ตอนที่ 1958 อัจฉริยะบุคคลระดับนี้ มีกี่คนบนโลก
หมอกพิรุณที่มัวหม่นสาดพรมดุจมายาราวภาพฝัน ภูผาธารายิ่งใหญ่ หมื่นลักษณ์ถือกำเนิด…
นี่สะท้อนให้เห็นถึงมรรควิถีทั้งชีวิตของเยียนอวี่โหรว เป็นพลังแท้จริงที่ทำให้นางสามารถยืนหยัดในอันดับเจ็ดของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ได้
ดังนั้นนางในตอนนี้จึงมั่นใจยิ่งยวด ขจัดความกลัดกลุ้มอย่างสิ้นเชิง
เพียงแต่เมื่อหุบเหวใหญ่ที่คลุมเครือลึกล้ำนั่นเคลื่อนพาดขวางห้วงอากาศเข้ามา ฟ้าดินพลันอับแสง หมอกพิรุณมัวหม่นราวกับระเหยตัว ถูกกลืนกินจนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว ภูผาธาราที่กว้างใหญ่นั่นถูกทำลายท่ามกลางเสียงกึกก้องกังวานที่ดังอย่างไม่ขาดสาย…
พรูด!
เยียนอวี่โหรวกระอักเลือด ใบหน้างามซีดเซียว
นางเพิ่งจะตระหนักได้ว่ามรรควิถีและรากฐานพลังที่ตนภาคภูมิใจ ตอนนี้กลับดูอ่อนแอถึงเพียงนี้!
นี่คือการประลองระหว่างมรรควิถีที่แท้จริง ไม่มีการโกงให้พูดถึงแม้แต่น้อย
และนี่ก็สร้างแรงสะเทือนที่รุนแรงยิ่งยวดต่อสภาวะจิตของเยียนอวี่โหรว เหมือนถูกโจมตีกะทันหัน ทำให้นางรู้สึกจะพังทลาย
เหตุใด…
เหตุใดคนที่มาจากแคว้นเมฆาคนหนึ่งจึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
“เป็นโชคหรือเคราะห์ ก็ต้องดูว่าหลังจากนี้นางจะสามารถก้าวออกจากความกระทบกระเทือนนี้ได้หรือไม่…”
ไท่ซูหงที่เห็นภาพนี้จากโลกภายนอกถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง
การต่อสู้มหามรรคที่ประชันซึ่งหน้าครั้งนี้ เยียนอวี่โหรวได้พ่ายแพ้อย่างราบคาบแล้ว!
“แม่นางเยียนยังพ่ายแพ้แล้ว…”
จู่เฟยอวี่ถึงขั้นไม่สามารถอธิบายอารมณ์ในตอนนี้ได้ ความขุ่นเคือง เดือดดาล ตกใจ งุนงง ฉงนใจ… ปะทุออกมาดุจพลิกแม่น้ำคว่ำสมุทร
ในสนามรบตอนนี้ เหล่าผู้แข็งแกร่งยี่สิบกว่าคนในตอนแรก ตอนนี้ถูกคัดออกจนเหลือเพียงเก้าคนแล้ว
นอกจากนี้ตัวเลขนี้ยังกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง…
ในฐานะผู้สืบทอดแกนหลักของเรือนมรรคเหล่ามาร เป็นถึงบุคคลชั้นยอดที่อยู่ในอันดับแปดบนกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ จู่เฟยอวี่เจอปีศาจพลิกฟ้ามามาก
แต่คิดไม่ถึงว่าจินตู๋อีที่มาจากแคว้นเมฆา คนที่ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของใครตั้งแต่แรก กลับแข็งแกร่งจนน่ากลัวขนาดนี้!
ในใจจู่เฟยอวี่นึกเสียใจภายหลังอย่างอดไม่ได้
ตอนนั้นเหตุใดจึงต้องล่วงเกินคู่ต่อสู้คนนี้
ตูมโครม!
ฟ้าดินสั่นไหว การเข่นฆ่าดุเดือดกำลังดำเนินอยู่
เพียงแต่จิตต่อสู้ของพวกจู่เฟยอวี่สั่นคลอนไปนานแล้ว ในใจพวกเขาทุกคนเกิดความสะท้านที่ควบคุมไม่อยู่ เริ่มรู้สึกหวาดกลัว
คู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
คนผู้หนึ่งกลับมีอานุภาพกวาดล้างทั้งสนามรบ กำราบเหล่าผู้กล้า!
เผชิญหน้ากับเขา แม้เป็นคนสะดุดตาซึ่งมาจากหกเรือนมรรคใหญ่อย่างพวกเขา ยังดูธรรมดาและอ่อนแอขนาดนั้น!
“นี่เป็นไปไม่ได้… เป็นไปไม่ได้!”
ห่างออกไปหวังถูขวัญหนีดีฝ่อ สีหน้าซีดเซียว
เขาก่อนหน้านี้เห็นภาพหลินสวินถูกปิดล้อม ไม่ต้องพูดถึงว่าตื่นเต้นแค่ไหน คิดว่าหลินสวินจะต้องถูกคัดออกอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ไม่เพียงทุกอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้ไม่เกิดขึ้น พวกจู่เฟยอวี่ยังถูกสังหารจนมีท่าทีจะยืนหยัดไม่อยู่!
ทั้งหมดนี้ทำให้หวังถูรับไม่ไหว!
“แม่นางเสวียนเยวี่ย พี่จินเขา… มาจากไหนกันแน่ แคว้นเมฆาของพวกเราจะเลี้ยงดูคนชั้นนี้ออกมาได้อย่างไร”
พวกลู่ตู๋ปู้ เซี่ยอวี่ฮวา ซูมู่หานต่างสีหน้างุนงง ตะลึงอย่างต่อเนื่อง
จินเทียนเสวียนเยวี่ยส่ายหน้า
นางย่อมรู้ว่าหลินสวินไม่ใช่คนของแคว้นเมฆา ถึงขั้นไม่ใช่คนของโลกใหญ่หงเหมิง แต่ที่มาของหลินสวินนางไม่รู้เลย
นางรู้เพียงว่า เบื้องหลังหลินสวินมีสำนักที่แข็งแกร่งจนไม่สามารถจินตนาการได้ และเขายังมีศิษย์พี่ที่ภายนอกไม่สะดุดตาเหมือนชาวนาคนหนึ่ง
และศิษย์พี่คนนี้ เคยซัดระดับจักรพรรดิที่มาจากแดนกษิติครรภ์คนหนึ่งตายภายในสามหมัด เคยกำราบจนจักรพรรดิกระบี่วายุผู้อาวุโสตระกูลจินเทียนยังทำได้เพียงก้มหัว!
เพียงแค่ศิษย์พี่คนหนึ่งก็น่ากลัวถึงเพียงนี้แล้ว เขาซึ่งเป็นศิษย์น้อง จะเป็นผู้แข็งแกร่งทั่วๆ ไปได้อย่างไร
“แม่นางเยียนระวัง!”
ทันใดนั้นเสียงร้องตกใจของจู่เฟยอวี่ดังขึ้นในสนามรบ
ก็เห็นว่าหลินสวินรวบหุบเหวใหญ่เข้ามา หมัดหนึ่งกระแทกไปที่เยียนอวี่โหรว พลังหมัดราวกับมังกรใหญ่ออกจากหุบเหว เผยพลังกลืนกินไร้ขอบเขต
คนอื่นๆ ล้วนช่วยไม่ทันด้วยซ้ำ
เยียนอวี่โหรวสังเกตเห็นความผิดปกติเช่นกัน ใบหน้างามขาวซีดโปร่งแสง ในดวงตาสกัดกั้นความสิ้นหวังไม่อยู่
หรือตนก็จะเดินตามรอยถูเชียนเจวี๋ย ถูกคัดออกเช่นกัน ไม่มีวาสนาที่ไปช่วงชิงในเขตต้องห้ามเซียนโบราณหรือ
“มานี่!”
ทันใดนั้นประกายแสงแดงเพลิงกลุ่มหนึ่งไหลเวียน ปรากฏในที่นั้น เปลี่ยนเป็นเงาร่างงดงามประณีตในชุดคลุมดำ ผมดำเงาถักเปียยาวพลิ้วไหวอยู่ด้านหลัง ดวงหน้างดงามเย่อหยิ่งและเย็นเยียบ
เมื่อนางตบฝ่ามือหนึ่งออกไป แส้เทพกฎเกณฑ์แดงเพลิงสายหนึ่งพุ่งออกมามัดตัวเยียนอวี่โหรว พาหลบไปอย่างหวุดหวิด
ตูม!
หมัดของหลินสวินพุ่งใส่อากาศ และกลืนกินห้วงอากาศในจุดที่เยียนอวี่โหรวเคยยืนอยู่จนพังทลาย
ทำเอาเยียนอวี่โหรวตกใจจนเหงื่อท่วมตัว นี่เรียกได้ว่ารอดตายอย่างหวุดหวิด น่าหวาดเสียวเกินไปแล้ว!
“ศิษย์พี่หลิง!”
เห็นหญิงชุดดำที่ช่วยตนเอาไว้ เยียนอวี่โหรวถึงขั้นขอบตาแดงระเรื่อขึ้นมา เหมือนสัตว์ที่ตกใจเจอที่พึ่ง
คนอื่นๆ ในที่นั้นก็เห็นหญิงชุดดำเช่นกัน พวกจู่เฟยอวี่ยิ่งตาเป็นประกาย ในใจตื่นเต้น
หลิงหงจวง!
ผู้สืบทอดแกนหลักเรือนมรรคโลกาสวรรค์ ปีศาจชั้นยอดที่สามารถใช้คำว่าตำนานมาเปรียบเทียบโดยสมบูรณ์
ก้าวสู่ระดับราชันอริยะไม่ถึงร้อยปี นางก็ขึ้นไปอยู่อันดับสามของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์อย่างมั่นคงแล้ว หากให้เวลานางอีกหน่อย จะต้องมีโอกาสไปช่วงชิงอันดับสูงกว่านี้อย่างแน่นอน!
และหลิงหงจวงก็คือศิษย์พี่ของเยียนอวี่โหรว!
นี่ทำให้พวกจู่เฟยอวี่ต่างรู้สึกเหมือนเห็นตัวช่วย
ในเวลาเดียวกันหลินสวินเลิกคิ้วพูด “ในที่สุดก็มีคนที่พอจะสู้ได้มาเสียที”
หุบเหวใหญ่ปรากฏด้านหลังเขา ลึกลับและคลุมเครือ ราวกับโลกแรกกำเนิดที่ไม่อาจอธิบายได้ ความรุนแรงของอานุภาพกดข่มทั้งที่นั้น
หลิงหงจวงตบไหล่เยียนอวี่โหรวเบาๆ แล้วจึงพูดกับหลินสวิน “เรื่องนี้เรือนมรรคโลกาสวรรค์ของพวกเราไม่ยุ่งเกี่ยว แต่หากเจ้าอยากสู้กับข้า รอเข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณก็ไม่สาย ถึงตอนนั้นข้าจะสู้ด้วยถึงที่สุด”
เสียงน่ากลัวดุจดาบคม
พูดจบนางกลายเป็นประกายแสงกลุ่มหนึ่ง พาเยียนอวี่โหรวเคลื่อนย้ายจากไป
ไปแล้วหรือ
พวกจู่เฟยอวี่ที่ตอนแรกตื่นเต้น นึกว่าตัวช่วยมาแล้วพลันอึ้งตาอ้างโดยพร้อมเพรียง
หลิงหงจวงไม่เพียงแค่จากไป ยังพาเยียนอวี่โหรวไปด้วย ไม่สนใจความเป็นความตายของพวกเขาเลยสักนิด!
และการจากไปของเยียนอวี่โหรว ทำให้พวกเขาขาดตัวช่วยที่แข็งแกร่งคนหนึ่งไปทันที…
หลินสวินไม่ได้ไล่ตามโจมตี
กลิ่นอายของหลิงหงจวงแตกต่างจากปกติ ทำให้เขาเองยังรู้สึกถึงแรงคุกคามที่คลุมเครือเสี้ยวหนึ่ง หากไม่ผิดจากที่คาด แม้ลงมือเต็มกำลังก็ไม่สามารถตัดสินแพ้ชนะได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือจัดการคู่ต่อสู้ในที่นี้!
หลินสวินเปิดฉากเข่นฆ่าอีกครั้งโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
โครม!
หุบเหวใหญ่ส่งเสียงกังวาน กลิ่นอายกลืนกินอันคลุมเครือแผ่ซ่านออกมา
ก่อนหน้านี้พวกจู่เฟยอวี่ตามล่าหลินสวินอย่างยากลำบาก อัดอั้นไฟสุมอกนัก
ทว่ามีหรือที่ในใจหลินสวินจะไม่คิดเช่นนี้
ช่วงที่ผ่านมาเขาต้องเปลี่ยนที่ซ่อนทุกวันสองวัน หลบๆ ซ่อนๆ เหมือนหนูตัวหนึ่ง
ที่เป็นเช่นนี้ล้วนเพื่อให้จินเทียนเสวียนเยวี่ยรักษาแผล ไม่ใช่เพราะกลัวการเข่นฆ่าและต่อสู้ในแดนลับโลกาสวรรค์
แต่ตอนนี้จินเทียนเสวียนเยวี่ยฟื้นตัวแล้ว หลินสวินจะยั้งมืออีกได้อย่างไร
เช่นเดียวกัน คนอื่นอาจจะหวั่นเกรงและหวาดกลัวอานุภาพของหกเรือนมรรคใหญ่ แต่กลับใช้ไม่ได้กับหลินสวิน
ควรรู้ว่าคู่ต่อสู้เหล่านี้ หากไม่มาจากเรือนมรรคจักรวาล ก็มาจากเรือนมรรคเหล่ามาร และตอนนี้หลินสวินกระจ่างอย่างสิ้นเชิงแล้วว่า ในบรรดาขุมอำนาจที่ทำลายรากฐานของคีรีดวงกมล มีเรือนมรรคจักรวาล!
ส่วนเรือนมรรคเหล่ามารจัดอยู่ในพวกดูไฟชายฝั่ง นั่งรอผลประโยชน์ พอคีรีดวงกมลประสบเคราะห์ก็ฉวยโอกาสออกโจมตี แบ่งและช่วงชิงอิทธิพลที่คีรีดวงกมลมี
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินจะปล่อยพวกเขาไปได้อย่างไร
กลับเป็นเรือนมรรคโลกาสวรรค์ที่รักษาความเป็นกลางมาโดยตลอด เยียนอวี่โหรวในฐานะผู้สืบทอดของเรือนมรรคโลกาสวรรค์ แม้จะถูกช่วยไปหลินสวินก็ไม่ถึงกับไม่จำยอมเท่าไหร่
ตูมโครม!
หลังจากนั้นมีคนถูกหุบเหวใหญ่กลืนกิน ถูกคัดออกไปในพริบตา มีคนถูกพลังหมัดและปราณกระบี่ของหลินสวินโจมตีพินาศ ถูกพาออกจากแดนลับโลกาสวรรค์…
ตอนนี้เหลือเพียงพวกจู่เฟยอวี่ห้าคน จิตต่อสู้ที่เหลืออยู่ของพวกเขาพังทลายอย่างสิ้นเชิง หนีกระเจิงทั่วทิศ
“ไป!”
“รีบหนีเร็ว!”
จู่เฟยอวี่เป็นคนแรกที่เลือกหนี ความไม่จำยอมหรือขึ้งโกรธอะไรถูกเขาโยนทิ้งไว้ด้านหลัง ในใจมีเพียงความคิดเดียว…
จะถูกคัดออกไม่ได้!
ต่อให้เสียหน้าอย่างที่สุด ก็ต้องอยู่รอดในแดนลับโลกาสวรรค์ให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะเสียโอกาสเข้าไปในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ!
แต่หลินสวินจะยอมให้พวกเขาจากไปได้อย่างไร เปิดฉากเข่นฆ่าดุเดือดโดยไม่ลังเล
ไม่กี่อึดใจก็ถูกคัดออกอีกสามคน!
เพียงแต่ตอนที่เขาเตรียมจะไล่ล่า กลับขมวดคิ้วอย่างยากจะสังเกตเห็น สุดท้ายก็ชะงักเท้า
“อย่าให้ข้าเจอพวกเจ้าอีก”
หลินสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่งก่อนหมุนตัวกลับไป
“พี่จิน”
พวกลู่ตู๋ปู้ที่เห็นการฟาดฟันตะลึงโลกเข้าไปหาโดยพร้อมเพรียง สีหน้าทุกคนต่างตื่นเต้นอย่างที่สุด ความตะลึงและซาบซึ้งพวยพุ่งขึ้นในใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดไม่ถึง ว่าหลินสวินที่ตัดขาดจากพวกเขาไปแล้วจะกลับมาช่วยอย่างไม่ลังเล ยามพวกเขาประสบความยากลำบาก
ยิ่งคิดไม่ถึงว่าเขาคนเดียวก็สังหารจนพวกถูเชียนเจวี๋ย จู่เฟยอวี่พินาศไม่เหลือสภาพ พ่ายแพ้อย่างราบคาบ!
ได้เห็นความองอาจยามต่อสู้ของหลินสวิน ทำให้พวกเขาตะลึงอย่างสิ้นเชิง จนกระทั่งตอนนี้ยังรู้สึกมึนงง
ทั่วหล้านี้ อัจฉริยะบุคคลระดับนี้จะมีสักกี่คน
“ทุกท่าน ที่นี่อยู่นานไม่ได้ รอเสวียนเยวี่ยกลับมาพวกเราจะไปทันที”
หลินสวินรีบพูด
ยามเอ่ยวาจาสายตาของเขามองไปไกลๆ
ก่อนหน้านี้เขาได้สื่อจิตเตือนจินเทียนเสวียนเยวี่ยให้ไปจับคนผู้หนึ่ง นับเวลาแล้วอีกไม่นานคงกลับมา
……
ตอนที่การต่อสู้ระหว่างหลินสวินกับพวกจู่เฟยอวี่ยังไม่จบ หวังถูก็หนีไปอย่างตื่นตระหนกแล้ว
ระหว่างทางบนใบหน้าอ่อนเยาว์ราวกับเด็กเต็มไปด้วยความไม่จำยอม ลนลาน และเคียดแค้น
‘เจ้าจินตู๋จีสมควรตาย หากเขาบอกตั้งแต่แรกว่าแข็งแกร่งเพียงนี้ ข้าจะเลือกไม่ช่วยเขาได้อย่างไร และจะเห็นเขาเป็นตัวหายนะ กลัวจะติดร่างแหไปด้วยได้อย่างไร’
ในใจเขาร้องคำราม หัวใจหลั่งเลือด ทั้งนึกเสียใจและขุ่นเคือง แต่ที่มากที่สุดคือเคียดแค้น
‘ยังมีพวกจู่เฟยอวี่… แต่ละคนมีดีแค่ชื่อ จินตู๋อีคนเดียวยังเอาไม่อยู่ ไร้ประโยชน์ชัดๆ!’
‘รู้เช่นนี้ตั้งแต่แรกก็ไม่ควรเปิดเผยข่าวคราวของจินตู๋อีให้พวกเขาเลย ฆ่าเขาไม่ได้ไม่ว่า กลับทำให้ข้ากลายเป็นคนเลวที่หักหลังพวกพ้องตัวเอง ต่อไปยังจะกล้าสู้หน้าใครได้’
หวังถูแค้นจนกัดฟันกรอด บนใบหน้าเล็กบิดเบี้ยวเหี้ยมโหด
และตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้นข้างหูเขา
“ทำผิดก็ควรจะชดใช้อย่างสาสม หนีไปก็ไม่มีประโยชน์!”
——