท้าอยู่ที่เดิมยิ้มน้อยๆ ก่อนก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง เอ่ยว่า

“เจ้าถามข้าว่าจะมีโอกาสชนะแค่ไหน ข้าคิดดูแล้ว อย่างน้อยต่อกรกับพวกเจ้าสองคนก็ยังมั่นใจได้”

ประโยคเดียวโอหังเป็นอย่างยิ่ง!

ถูเชียนเจวี๋ยกับเยียนอวี่โหรวต่างอึ้งไป เหมือนยากจะเชื่อ

“ดูท่าพี่จินจะไม่ยอมรามือเท่านี้ คิดจะสู้กันสักตั้ง”

ดวงตาเยียนอวี่โหรวดุจมายา เสียงใสกระจ่างดูความรู้สึกใดๆ ไม่ออก แต่บนตัวนางกลับอบอวลด้วยพลังมหามรรคที่ดุจระลอกคลื่น

“หึ นี่เขาไม่เห็นเจ้ากับข้าอยู่ในสายตาชัดๆ”

ถูเชียนเจวี๋ยสีหน้าไม่น่าดู

แต่ก็ในตอนนี้เอง หลินสวินหยุดเดินอีกครั้ง หันไปมองเถิงอี๋เฉินกับกุยซานสิงแล้วตวาดร้องทันควัน “ระวัง!”

การตอบสนองของทั้งคู่ไม่ใช่ไม่เร็ว เสียงของหลินสวินยังไม่ทันเงียบลง พวกเขาก็หลบหนีตามสัญชาตญาณแล้ว

แต่กลับช้าไปก้าวหนึ่ง

ตูม!

ก็เห็นเงากระบี่สีดำแถบหนึ่งร่วงลงมาจากฟ้าอย่างรวดเร็วเหมือนม่านดำผืนหนึ่ง ปราณกระบี่ดำสนิทเปล่งแสงคมบาดตา ส่งเสียงกึกก้อง

ปราณกระบี่อึงอล แน่นขนัดราวกับน้ำจากธารสวรรค์ ถล่มห้วงอากาศแถบนั้น และยังกลบเงาร่างของเถิงอี๋เฉินกับกุยซานสิงมิด

“ไม่…!”

“พี่จิน รีบหนีไป!”

ชั่วพริบตาทั้งสองล้วนถูกคัดออกจากการคัดเลืออก ก่อนถูกคัดออก กุยซานสิงยังใส่ใจความปลอดภัยของหลินสวิน ส่งเสียงคำรามร้อนรนออกมา

เห็นภาพนี้แต่กลับช่วยไม่ทัน ทำให้หลินสวินสีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที ไอสังหารไหววูบดั่งเดือดพล่านอยู่ในดวงตาดำล้ำลึกดุจหุบเหวทั้งสอง

พวกพ้องที่ตนช่วยกลับถูกคนอื่นซุ่มโจมตีกะทันหัน ถูกคัดออกอย่างน่าสังเวชภายใต้สายตาตน นี่ทำให้หลินสวินเกิดความละอายและโกรธเคืองอย่างบอกผุดขึ้นในใจ

ยามเงากระบี่สีดำสลายไป ในสนามรบก็มีชายที่สะพายกระบี่ไว้ด้านหลัง สาบเสื้อแหวกออก หิ้วกาสุราอยู่คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ทั้งร่างเต็มไปด้วยความดิบเถื่อนหยาบกระด้าง

จู่เฟยอวี่!

อันดับแปดของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ ผู้สืบทอดแกนหลักของเรือนมรรคเหล่ามาร

“ดูพี่จินโกรธมากใช่ไหม ความจริงแล้วไม่เห็นต้องโกรธเลย เมื่อครู่เจ้าก็เพิ่งพูดว่านี่คือการคัดเลือกถกมรรค ต่างต้องชิงชัยกันก็เท่านั้น”

จู่เฟยอวี่ยิ้มเหิมเกริม “ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาแค่ถูกคัดออกจากการคัดเลือก ไม่ต้องกังวงลเรื่องชีวิต พี่จินอย่าโกรธจนร่างกายแย่เอา”

วาจาเปี่ยมด้วยการกระเซ้าเย้าแหย่

ขณะที่พูดเขากับถูเชียนเจวี๋ยและเยียนอวี่โหรวมองตากัน ครู่ต่อมาก็ใช้พลังขับเคลื่อนปกคลุมหลินสวินไว้จากคนละทิศ

บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบหาใดเทียบ

การไล่ฆ่าคราวนี้มีความพลิกผันยิ่ง เริ่มจากหลินสวินเอาชนะอู่หวง จากนั้นพวกถูเชียนเจวี๋ยก็ปรากฏตัวไล่ฆ่าหลินสวิน

แต่ท้ายที่สุดพวกถูเชียนเจวี๋ยกลับถูกกักขัง เดิมนึกว่าจะสิ้นเรื่องสิ้นราวแล้ว ใครจะคิดได้ว่าการปรากฏตัวอย่างต่อเนื่องของเยียนอวี่โหรวกับจู่เฟยอวี่จะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปอีกครั้ง!

ขณะนี้เท่ากับว่า หลินสวินถูกพวกร้ายกาจที่มีชื่ออยู่ในสิบอันดับแรกของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์สามคนหมายหัว สถานการณ์ก็พลิกผันตามไปด้วย

ภาพนี้ก็ดึงดูดสายตาระดับจักรพรรดิที่อยู่โลกภายนอก

“โอ้โห คิดไม่ถึงว่าคนหนุ่มสมัยนี้จะเจ้าเล่ห์ปานนี้ เจ้าสามคนจากสามเรือนมรรคใหญ่ถึงกับเป็นพันธมิตรกันลับๆ มานานแล้ว ความสัมพันธ์ของผู้สืบทอดสามเรือนมรรคใหญ่ของพวกเจ้าดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน”

ซย่าสิงเลี่ยไม่ปิดบังน้ำเสียงถากถางของตัวเองสักนิด

ในแดนลับโลกาสวรรค์ การร่วมมือกันเคลื่อนไหวเป็นเรื่องที่พบเห็นได้เป็นประจำ แต่อย่างพวกถูเชียนเจวี๋ย เยียนอวี่โหรวและจู่เฟยอวี่ ล้วนเป็นปีศาจแห่งยุคที่อยู่สิบอันดับแรกของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ การมาเป็นพันธมิตรกันเช่นนี้หาได้ยากยิ่งนัก

ไท่ซูหงเจ้าสำนักเรือนมรรคโลกาสวรรค์ยิ้มขื่น “เรื่องระหว่างศิษย์ พวกเราจะไปยุ่งมากได้อย่างไร พี่ซย่าคิดมากแล้ว”

จักรพรรดิมารผลาญนภาแห่งเรือนมรรคเหล่ามารเอ่ยเย็นชา “ซย่าสิงเลี่ย กฎไม่ได้บอกว่าไม่อนุญาตให้ร่วมกันเคลื่อนไหวนี่!”

เงาร่างเขาผอมแห้ง เบ้าตาลึกโหล ดวงตาทั้งสองน่ากลัวเหมือนเหยี่ยว แต่กายด้วยชุดดำ นั่งอยู่ตรงนั้นก็เหมือนกับจอมมารเก้าชั้นฟ้า!

“ซย่าสิงเลี่ย จินตู๋อีคนนี้เป็นอะไรกับเจ้า เหตุใดเจ้าถึงปกป้องเขาไปหมด”

จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงซักถามอย่างเหลืออด

“ข้าขัดลูกตา ไม่ได้หรือไง”

ซย่าสิงเลี่ยย้อนถาม

พอเห็นพวกเขาจะโต้เถียงกันอีก ไท่ซูหงก็รีบร้อนไกล่เกลี่ย “ทุกท่าน ขอเพียงไม่เกิดเรื่องละเมิดกฎ ปล่อยไปไม่ต้องยุ่งได้ทั้งนั้น พวกเราอย่าทำลายความสัมพันธ์อันดีเพราะเรื่องนี้เลย”

ไท่ซูหงปวดหัวไปครู่หนึ่ง

ระดับจักรพรรดิ ครองอำนาจเทียมฟ้าปานพลิกคว่ำจักรวาล ทุกคนต่างมีอานุภาพสะท้อนฟ้าดิน แต่ไม่มีที่พูดง่ายสักคน!

ในขณะเดียวกันภายในแดนลับโลกาสวรรค์

พอสัมผัสได้ถึงความปฏิปักษ์ของพวกถูเชียนเจวี๋ย เยียนอวี่โหรวและจู่เฟยอวี่ หลังหลินสวินเงียบไปครู่หนึ่งก็พูดว่า

“บัญชีนี้ พวกเรามาค่อยๆ คิดทีหลัง”

เขาพูดพลางหันกายจากไป

“ฮ่า ถ้าคราวนี้ปล่อยเจ้าไป พวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

จู่เฟยอวี่หัวเราะอย่างอดไม่ได้ จินตู๋อีคนนี้จะสำคัญตัวเกินไปแล้ว ทิ้งคำพูดข่มขู่ไว้ประโยคหนึ่งก็จะจากไปเช่นนี้หรือ

ไม่มีทาง!

ขณะที่พูดเงาร่างเขาก็พริบไหวหายวับไปกลางอากาศ

ครู่ต่อมาปราณกระบี่สีดำหนาแน่นนับไม่ถ้วนก็บดขยี้ห้วงอากาศดังครั่นครืน พุ่งกำราบมาทางหลินสวิน

ปราณกระบี่สีดำสนิทแน่นหนักดั่งมหาคีรี เปล่งแสงมรรคคลุมเครือและน่ากลัว รวมตัวกันแน่นขนัดหมายถล่มสังหารภูผาธารา ทำลายล้างจักรวาล

หลินสวินไม่แม้แต่มอง ชูหมัดต่อยออกไป

พลังหมัดคล้ายเตาหลอมก็ไม่ใช่ เหมือนหุบเหวก็ไม่เชิง กลืนกินปราณกระบี่สีดำที่กำราบลงมาเต็มฟ้านั้นให้สิ้นซากด้วยพลานุภาพอันเหลือเชื่อ

ตูม!

ห้วงอากาศใกล้เคียงปั่นป่วน ร่างของจู่เฟยอวี่ถูกซัดถอยออกไปจากกลางอากาศ หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้

เจ้าหมอนี่น่ากลัวผิดธรรมดาดังคาด!

“รวม!”

หมอกฝนพร่ามัวคล้ายภาพฝันปรากฏขึ้นตรงหน้าหลินสวิน ควบรวมเป็นม้วนภาพสาดหมึกหมอกฝนภาพหนึ่ง แล้วหุบเข้าหากันทันที

ภูผาธาราหมอกฝน!

นี่เป็นเขตแดนมรรคของเยียนอวี่โหรว ดูเหมือนภาพวาดงดงาม แต่ความจริงแล้วภายในครอบจักรวาล เต็มไปด้วยพลังสังหารยากจินตนาการ

ตึง!

หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง ชกหมัดออกไปอีกครั้ง ม้วนภาพที่มีหมอกฝนพร่ามัวเพิ่งรวมตัวก่อร่างก็ระเบิดกระจุยแล้ว

เนตรดาราของเยียนอวี่โหรวเบิกกว้าง เต็มไปด้วยความตกตะลึง เดิมนางเพียงต้องการขวางหลินสวิน รั้งเขาเอาไว้เท่านั้น ใครจะคิดว่าวิชาต่อสู้ของนางยังไม่มีประโยชน์แม้แต่นิดเดียว!

เมื่อนางกับจู่เฟยอวี่จะร่วมกันลงมืออีกครั้ง เงาร่างของหลินสวินก็จากไปอย่างผ่าเผย หายลับไปไกล จะตามไปอีกก็ไม่ทันแล้ว

ถูเชียนเจวี๋ยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ได้ลงมือ ด้วยสภาพของเขาตอนนี้ก็ลงมือไม่ได้เช่นกัน เมื่อเห็นภาพนี้สีหน้าก็ถมึงทึงยิ่งยวด

สามคนร่วมมือกันยังรั้งอีกฝ่ายไว้ไม่ได้!

“ถ้าหนึ่งต่อหนึ่ง เกรงว่าพวกเราจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เจ้าหมอนี่พอๆ กับพวกปีศาจที่เก็บตัวเงียบอย่างเยวี่ยหรูหั่ว จือไป๋เลย”

จู่เฟยอวี่สีหน้าเคร่งเครียด

“เดิมทีพวกเราเป็นพันธมิตรกันลับๆ ก็เพื่อต้านคนอย่างเยวี่ยหรูหั่ว จือไป๋ หมีอู๋หยา แต่ตอนนี้ดูท่าจะต้องเพิ่มจินตู๋อีอีกคนแล้ว”

สีหน้าเยียนอวี่โหรวก็เคร่งขรึมอย่างหาได้ยาก

จินตู๋อี!

คนจากแคว้นเมฆาคนหนึ่งเท่านั้น กลับมีพลังต่อสู้เย้ยฟ้าที่ไม่อาจจินตนาการได้ นี่ทำให้ไม่ว่าใครก็ต้องให้ความสำคัญ

“เจ้าหมอนี่คิดแค้นพวกเราไปแล้ว ต่อไปเขาต้องไม่รามือโดยดีเท่านี้แน่”

ถูเชียนเจวี๋ยสูดหายใจลึก เก็บกลั้นความแค้นในใจแล้วเอ่ยเสียงอึมครึมว่า “ทั้งสองคนคิดว่าต่อไปจะทำอย่างไร”

“ตีงูไม่ตายกลับจะถูกมันแว้งกัด ยันต์ชีวิตต้องแย่งชิง แต่ภัยคุกคามที่ควรกำจัดก็ต้องกำจัด มิเช่นนั้นไม่แน่ว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้นอีก”

นัยน์ตาจู่เฟยอวี่ลึกล้ำ “ข้าเห็นว่าควรเรียกรวมกำลังพลทั้งหมดที่พวกเรารวมได้ เตะเจ้าหมอนี่ออกจากการคัดเลือกโดยสิ้นเชิง!”

——