บทที่ 2901 พ่อลูกสู้กันเพราะผู้ชาย + ตอนที่ 2902 เอกสารรายงานผลที่บ้าบิ่น

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2901 พ่อลูกสู้กันเพราะผู้ชาย

“ทำไมจะไม่ได้? คุณพ่อก็ชอบพี่เสี่ยวเป่ามากไม่ใช่เหรอ?” เล่อเล่อท้วงอย่างไม่พอใจ

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็คาดไม่ถึงเลยว่าอุปสรรคแรกที่ขัดขวางความสุขของชีวิตเธอจะเป็นคุณพ่อแท้ ๆของเธอ!

“ชอบหนิงเสี่ยวเป่ากับเอามาเป็นลูกเขยมันคนละเรื่องกัน ไม่ว่าอย่างไรลูกก็ห้ามแต่งงานกับหนิงเสี่ยวเป่า!” เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าจริงจังพลันทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารมาคุในทันที

หลายปีมานี้เขาป้องกันทุกวิถีทางแต่ก็กันไม่ได้ ยัยตัวแสบเล่อเล่อก็ดันรักหนิงเสี่ยวเป่าคนเดียวไม่เปลี่ยน โชคดีที่เขาชิงตักเตือนหนิงเสี่ยวเป่าไว้ล่วงหน้าแล้วและเด็กนี่เคยรับปากเขาแล้วว่าจะไม่พัฒนาความสัมพันธ์กับเล่อเล่อไปถึงขั้นนั้น พวกเขาจะเป็นเพียงพี่น้องกันทั้งชีวิต

เจ้าเด็กเสี่ยวเป่าไม่มีปัญหาด้านพฤติกรรม จะว่าไปแล้วเด็กนี่ก็ดีไปเสียทุกอย่างเหมาะจะเป็นลูกเขยเขาอย่างมาก แต่—

สายเลือดของเขาสกปรก!

เขาไม่มีวันให้เล่อเล่อแต่งงานกับเด็กที่เกิดมาพร้อมสายเลือดอันแปดเปื้อนแบบนั้นแน่นอน!

ต่อให้หนิงเฉินเซวียนจะเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว แต่พอเขานึกถึงเรื่องราวน่าขยาดของตระกูลหนิงก็ยังรู้สึกขยะแขยงไม่หาย เลือดที่หมุนเวียนในตัวเสี่ยวเป่าเป็นเลือดที่สกปรกมีมลทินของตระกูลนั่น แล้วจะแต่งงานกับลูกสาวเขาได้อย่างไร?

เขายอมให้เล่อเล่อครองโสดไปทั้งชีวิตก็ไม่มีวันอนุญาตให้แต่งงานกับเสี่ยวเป่าหรอก!

เล่อเล่อเริ่มร้อนใจจึงตะคอกเสียงใส่ว่า “พ่อมีสิทธิ์อะไรมาห้ามหนู ยุคนี้ความรักเป็นเรื่องอิสระ พ่อไม่มีสิทธิ์หรืออำนาจที่จะขัดขวางความรักของหนู อย่างไรเสียหนูก็จะแต่งงานกับพี่เสี่ยวเป่า”

นอกจากหนิงเสี่ยวเป่า เธอก็ไม่ถูกใจมนุษย์เพศชายคนใดเลย

“ปัง”

เหยียนหมิงซุ่นที่ถือตะเกียบอยู่ทุบโต๊ะอย่างแรงเรียกให้ทุกคนใจกระตุกวูบแล้วมองสองพ่อลูกอย่างนึกปวดหัว ต่างเป็นคนหัวรั้นเหมือนกันไม่มีใครยอมใคร ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งหัวรั้นขึ้นทุกที

“ตราบใดที่ลูกยังเป็นลูกสาวของพ่อ พ่อก็คือพ่อของลูก พ่อมีสิทธิ์มีอำนาจที่จะยุ่งเรื่องคู่ชีวิตของลูก พ่อจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ห้ามแต่งงานกับหนิงเสี่ยวเป่า ถ้าลูกยังดื้อดึงไม่ยอมเชื่อฟัง ก็อย่าหาว่าพ่อไม่ไว้หน้า!” เหยียนหมิงซุ่นมองลูกสาวด้วยสีหน้าเย็นชาและอารมณ์ขุ่นมัวอย่างมาก

เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งเขากับลูกสาวจะทะเลาะกันเพราะผู้ชายคนเดียว!

เหตุการณ์ฉากนี้ดูคุ้นๆ นะ…

ราวกับเคยผ่านมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น!

เล่อเล่อตะคอกกลับด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ถ้าพ่อกล้าทำร้ายพี่เสี่ยวเป่า หนูไม่มีวันจบเรื่องนี้กับพ่อแน่!”

“ปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ? เห็นพ่อเป็นศัตรูเพราะคนนอกคนหนึ่งงั้นเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นโกรธแทบแย่ หน็อยแน่ เพื่อผู้ชายคนหนึ่งก็กล้าต่อปากต่อคำกับเขาแล้ว?

สถานการณ์เริ่มดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆจนถึงจุดสูงสุด เหมยเหมยลุกยืนพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “หุบปากกันให้หมด เวลาทานข้าวไม่สนทนาเวลานอนไม่คุย ฉะนั้นเวลากินข้าวอย่าคุยกัน ไม่มีมารยาทเลย ”

เล่อเล่อพูดเสียงน้อยใจ “คุณพ่อไม่มีเหตุผลเอง…”

“หุบปาก…ไม่ได้ยินที่แม่พูดเหรอ? ถ้าไม่อยากกินข้าวก็กลับห้องตัวเองไป!” เหมยเหมยดุเสียงเข้ม ไม่ช่างสังเกตเอาเสียเลย ไม่เห็นหรือไงว่าพ่อตัวเองหน้าขึงขังขนาดไหน ยังกล้ากระตุกหนวดเสืออีก

ยามนี้เล่อเล่อถึงรู้สึกถึงไอเย็นยะเยือกรอบตัวเหยียนหมิงซุ่นจนตัวสะท้านเฮือกด้วยความตกใจ คุณพ่อในตอนนี้น่ากลัวจังเหมือนกำลังจะฆ่าคนเลย!

เธอก็แค่อยากแต่งงานกับพี่เสี่ยวเป่าเท่านั้นเอง ต้องโกรธกันถึงขนาดนี้เลยหรือ?

บอกตามตรงเธอไม่มีรสนิยมรักเพศเดียวกัน พ่อของเธอก็ควรขอบคุณฟ้าดินแล้ว!

คงไม่รู้ว่าตั้งแต่มัธยมต้นเธอได้รับจดหมายสารภาพรักจากผู้หญิงตั้งเท่าไร เข้าห้องน้ำทียังถูกหว่านเสน่ห์ทางสายตานับไม่ถ้วน เธอสามารถต้านทานแรงยั่วยวนของสาวงามและมั่นคงต่อพี่เสี่ยวเป่าได้ถึงทุกวันนี้เธอยังแอบทึ่งในตัวเองด้วยซ้ำ!

พ่อของเธอยังไม่สนับสนุนเธอสักนิด ถ้าทำให้เธอโกรธเข้าเธอจะหันไปรักเพศเดียวกันจริง ๆแล้วนะ!

……………………………

ตอนที่ 2902 เอกสารรายงานผลที่บ้าบิ่น

คุณย่าหยางเองก็ออกมากู้สถานการณ์ “ไม่ว่าเรื่องจะใหญ่แค่ไหนก็ไม่สำคัญเท่าเรื่องกินข้าว มีเรื่องอะไรค่อยคุยกันหลังกินข้าวเสร็จแล้วกัน”

เหยียนหมิงซุ่นแค่นเสียงทีหนึ่งอย่างไม่พอใจ อย่าคิดว่าเขาดูไม่ออกว่าภรรยากับคุณย่ากำลังช่วยเล่อเล่ออยู่ เรื่องอื่นเขาพอจะผ่อนปรนได้แต่มีเพียงเรื่องนี้ที่ไม่อนุญาตเด็ดขาด

มื้อเย็นยังคงดำเนินต่อไปแต่เพราะสองพ่อลูกทะเลาะกันเลยทำให้บรรยากาศอึมครึมมาก ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดอะไรได้แต่ทานข้าวเงียบ ๆ

เหมยเหมยรู้สึกไม่ชินจึงยิ้มเอ่ยว่า “เน่าเน่า เสี่ยวจูเรียนที่อเมริกาเป็นอย่างไรบ้าง? ปรับตัวได้ไหม?”

เสี่ยวจูเอาแต่นอน นอนแล้วกินมาตั้งแต่เด็ก เด็กบ้านอื่นไปเรียนกันหมดแล้วแต่เขายังทำตัวเป็นหมูอยู่ที่บ้าน เหมยเหมยที่ให้เขารับปากว่าจะออกกำลังกายวันละสองชั่วโมงเรื่องอื่น ๆก็ปล่อยเลยตามเลยไป

กระทั่งคืนส่งท้ายปีเก่าที่ผ่านมาจู่ ๆเสี่ยวจูก็ประกาศว่าเขาจะไปเรียนต่อที่อเมริกา แค่นี้ก็ช่างแต่เจ้าหมูขี้เกียจนี่ดันกลับเข้าสู่สภาวะชีวิตปกติ แค่รับประกันเวลานอนสิบชั่วโมงต่อวันก็เพียงพอ ส่วนเวลาที่เหลือก็ออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอก

กลับเข้าสู่สภาวะปกติได้แน่นอนว่าเป็นเรื่องดี เรื่องที่น่าตกใจที่สุดคือเสี่ยวจูไม่เคยไปโรงเรียนสักวันเดียวเพราะก่อนหน้าเอาแต่นอน เหมยเหมยไม่เคยจะสอนเรื่องตัวเลขอารบิกให้เขาสักตัวแต่เด็กนี่กลับมีความรู้รอบด้านทั้งดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์

เสี่ยวจูประกาศว่าเขาจะไปเรียนต่ออเมริกา เหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นต่างภูมิใจกันมาก ในเมื่อเด็กมีความตั้งใจมันเป็นเรื่องดีนี่นา!

เหยียนหมิงซุ่นออกตัวว่าเขาช่วยติดต่อทางโรงเรียนได้แต่เสี่ยวจูกลับปฏิเสธ เขาสอบเข้า Mlt ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องการให้เหยียนหมิงซุ่นหาทางช่วยเลย

เสี่ยวจูพูดด้วยท่าทีผ่อนคลายและมั่นใจเหมือนเขาแค่จะไปเดินเล่นสวนสาธารณะเขตตรงข้ามเท่านั้น เหมยเหมยคิดว่าลูกชายยอดเยี่ยมมากอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือ–

เสี่ยวจูไม่เคยไปเรียนหนังสือ!

อีกทั้งนั่นเป็นถึงสถาบันเทคโนโลยีแมสซาซูเซตส์ มหาวิทยาลัยแถวหน้าของโลกเลยทีเดียว ไม่ใช่สวนสาธารณะเขตตรงข้ามบ้านจริง ๆ แล้วจะเข้าได้ง่าย ๆเสียที่ไหนกัน!

เหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นยังไม่เชื่อว่าเสี่ยวจูจะสอบเข้าได้แต่ก็ไม่ได้ตัดกำลังใจเขา ปล่อยให้เขาลองเองแล้วกัน หากเจอทางตันก็คงยอมหันกลับมาเอง ถึงเมื่อนั้นค่อยให้เหยียนหมิงซุ่นช่วยฝากโรงเรียนมัธยมปลายประจำแห่งหนึ่งที่อเมริกาให้ก็ได้เพื่อสนองความต้องการที่เสี่ยวจูอยากไปเรียนต่ออเมริกา

ภายหลังเสี่ยวจูได้ประกาศคำปฏิญาณอันยิ่งใหญ่เสร็จ หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลยวัน ๆเอาแต่ขลุกอยู่กับฉิวฉิวและเสวี่ยเอ๋อร์ อาหารสามมื้อในแต่ละวันไม่เคยขาด ตอนเที่ยงนอนพักกลางวันยาวนาน หลังมื้อเย็นก็กลับไปอ่านหนังสือฝึกทักษะการเขียนที่ห้องตัวเองอีกสักครู่

เอ่ยถึงเรื่องเขียนหนังสือเหมยเหมยก็แปลกใจเช่นกัน คาดไม่ถึงว่าเด็กนี่จะเขียนลายมือตัวบรรจงได้งดงามยิ่งนัก แต่ละขีดตัวอักษรราวกับตัวพิมพ์จากคอมพิวเตอร์ ถ้าไม่ใช่เธอที่เห็นเสี่ยวจูเขียนเองกับตาคงนึกสงสัยจากใจจริงว่านั่นถูกพิมพ์จากคอมพิวเตอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเสี่ยวจูเรียนอะไรอยู่ในฝันกันแน่

ชีวิตแบบนี้ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งเดือนจนถึงช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น

ทางสถาบันเทคโนโลยีแมสซาซูเซตส์ส่งเอกสารรายงานผลมาถึงบ้านแถมยังเป็นเอกสารด่วนให้เสี่ยวจูไปเรียนที่สถาบันทางนั้นทันทีโดยฟรีทั้งค่าเทอมและค่าเดินทางไปกลับ มีที่พักและอาหารแล้วยังมีทุนการศึกษาเต็มจำนวนให้อีกด้วย…

เท่ากับว่าเสี่ยวจูของเธอไม่เพียงแต่ได้ไปเรียนฟรีแต่ยังได้เงินเดือนเจ็ดถึงแปดหมื่นดอลลาร์สหรัฐต่อปี!

เท่าที่เหมยเหมยทราบ ทุนการศึกษาของสถาบัน Mit มีจำนวนเงินที่สูงแต่ก็ยากที่จะยื่นขอได้สำเร็จ โดยเฉพาะทุนการศึกษาเต็มจำนวนที่ถือว่าเป็นสวัสดิการสำหรับคนในประเทศ และเป็นสิ่งที่คนต่างชาติต้องการ มันยากมากจริง ๆ

เสี่ยวจูของเธอทำอะไรกับ Mit กันแน่?

ถึงให้ทาง Mit ส่งเอกสารรายงานผลอันบ้าบิ่นนี่มาถึงบ้าน!

ครั้นเผชิญหน้ากับคำถามของคนทั้งครอบครัว เสี่ยวจูก็ตอบกลับด้วยเสียงเรียบประโยคหนึ่งว่า “ไม่ได้ทำอะไร แค่เขียนวิทยานิพนธ์เรื่องหนึ่งส่งไป ”

ความจริงคือเสี่ยวจูได้ค้นวิทยานิพนธ์ที่ศาสตราจารย์ท่านหนึ่งเปิดสู่สาธารณชนซึ่งค่อนข้างได้รับความนิยมในระยะอันใกล้นี้ จากนั้นก็หาช่องโหว่หลายจุดเขียนเป็นจดหมายส่งไปให้ศาสตราจารย์ผู้นี้ด้วยสำนวนโวหารดีมีความน่าเชื่อถือสูง

จากนั้น…

เสี่ยวจูก็หอบสัมภาระอันน้อยนิดก้าวสู่เส้นทางการศึกษาต่ออย่างง่ายดาย

ทว่าก่อนหน้านี้เขายังได้ทำอีกสิ่งหนึ่งเลย

…………………