ตอนที่ 2895 พิธีแต่งงาน(4)
เหมยเหมยกวาดตาสำรวจรอบกายถึงค้นพบว่าอยู่ที่ไหน ที่นี่คือสนามม้าที่อยู่ด้านหลังฟาร์มของเฮ่อเหลียนชิง สนามหญ้าประดับประดาด้วยโคมไฟสว่างไสวรอบด้าน บรรยากาศเต็มไปความปิติยินดี ทั้งยังตกแต่งไปด้วยดอกกุหลาบแซมดอกยิปโซละลานตาเต็มไปหมดเหมือนภาพฝันที่สวยงามในห้วงนิทราก็ไม่ปาน
“ชอบไหม?” เหยียนหมิงซุ่นกระซิบถาม
“อื้ม…” เหมยเหมยพยักหน้ารัว ๆ ชอบมาก ๆเลยล่ะ
อีกอย่างยิ่งมองเธอก็ยิ่งรู้สึกฉากคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง หลังจากนั้นไม่นานเธอก็นึกออก ฉากนี้เป็นฉากแต่งงานที่เธอจรดปากกาพรรณนาภาพในเรื่องเจ้าหญิงอัปลักษณ์นั่นเอง
ตอนที่เจ้าหญิงแต่งงาน เธอจินตนาการพรรณนาฉากแต่งงานสุดโรแมนติกและชวนฝันอย่างเต็มที่——
สนามหญ้ากว้างใหญ่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบเบ่งบาน รวมถึงดอกยิปโซและดอกฟอร์เก็ตมีนอทด้วย บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกไม้อันหอมหวาน…
เหยียนหมิงซุ่นบันดาลภาพจินตนาการของเธอให้เป็นจริงซึ่งไม่ผิดเพี้ยนไปแม้แต่นิดเดียวแค่ภาพขยายใหญ่ขึ้นเท่านั้น มิน่าหลายวันมานี้เขาถึงออกเช้ากลับดึกทุกวัน
“เกลียดจริง ๆ!” เหมยเหมยมองค้อนใส่แต่ดวงตากลับมีน้ำตาเอ่อล้นอีกครั้ง
“เด็กโง่…เซอร์ไพรส์ที่ใหญ่กว่านี้ยังมาไม่ถึงเลยนะ รอก่อนสิ!” เหยียนหมิงซุ่นเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้เธอแล้วจูงมือพาเธอเดินไปข้างหน้า เด็กโปรยดอกไม้ทั้งสี่ด้านหลังคอยช่วยยกกระโปรงให้อย่างรู้หน้าที่
“เซอร์ไพรส์อะไรอีกล่ะ?” ในใจเหมยเหมยคันยุบยิบ แค่บันดาลภาพวาดของเธอให้เป็นจริงก็ทำเอาเธอเซอร์ไพรส์มากแล้ว เหยียนหมิงซุ่นยังมีไม้เด็ดอะไรอีกนะ?
เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้ม ยืดหลังตรงและงอแขนเพื่อสื่อว่าให้เหมยเหมยควงแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “มีสมาธิหน่อย อย่าใจลอยสิ”
เหมยเหมยมองค้อนอย่างไม่พอใจอีกครั้ง ทว่าจากนั้นก็เห็นใบหน้าคุ้นเคยนับไม่ถ้วน สามีภรรยาเหยียนซินหย่า คุณย่าหยาง ป้าฟางลุงเหลา สามีภรรยาจ้าวอิงหนาน สยงมู่มู่ เซียวเซ่อ ฯลฯ ญาติพี่น้องและพ้องเพื่อนของเธออยู่ที่นี่กันหมดแล้ว
ทุกคนหัวเราะกันอย่างมีความสุขเพื่ออวยพรให้เธอและเหยียนหมิงซุ่นและปรบมือต้อนรับอย่างอบอุ่น
เหมยเหมยยืดอกโดยไม่รู้ตัวตามจังหวะเพลงในงานแต่งงานแล้วเดินตรงไปทางเวทีทีละก้าว อู่เชาอยู่บนนั้นเพราะเขาเป็นพิธีกรในวันนี้
“ต่อมา ขอเชิญทุกท่านเพลิดเพลินไปกับการแสดงที่ไม่ธรรมดาของคุณเหยียนหมิงซุ่นเจ้าบ่าวในวันนี้ เป็นของขวัญที่เตรียมมาอย่างดีสำหรับเจ้าสาวคุณจ้าวเหมย เชิญทุกคนนับถอยหลังไปด้วยกันกับผมครับ 10 9 8…”
ทุกคนนับถอยหลังตามอู่เชา หัวใจเต้นตึกตักและตั้งตารอคอยกับเซอร์ไพรส์ของเหยียนหมิงซุ่นว่าจะเป็นแบบไหน
เหมยเหมยเฝ้ารอคอยยิ่งกว่าใคร หัวใจเต้นตึกตักรู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้ามากจริง ๆ นับตั้งนานแล้วทำไมยังไม่ถึงหนึ่งสักทีนะ?
“3 2 1 ทุกคนเงยหน้าขึ้น!” อู่เชาตะโกนเสียงดัง
ทุกคนต่างเงยหน้ามองท้องฟ้า ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า เมฆขาวลอยละล่อง เงียบสงัดราวกับภาพวาดทิวทัศน์ก็ไม่ปาน หลังจากเสียงของอู่เชาเงียบลงก็มีเสียงดังกระหึ่มมาแต่ไกลกำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
“เสียงอะไร?” ทุกคนต่างเอ่ยพึมพำแล้วมองหาบนท้องฟ้าพร้อมกัน
“นั่น…เครื่องบินรบ!” มีคนส่งเสียงร้องอย่างตกใจ
ในไม่ช้า…ทุกคนก็เห็นเครื่องบินรบที่อยู่ดี ๆก็โผล่มาซึ่งไม่ได้มีแค่ลำเดียวแต่หลายลำเรียงกันเป็นระเบียบบินพุ่งมาทางนี้ ด้านหลังมีควันสีแดงหนาทึบตามหลังมาด้วย
“นี่จะทำอะไร…การแสดงเครื่องบินรบเหรอ?” มีคนส่งเสียงตะโกนขึ้น
เหมยเหมยก็สงสัยเช่นกันเลยเงยหน้ามองเหยียนหมิงซุ่น
“มองท้องฟ้า อย่าพลาดฉากสำคัญสิ!” เหยียนหมิงซุ่นลูบหน้าเธออย่างเบามือเพื่อเตือนสติให้เธอมองท้องฟ้า
เวลานี้เครื่องบินรบต่อแถวเป็นขบวนและเริ่มบินเป็นวงกลม ควันหนาทึบด้านหลังค่อย ๆก่อตัวกันเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษว่า ‘love’ และมีหัวใจอันใหญ่ล้อมอยู่ข้างนอก ควันหนาทึบค้างอยู่บนฟ้าอยู่เช่นนั้นนานเกือบสองนาทีแล้วถึงค่อย ๆจางหายไป
…………………………………………..
ตอนที่ 2896 พิธีแต่งงาน (จบ)
เหมยเหมยแสบจมูกและเบ้าตาร้อนผ่าว ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนี่ต้องซ้อมนานแค่ไหน อยู่ดี ๆเธอก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นได้เลยถามด้วยความเป็นห่วงว่า “พี่ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือเปล่า? นายใหญ่จะไม่พอใจไหม?”
เครื่องบินรบเป็นอาวุธประจำชาติแต่เหยียนหมิงซุ่นกลับนำมาใช้ในงานแต่งงาน หากมีคนเจตนาไม่ดีนำมาเป็นประเด็น เธอกลัวจะมีปัญหาตามมา
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะอย่างระอา “วางใจเถอะ คุยกันเรียบร้อยแล้ว”
ถึงแม้ทำแบบนี้จะเป็นการใช้อำนาจในกิจประโยชน์ส่วนตน แต่เขาวางตัวอย่างระแวดระวังมานานหลายปีแล้ว ฉะนั้นกำเริบเสิบสานบ้างก็เป็นเรื่องที่ควรทำเช่นกัน ทว่านายใหญ่กลับพอใจยิ่งกว่าเดิม
เหมยเหมยถึงได้เบาใจแล้วจดจ่อชมการแสดงเครื่องบินรบต่อ เธอเคยเห็นแต่ในทีวีแต่ตอนนี้ได้ชมกับตาตัวเองของจริงซึ่งให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเหยียนหมิงซุ่นตั้งใจฝึกซ้อมเป็นพิเศษเพื่อเธออีกต่างหาก
“ต้องบันทึกเก็บไว้ ในอนาคตฉันจะได้เอามาดูหวนรำลึกความหลังบ่อย ๆ” เหมยเหมยชมอย่างตั้งใจโดยไม่แม้แต่กะพริบตา ทั้งยังบอกให้เหยียนหมิงซุ่นอัดวิดีโอไว้ด้วย
เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มพลางส่ายศีรษะ ในเมื่อกล้องทันสมัยถูกติดตั้งไว้รอบสนามหญ้าแล้ว ต่อให้บินอยู่เหนือชั้นบรรยากาศก็ยังถูกถ่ายเก็บไว้ได้อยู่ดี ความกังวลของภรรยามีมากเกินจำเป็นเสียแล้ว
พวกเล่อเล่อชมอย่างเพลิดเพลินพร้อมแววตาใฝ่ฝัน
“ฉันเรียนขับเครื่องบินเป็นแล้ว ฉันขับดีกว่าพวกเขาแน่นอน” เล่อเล่อพึมพำเบา ๆ
เสี่ยวเป่าหัวเราะเบา ๆพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “น้องสาวเก่งที่สุดเลย!”
เล่อเล่อยิ้มอย่างมีความสุข “พี่เสี่ยวเป่าเป็นที่หนึ่ง ส่วนฉันเป็นที่สอง”
เธอไม่แก่งแย่งที่หนึ่งกับพี่เสี่ยวเป่าหรอก แต่คนอื่นอย่าหวังจะข้ามหน้าข้ามตาไปได้เลย ใครคิดจะมากดหัวเธอ เธอจะตีหนัก ๆให้ดูเลย!
เน่าเน่าที่อยู่ด้านหลังเริ่มหมดความอดทน ด้วยนิสัยกระตือรือร้นอยู่ไม่สุขของเขาซึ่งปกติยืนสามนาทีเฉย ๆยังไม่ได้ ตอนนี้อดทนยืนมานานกว่าสิบนาทีแล้ว มันยากเกินไปสำหรับเขา
ถึงแม้อยากจะขยับมากแค่ไหนแต่เน่าเน่ากลับจำคำสั่งที่พ่อกำชับไว้ได้ว่าต้องทำให้แม่เป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในโลก เขาจะต้องเป็นเด็กโปรยดอกไม้ที่ขยันขันแข็งที่สุด
เน่าเน่าสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วยืดหน้าอกสูงขึ้นเล็กน้อย กลั้นใจไม่ขยับตัว เหยียดหลังตรงอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
เสี่ยวจูเองก็ยืนไม่ไหวแล้วเช่นกัน เขาหาวติดต่อกันสิบห้าครั้งแล้วซึ่งค่าเฉลี่ยหนึ่งครั้งต่อหนึ่งนาที น้ำตาคลอเบ้าราวกับดวงตาของกวางตัวน้อยอย่างไรอย่างนั้น น่ารักจนชวนให้คนต่างพากันหลงใหลเหลือเกิน
“พี่ชาย…ง่วง!” ดวงตาเสี่ยวจูแทบจะลืมไม่ขึ้นแล้ว หัวสัปหงก พอมีคนสังเกตเห็นต่างก็พากันขบขันหัวเราะร่า
เน่าเน่ากลับนึกว่าแขกพากันขำขันเยาะเย้ยงานแต่งของคุณแม่เลยอดโมโหไม่ได้ตบศีรษะเสี่ยวจูแรง ๆไปทีหนึ่งเอ่ยเสียงต่ำว่า “ห้ามนอน!”
เสี่ยวจูลืมตาสะดุ้ง อาการเจ็บศีรษะทำให้หมดอารมณ์อยากนอนแต่เขากลับยังคงง่วงอยู่ ดวงตาก็เริ่มตีกันเดี๋ยวปิดเดี๋ยวเปิด
เน่าเน่าร้อนใจแยกขาขยับตัวไปอยู่ข้าง ๆน้องชายแล้วคว้ามืออ้วน ๆของเสี่ยวจูขึ้นมากัดลงไปอย่างแรง
“เจ็บ…” เสี่ยวจูเจ็บจนได้สติ อาการง่วงหายเป็นปลิดทิ้งพลางร้องไห้แต่ไร้น้ำตามองรอยฟันสีแดงบนมือ
เขาไม่อยากนอนแล้ว…เขาอยากร้องไห้!
เล่อเล่อสังเกตเห็นท่าทีของน้องชายที่อยู่ด้านหลังเลยหันมาตำหนิเสียงเบา “ห้ามก่อเรื่อง หากยังวุ่นวายอีกฉันจะตีก้นให้เจ็บตายไปเลย!”
“พี่ชายกัดฉัน!” เสี่ยวจูยื่นมืออกไปฟ้อง
เล่อเล่อมองอย่างเย็นชาแล้วพูดเสียงเบาว่า “กลับไปค่อยกัดกลับ ตอนนี้ยืนดี ๆซะ!”
อ่อนแอจริง ๆ เลือดก็ไม่ไหล ร้องไห้ทำไมกัน!
เสี่ยวจูเบะปาก ยืนตัวตรง ศีรษะเล็ก ๆแหงนมองขึ้นฟ้า เครื่องบินรบแสดงเสร็จแล้วเตรียมเดินทางกลับ ด้านหลังมีควันหนาหลากสีตามอยู่ด้วย
เขาสูดจมูกฟุดฟิดพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ตกอยู่ในห้วงความคิดแต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
เสี่ยวเป่าเหลือบมองเสี่ยวจูด้วยสายตาเดาได้ยาก รอยยิ้มดูเจ้าเล่ห์ สมองของน้องชายคนนี้ว่องไวใช้ได้ เขาต้องเตือนน้องชายว่าวันหลังต้องระวังสำรวมไว้บ้างเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าของคนเลว
เวลาการแสดงของเครื่องบินรบครึ่งชั่วโมงทำเอาทุกคนตกตะลึงมองจนตาค้าง เลือดร้อนพลุ่งพล่าน เครื่องบินรบกลับไปนานแล้วแต่พวกเขาต่างยังอารมณ์ค้างกันอยู่
“การแสดงจบลงแล้ว ขอเชิญเจ้าสาวขึ้นมาด้วยครับ!” อู่เชาตะโกนเสียงดัง จากนั้นไม่นานก็มีเสียงปังดังสนั่นหวั่นไหวตามมา ทุกคนต่างตกใจยกใหญ่ แต่ยามเห็นกลีบดอกไม้ลอยพริ้วกลางอากาศก็ถูกตรึงความสนใจไว้ในชั่วขณะ
กลีบดอกไม้ปลิวลอยละล่องทั่วผืนฟ้าจนแน่นขนัดแล้วค่อย ๆโปรยปรายลงบนตัวทุกคน อีกทั้งจมูกยังได้กลิ่นดอกไม้หอมจาง ๆด้วย
ตอนนี้ทุกคนถึงค้นพบว่าเป็นกลีบดอกไม้จริง ๆ นี่ต้องใช้ดอกไม้มากมายขนาดไหนนะ!
ชุดแต่งงานของเหมยเหมยเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบ เธอควงแขนเหยียนหมิงซุ่นก้าวขึ้นบนเวทีทีละก้าว ด้านหลังมีพวกเด็ก ๆคอยช่วยจับชายกระโปรงเดินตามอยู่ข้างหลังเช่นกัน
เพียงแต่เสี่ยวจูง่วงมากเกินไปเลยเดินไปพร้อมศีรษะที่สัปหงกไปด้วยจนเกือบล้มอยู่หลายครั้ง แม่ลูกมักรู้ใจกัน ครั้นเหมยเหมยหันกลับไปเห็นท่วงท่าอันน่ารักของลูกชายก็อดหัวเราะไม่ได้
“เสี่ยวจูมานี่ ให้พ่ออุ้ม” เหมยเหมยกระซิบเรียก
เจ้าตัวเล็กตื่นทันทีพร้อมส่ายศีรษะอย่างแน่วแน่ เขาเป็นฝ่ายยื่นมือไปทางเน่าเน่าเอง ไม่ง่ายเลยกว่าแม่จะได้แต่งงาน เขาต้องทำตัวดี ๆหน่อย
เน่าเน่ากัดโดยไม่ต้องคิด เสี่ยวจูน้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บปวดแต่กลับตาสว่างอีกครั้งเลยหันไปยิ้มเผยฟันน้ำนมเรียงกันให้เหมยเหมย
เหมยเหมยหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกแต่กลับรู้สึกอบอุ่นในใจ ตอนนี้เวลานี้เธอมีสามีที่รักเธออยู่ข้างกาย มีลูกที่น่ารักฉลาดและกตัญญู แถมยังมีพ่อแม่ญาติและเหล่าเพื่อน ๆของเธอ…
ทุกคนต่างมารวมตัวกันเพื่ออวยพรและอธิษฐานให้เธอ!
ชาตินี้เธอช่างโชคดีมากจริง ๆ!
“พี่หมิงซุ่น…ฉันโชคดีมากจริง ๆ ขอบคุณพี่มาก ๆนะ!” เหมยเหมยเอ่ยเสียงปนสะอื้น ดวงตามีน้ำตารื้นไหลออกมา เธอนับไม่ได้แล้วว่าร้องไห้ไปกี่ครั้งราวกับกลับไปเป็นเด็กขี้แยในวันวาน
เหยียนหมิงซุ่นยื่นมือไปปาดน้ำตาให้เธอด้วยแววตาที่แฝงความอ่อนโยน แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่ใช่คนพูดจาอ่อนหวาน ไร้ความโรแมนติก และเพราะเรื่องงานเลยทำให้มักจะละเลยครอบครัว ภรรยาและลูก ๆไปบ้างแต่เหมยเหมยกลับไม่เคยบ่น คนที่ควรขอบคุณมากที่สุดคือเขาต่างหาก
“คนที่ควรขอบคุณควรจะเป็นพี่มากกว่า ขอบคุณนะ เหมยเหมย พี่โชคดีมากที่ได้แต่งงานกับเธอ!” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
เขาไม่ใช่คนพูดจาเรื่อยเปื่อย เมื่อไม่นานมานี้เขามักฝันแปลก ๆ ในห้วงฝันเขาเข้าสู่ช่วงวัยกลางคนแล้ว มีตำแหน่งอำนาจแต่กลับอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีเหมยเหมย ไม่มีลูก คุณปู่คุณย่าก็ไม่อยู่แล้ว…
เหลือเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น!
ความโดดเดี่ยวที่อยู่ในห้วงฝันเหยียนหมิงซุ่นรู้สึกถึงมันได้อย่างสุดใจราวกับได้สัมผัสมาด้วยตัวเองก็ไม่ปาน พอตื่นจากฝัน เขาก็ยิ่งรู้สึกโชคดี——
ตอนอายุสิบหกเขาไม่ได้ปฏิเสธการเข้าใกล้ของสาวน้อยคนนั้นและไม่ได้โยนเธอออกจากหัวใจ เพราะมีเธอเขาถึงมีชีวิตแสนสุขในวันนี้และไม่กลายเป็นคนโดดเดี่ยวอย่างในความฝัน!
“พี่รักเธอ เหมยเหมย…ชาติหน้า ชาติหน้า ๆ…ทุกชาติทุกภพ พี่จะไม่มีวันปล่อยมือเธอ!” เหยียนหมิงซุ่นกระซิบข้างหูเหมยเหมยเพื่อให้คำมั่นสัญญาแก่คนรักทุกชาติภพ
“อืม งั้นพี่ก็อย่าดื่มน้ำแกงยายเมิ่งจนลืมชาติก่อนของตัวเองล่ะ แบบนี้พี่ถึงจะจดจำรูปร่างหน้าตาของฉันได้!” เหมยเหมยมองเขาด้วยรอยยิ้มและน้ำตาเอ่อล้นตรงหางตา
“ดี พวกเราจะไม่ดื่มน้ำแกงนั่นและไม่มีใครลืมใครด้วย!”
………………………