หยางเฉินในตอนนี้ นอกจากร่างกายของเขาไม่สามารถขยับได้แล้ว อย่างอื่นปกติทุกอย่าง และเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงทุกสิ่งภายนอกได้อย่างชัดเจน
ตั้งแต่ที่เขามีการรับรู้ ตราบใดที่ไม่มีใครอยู่ในห้อง เขาจะใช้พลังแห่งธาตุน้ำ
ทุกวันเขาได้พัฒนาการใช้พลังแห่งธาตุน้ำเรื่อยๆ กล่าวได้ว่า ตอนนี้เขาสามารถใช้พลังแห่งธาตุน้ำในการฆ่าคนโดยล่องหนได้แล้ว
นอกจากนี้ เขายังรู้สึกว่าพลังทางจิตของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก ตอนนี้เขาสามารถรับรู้ทุกอย่างภายในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร
หากเขาสามารถกลับมาเคลื่อนที่ได้ ตอนนี้ก็สามารถเดินได้เหมือนคนปกติแม้จะหลับตา และสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางทุกอย่างได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือมีคนจากตระกูลบู๊โบราณกำลังจับตามาที่เขาแล้ว
ในเวลานี้ ข้างนอกจวนมู่ มีชายวัยกลางคนคนหนึ่ง และข้างหลังเขามีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายสามคน ซึ่งหนึ่งในนั้นแขนหักไปข้างหนึ่ง
คนกลุ่มนี้ คือกลุ่มคนจากตระกูลบู๊โบราณแห่งตระกูลเจียงที่พ่ายแพ้จากจวนมู่ก่อนหน้านี้
ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งของตระกูลเจียง จ้องมองไปทางจวนมู่อย่างโกรธแค้น กัดฟันและกล่าวว่า “บอส เจ้าเมืองมู่คนนี้ช่างหยิ่งผยองเกินไปแล้ว เพื่อหยางเฉิน เขากล้าผิดใจกับท่าน หาที่ตายชัดๆ”
“หึ!”
เจียงเหยียนส่งเสียงอย่างเย็นชา“ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้เขาได้หยิ่งผยองสักระยะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะรู้ว่าผลที่ตามมาของการรุกรานตระกูลเจียงนั้นร้ายแรงเพียงใด”
“บอส ความแข็งแกร่งของเจ้าเมืองมู่นั้นอยู่ไม่ไกลจากกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งแล้ว ผมขอแนะนำว่าเรารีบนำผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งของตระกูลเจียงมาฆ่าบุคคลนี้ตอนนี้เลยดีกว่า หากรอให้ความแข็งแกร่งของเขาก้าวเข้าสู่กึ่งแดนนภาขั้นหนึ่ง ถึงตอนนั้น ถ้าเราจะจัดการกับเขาก็ยากแล้ว”
ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งของตระกูลเจียงกล่าว บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม และเหลือบมองไปยังผู้แข็งแกร่งที่โดนนักดาบเงาเพชฌฆาตตัดแขน และพูดต่อว่า“นอกจากเจ้าเมืองมู่แล้ว ยังมี นักดาบที่มีความแข็งแกร่งมากเช่นกัน แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย แต่ดาบยาวในมือของเขานั้นดูแปลกอย่างเห็นได้ชัด และด้วยดาบยาวเล่มนี้ ความแข็งแกร่งของเขาเทียบได้กับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด”
เจียงเหยียนพยักหน้า หรี่ตามองไปยังทิศทางของจวนมู่ และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด ดาบยาวในมือของนักดาบคนนั้นน่าจะเป็นดาบอาถรรพ์”
“ดาบอาถรรพ์?”
ผู้แข็งแกร่งหลายคนของตระกูลเจียงต่างตกตะลึง
ในตระกูลบู๊โบราณ ไม่ใช่ว่าไม่มีของอาถรรพ์ แต่ก็มีไม่มากนัก แต่ในโลกมนุษย์นี้ พวกเขากลับรู้จักของอาถรรพ์สองอย่าง อันหนึ่งคือมีดพกอาถรรพ์ในมือของหยางเฉิน และอีกอันคือดาบยาวในมือของนักดาบเงาเพชฌฆาต
ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง บนใบหน้านั้นไม่ปกปิดความโลภของตนเองเลย หรี่ตาลงและกล่าวว่า “ถ้าเราสามารถยึดจวนมู่ได้ งั้นก็หมายความว่า เราจะมีของอาถรรพ์สองชิ้นพร้อมกัน?”
“บอส เรียกคนมาเดี๋ยวนี้เถอะ เราต้องรีบฆ่าเจ้าเมืองมู่ก่อนที่ความแข็งแกร่งของเขาจะไปถึงกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งมิฉะนั้น หลังจากที่เขาเข้าสู่กึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งแล้ว หากเราต้องการฆ่าเขา ก็ต้องจัดผู้แข็งแกร่งแดนนภามาแล้ว แต่พันธมิตรพิทักษ์มีกฎข้อบังคับ ผู้ที่ก้าวเข้าสู่แดนนภาแล้ว ห้ามเข้าไปยุ่งเรื่องของผู้แข็งแกร่งที่อยู่ต่ำกว่าแดนนภา”
เจียงเหยียนส่งเสียงอย่างเย็นชาและพูดด้วยท่าทางดูถูก”กึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งไม่ใช่ว่าอยากจะทะลุก็สามารถทะลุไปได้ เรากลับไปที่ตระกูลเจียงก่อน รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม จะมีคนมาจัดการเขาแน่นอน”
ในไม่ช้า ทุกคนในตระกูลเจียงก็จากไป
ผู้แข็งแกร่งจากทุกทิศทุกทางที่ซุ่มดูอยู่ เห็นว่าแม้แต่คนในตระกูลบู๊โบราณแห่งตระกูลเจียงก็ไม่สามารถทำอะไรจวนมู่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงจากไปอย่างไม่เต็มใจ
แม้แต่ตระกูลบู๊โบราณแห่งตระกูลเจียงก็ทำอะไรจวนมู่ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดพวกเขา?
นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้เจ้าเมืองมู่ได้เอาชนะเจียงเหยียนอย่างรวดเร็ว และนักดาบเงาเพชฌฆาตก็ได้ตัดแขนของผู้แข็งแกร่งในตระกูลเจียงด้วยดาบเดียว เช่นนี้ นอกจากตระกูลบู๊โบราณแล้วยังมีกองกำลังไหนอีกที่กล้ามาเปิดศึกกับจวนมู่อีก?
ในไม่ช้า ผู้แข็งแกร่งที่ซ่อนอยู่รอบๆจวนมู่ก็จากไปทีละคน
ในขณะนี้ ภายในจวนเมืองหวยเฉิง
“พ่อ ท่านลาศีลแล้วหรือ?”
หวยเจิ่น ทายาทของจวนเมืองหวยเฉิง มองดูเจ้าเมืองหวยเดินออกจากห้องด้วยความตื่นเต้น
ในเวลานี้ เจ้าเมืองหวยได้เผยออร่าอันทรงพลังออกมาทั่วร่างกายของเขา ไม่ใช่ว่าเจ้าเมืองหวยตั้งใจจะปลดปล่อยมันออกมา แต่เป็นออร่าในตัวของเขาเอง
เจ้าเมืองหวยพยักหน้าเล็กน้อย โบกมือใหญ่”แจ้งลงไป ให้ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าทั้งหมดในเมืองหวยเฉิงมาประชุม!”
ไม่นาน ผู้แข็งแกร่งบูโดที่ทรงพลังกลุ่มหนึ่งก็มาเข้าพบเจ้าเมืองหวย
เมื่อพวกเขาเห็นเจ้าเมืองหวย ทุกคนมีความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเมืองหวย แต่พวกเขารู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งของเจ้าเมืองหวยนั้นพัฒนาขึ้นเยอะมาก
ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายคนหนึ่ง มองไปที่เจ้าเมืองหวยและถามว่า“เจ้าเมือง ท่านเรียกพวกเรามา ต้องมีเรื่องสำคัญใช่ไหม?”
เจ้าเมืองหวยพยักหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ครั้งก่อนที่เราได้ต่อสู้กับจวนมู่ จวนเมืองหวยเฉิงของเราประสบความเสียหายอย่างหนัก และตอนนี้มีผู้แข็งแกร่งที่สูงกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าแค่เจ็ดคนแล้ว”
“ความแข็งแกร่งแค่นี้ สำหรับจวนเมืองหวยเฉิงแล้ว ไม่เพียงพอแน่นอน เราต้องหาทางขยาย เพื่อให้ผู้ที่คิดจะโจมตีจวนเมืองหวยเฉิงของเรานั้นต้องจ่ายราคาสูง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้แข็งแกร่งทั้งเจ็ดต่างก็ประหลาดใจ
ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งถามอย่างระมัดระวัง“ดังนั้น ที่เจ้าเมืองเรียกพวกเรามาที่นี่ เพราะจะโจมตีจวนมู่งั้นหรือ?”
เจ้าเมืองหวยส่ายหัว แสงคมวาบในดวงตาของเขา และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “การต่อสู้กับจวนมู่ในตอนนี้ จะทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับความเสียหายเท่านั้น มันไม่ใช่เวลาที่จะทำสงครามกับจวนมู่”
ผู้แข็งแกร่งอีกคนถามว่า“ถ้าไม่ลงมือกับจวนมู่ แล้วจะลงมือกับใคร?”
ในเมื่อเจ้าเมืองหวยกล่าวว่าจะขยาย ก็ต้องเปิดสงครามอย่างแน่นอน
เจ้าเมืองหวยค่อยๆลุกขึ้น และออร่าของบูโดที่น่าสะพรึงกลัวเล็ดลอดออกมาจากเขา ณ เวลานั้น ทุกสิ่งที่อยู่รอบๆจวนเมืองหวยเฉิง ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
เมื่อรู้สึกถึงออร่าที่น่าสะพรึงกลัวและทรงพลังนี้ ผู้แข็งแกร่งทั้งเจ็ดต่างก็ตกตะลึง
ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง“เจ้าเมือง ความแข็งแกร่งของท่าน นี่ท่านได้ทะลุผ่านไปยังแดนนภาขั้นหนึ่งแล้วหรือ?”
เจ้าเมืองหวยส่ายหัว”ก้าวไปข้างหน้าอีก้าวหนึ่ง ก็คือแดนนภาขั้นหนึ่งแล้ว!”
แม้ว่าจะยังไม่ได้เข้าสู่แดนนภาขั้นหนึ่งแต่คำพูดนี้ของเขา ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเขาแล้ว กึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งซึ่งแข็งแกร่งที่สุดภายใต้แดนนภาที่แท้จริง
“ตอนนี้ ก่อนอื่น เราให้กองกำลังที่อยู่เบื้องหลังผู้แข็งแกร่งที่จับจ้องมาที่จวนเมืองหวยเฉิงต้องจ่ายราคามหาศาลกันเถอะ!”
เจ้าเมืองหวยก้าวไปข้างหน้า โบกมือใหญ่แล้วพูดเสียงดังออกไปด้านนอกว่า“ภายในระยะ 500 เมตรของจวนเมืองหวยเฉิง ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าทุกคน ฟังทางนี้ ผมให้เวลาพวกคุณแค่ห้านาที ทุกคนมาพบผมโดยดี ไม่เช่นนั้น รับผลที่ตามมาเอง!”
ถ้อยคำเหล่านี้ ราวกับฟ้าร้องที่ซัดกระหน่ำไปทุกทิศทุกทาง ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดที่อยู่ภายในระยะ 500 เมตรของจวนเมืองหวยเฉิงก็ได้ยิน