ตอนที่ 1961 จินตู๋อีผู้ยึดอันดับหนึ่งแต่เพียงผู้เดียว

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 1961 จินตู๋อีผู้ยึดอันดับหนึ่งแต่เพียงผู้เดียว
หมีอู๋หยา!

ปีศาจชั้นยอดที่ครองอันดับหนึ่งในกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์มาหกร้อยปี บุคคลระดับตำนานที่โดดเด่นบนฟ้าดารา

เพียงแต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะงามสง่าขนาดนี้ ราวกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอก

ในสภาวะจิตของหลินสวินยังคงหลงเหลือกลิ่นอายอันตรายเสี้ยวหนึ่ง เป็นการพิสูจน์ว่ารากฐานของคนผู้นี้ลึกล้ำไม่อาจคาดเดาได้อย่างเงียบๆ

“ตอนนี้เริ่มจะประกาศผลงานในการถกมรรคครั้งนี้ คนที่ได้อันดับหนึ่ง จะได้รับโอกาสหยั่งรู้ศิลามรรคโลกาสวรรค์หนึ่งครั้ง”

เสียงของไท่ซูหงดังขึ้น ประโยคเดียวราวกับฟ้าผ่าเก้าชั้นฟ้า

ผู้แข็งแกร่งหนึ่งร้อยแปดคนรวมถึงหลินสวิน ต่างเผยสีหน้ายากจะเชื่ออย่างไม่มีข้อยกเว้น

อะไรนะ!

ผลงานการต่อสู้ช่วงชิงยันต์ชีวิตในแดนลับโลกาสวรรค์ ยังได้รับรางวัลอีกหรือ

ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้เลย

ชั่วขณะหนึ่งผู้คนไม่รู้เท่าไหร่เผยสีหน้าหงุดหงิด ถ้ารู้แต่แรก พวกเขาคงทุ่มสุดชีวิตเพื่อชิงยันต์ชีวิตให้ได้มากกว่านี้!

แม้แต่ปีศาจชั้นยอดอย่างพวกหมีอู๋หยา หวงฝู่เซ่าหนง หลิงหงจวงต่างอึ้งงัน มองหน้ากัน ในใจเกิดความเสียดาย

พวกเขาเองก็นึกเสียใจอยู่บ้างเช่นกัน

รางวัลอันดับหนึ่ง ถึงกับเป็นการหยั่งรู้ศิลามรรคโลกาสวรรค์!

นี่เป็นศุภโชคชั้นเลิศอย่างแน่นอน ควรรู้ว่าศิลามรรคโลกาสวรรค์เป็นถึงสมบัติสำคัญที่มาจากแดนแห่งปริศนา!

ก็เพราะสมบัตินี้ เรือนมรรคโลกาสวรรค์จึงมีรากฐานตะลึงโลกในวันนี้!

หากสามารถหยั่งมรรคหน้าศิลามรรคโลกาสวรรค์ได้ จะเป็นศุภโชคที่ยิ่งใหญ่เพียงใด

ระดับจักรพรรดิที่อยู่ข้างๆ ไท่ซูหงเองก็อึ้งงัน ทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่ามีรางวัลด้วย

ไม่เช่นนั้นคงสั่งให้ผู้สืบทอดภายใต้สำนักตนไปช่วงชิงยันต์ชีวิตเต็มกำลังแล้ว!

“การถกมรรคครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างที่สุดจากทั่วโลก เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน”

ไท่ซูหงยิ้ม พูดเสียงกังวาน “ในเมื่อการถกมรรคเกิดขึ้นโดยเรือนมรรคโลกาสวรรค์ของข้า หากไม่มีรางวัลสักหน่อย ผู้ฝึกปราณทั่วหล้าคงต้องหัวเราะเยาะเรือนมรรคโลกาสวรรค์ของข้าแล้ว”

คำพูดนี้เต็มไปด้วยความผ่าเผย แต่ทุกคนกลับยิ้มขื่นอย่างไม่มีข้อยกเว้น

โดยเฉพาะเหล่าผู้แข็งแกร่งหนึ่งร้อยแปดคนที่ผ่านการคัดเลือกถกมรรค ต่างรีบนับจำนวนยันต์ชีวิตในมือตน กำลังวิเคราะห์ว่าตนจะอยู่ในอันดับเท่าไหร่กันแน่

“รางวัลของอันดับสอง คือ ‘ลูกกลอนเก้าทวารโลกาสวรรค์’ หนึ่งเม็ด”

และเมื่อไท่ซูหงพูดประโยคนี้ออกมา ทั้งที่นั้นพลันฮือฮาอีกรอบ คนไม่รู้เท่าไหร่สูดหายใจด้วยความตกใจ

ลูกกลอนเก้าทวารโลกาสวรรค์!

ลูกกลอนนี้ถูกเรียกว่า ‘ล้ำค่าที่สุดชั่วนิรันดร์ ราชันแห่งโอสถอริยะ’!

ว่ากันว่าการหลอมโอสถนี้ ไม่เพียงต้องใช้สมบัติจากธรรมชาติจำนวนมหาศาล ตอนที่หลอมยังชักพาเคราะห์สวรรค์อันน่ากลัวมาด้วย

เคราะห์นี้ถูกมองเป็นมหาเคราะห์มรรคลูกกลอน เหตุเพราะความมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ในลูกกลอนเก้าทวารโลกาสวรรค์เย้ยฟ้าเกินไป ถึงขั้นถูกสวรรค์อิจฉา!

นี่ก็หมายความว่า การถือกำเนิดของลูกกลอนเก้าทวารโลกาสวรรค์ ก็ต้องใช้วาสนาและจุดเปลี่ยนเช่นกัน

และขอเพียงหลอมลูกหลอนนี้ขึ้นมาได้ ก็จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดฟ้าดิน อุบัติภาพอันน่าตกตะลึงที่ ‘แสงตะวันพาดเมฆา กลิ่นลูกกลอนหอมหมื่นลี้’

ความมหัศจรรย์ที่สุดของลูกกลอนนี้คือ ยามทะลวงระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิ สามารถเพิ่มโอกาสสำเร็จถึงสองเท่า!

อย่าคิดว่าแค่สองเท่าเท่านั้น สำหรับมกุฎราชันอริยะทุกคน แม้เป็นแค่ความหวังเสี้ยวหนึ่งก็สามารถทำให้พวกเขาทุ่มสุดชีวิต นับประสาอะไรกับโอกาสสำเร็จถึงสองเท่า

เหตุผลเพราะระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิเป็นระดับที่ยากยิ่ง คนที่สามารถข้ามไประดับนี้ได้ ในหมื่นคนยังไม่มีแม้แต่คนเดียว!

และนี่ก็ทำให้ตอนนี้ ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิมีน้อยมาก

ไม่ว่าจะในโลกใหญ่หงเหมิงหรือโลกอื่นของฟ้าดารา ผู้แข็งแกร่งที่สามารถก้าวสู่ระดับนี้ได้ เรียกได้ว่าเป็นพวกหายากอย่างแน่นอน!

จากเรื่องนี้ก็สามารถดูออกว่า ลูกกลอนเก้าทวารโลกาสวรรค์เป็นสมบัติที่ล้ำค่าเพียงใด

อันที่จริงใน ‘กระดานโอสถอริยะทั่วหล้า’ ลูกกลอนเก้าทวารโลกาสวรรค์จัดอยู่ในอันดับสาม เป็นรองแค่อันดับหนึ่งอย่าง ‘ลูกกลอนแจ้งจักรพรรดิสกัดภัย’ และอันดับสองอย่าง ‘ลูกกลอนหลอมมรรคคืนกำเนิด’ เท่านั้น!

เพียงแต่ลูกกลอนทั้งสองชนิดนี้กลายเป็นเรื่องตำนานเล่าขานไปนานแล้ว เคยปรากฏแค่สมัยดึกดำบรรพ์เท่านั้น… นี่ขับให้ลูกกลอนเก้าทวารโลกาสวรรค์ยิ่งล้ำค่าและหายาก

และตอนนี้เรือนมรรคโลกาสวรรค์ถึงกับนำลูกกลอนเก้าทวารโลกาสวรรค์มาเป็นรางวัลของอันดับสอง ใครจะไม่ตกใจ

แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ระดับจักรพรรดิยังจุ๊ปากไม่หยุด ในใจเคืองไท่ซูหงอย่างมาก เหตุใดไม่พูดเรื่องนี้ตั้งแต่แรก ทำเอาพวกเขาไม่ได้เตรียมตัวเลย

ไท่ซูหงกวาดมองถ้วทั่ว ยิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า “รางวัลของอันดับสาม คือโอกาสเข้าไปเลือกสมบัติในหอสมบัติของเรือนมรรคโลกาสวรรค์หนึ่งครั้ง แน่นอนว่าไม่ว่าจะถูกใจสมบัติระดับใด สุดท้ายก็เลือกได้เพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น”

บรรยากาศทั้งลานแตกตื่นขึ้นอีก

ทุกคนต่างตกใจกับความใจป้ำของไท่ซูหง จิตใจสั่นไหว

ในข่าวลือ สมบัติที่ซ่อนอยู่ในหอสมบัติในเรือนมรรคโลกาสวรรค์ ล้วนเรียกได้ว่าเป็นสมบัติชั้นเลิศแห่งยุคอย่างไม่มีข้อยกเว้น ยิ่งไม่ขาดสมบัติลึกลับที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์และบรรพกาล!

ถึงอย่างไรเรือนมรรคโลกาสวรรค์ก็เป็นหนึ่งในหกเรือนมรรคใหญ่ ความแข็งแกร่งของรากฐานพลังใครบ้างจะไม่รู้

หยั่งรู้ศิลามรรคโลกาสวรรค์!

ลูกกลอนเก้าทวารโลกาสวรรค์!

เลือกสมบัติที่หอสมบัติ!

รางวัลสามอย่างที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดอันยากจะเอื้อม ทำให้ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยเสียดาย

แม้แต่หลินสวินยังจนคำพูด รู้เช่นนี้แต่แรก มีหรือจะไม่ไปช่วงชิงยันต์ชีวิตมาให้มากกว่านี้

“พี่ไท่ซู เจ้ารีบประกาศเถอะว่าสามอันดับแรกคือใคร”

ซย่าสิงเลี่ยอดพูดไม่ได้

ไท่ซูหงพยักหน้า บรรยากาศในที่นั้นเงียบกริบขึ้นมา

“อันดับสาม จิ่งเทียนหนาน ได้รับยันต์ชีวิตสองร้อยสิบสามชิ้น”

ได้ยินคำพูดนี้ ทุกสายตาล้วนมองไปยังจิ่งเทียนหนาน คนผู้นี้มวยผมดำขึ้น สวมชุดบัณฑิต บุคลิกสง่างาม โดดเด่นสะดุดตา

เขาเป็นปีศาจชั้นยอดที่มาจากเขตแดนดาราลักษณ์แก้ว มรรคกระบี่มีอานุภาพสูงส่ง!

ชั่วขณะหนึ่งสายตาคนไม่น้อยเปลี่ยนเป็นคลุมเครือ ครอบครองผลงานการต่อสู้ที่สะดุดตาขนาดนี้ได้ รากฐานพลังของจิ่งเทียนหนานคนนี้จะต้องน่ากลัวมากอย่างไม่ต้องสงสัย

“ขอบคุณผู้อาวุโสมาก”

จิ่งเทียนหนานประสานหมัด ท่าทางเปิดเผย นิ่งสงบสง่างาม ไม่สนใจสายตาที่มองมาจากรอบๆ

ไท่ซูหงพยักหน้า ประกาศต่อ “อันดับสอง หวงฝู่เซ่าหนง ได้รับยันต์ชีวิตสองร้อยห้าสิบเอ็ดชิ้น”

ฟึ่บ!

ในที่นั้นล้วนฮือฮา สายตาเคลื่อนไปที่หวงฝู่เซ่าหนง

หลายคนต่างเผยสีหน้าไม่จำยอม อย่างเช่นพวกเยวี่ยหรูหั่ว จือไป๋ ต่างยิ้มขื่นส่ายหน้า พวกเขารู้ว่าหากก่อนหน้านี้ช่วงชิงสุดความสามารถ มีหรือจะสู้หวงฝู่เซ่าหนงกับจิ่งเทียนหนานไม่ได้

ผู้แข็งแกร่งที่มีความคิดเช่นเดียวกับพวกเขาก็มีไม่น้อยเลย

น่าเสียดายที่เสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว

“ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่ง”

หวงฝู่เซ่าหนงคารวะ หว่างคิ้วเผยความดีใจ มีลูกกลอนเก้าทวารโลกาสวรรค์ ต่อไปมีหรือจะต้องกลัวว่าจะไม่สามารถก้าวสู่ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิ

“อันดับหนึ่ง จินตู๋อี ได้ยันต์ชีวิตสามร้อยเจ็ดสิบห้าชิ้น”

ยามไท่ซูหงประกาศ ทั้งที่นั้นล้วนแตกตื่นขึ้นมาทันที หลายคนเผยสีหน้าประหลาดใจ

“เหตุใดจึงเป็นเขา”

“เจ้าหมอนี่ใช้พลังของเขาคนเดียว ทยอยโจมตีพวกน่ากลัวอย่างซินหรูเจี่ย ถูเชียนเจวี๋ย จู่เฟยอวี่จนพินาศ จะครอบครองยันต์ชีวิตขนาดนี้ก็สามารถเข้าใจได้”

“เฮ้อ เจ้าหมอนี่โชคดีเกินไปแล้ว…”

“ยุคที่ไร้ผู้กล้า พวกไร้สามารถถึงได้โดดเด่น!”

ชั่วขณะเดียวสายตามากมายต่างจับจ้องไปยังหลินสวิน มีทั้งริษยา อิจฉา ไม่จำยอม รวมถึงเคียดแค้นและเหยียดหยาม…

“ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่ง”

หลินสวินเองก็ประหลาดใจมาก คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายตนกลับได้ที่หนึ่งอย่างไม่คาดคิด ได้รับโอกาสเข้าไปหยั่งมรรคหน้าศิลามรรคโลกาสวรรค์

ซย่าสิงเลี่ยหัวเราะเบิกบาน เอ่ยว่า “ยังจำที่ข้าพูดได้หรือไม่ เจ้าหมอนี่มีความองอาจเหมือนข้าในปีนั้นอยู่สามส่วนรางๆ!”

สีหน้าของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงและจักรพรรดิมารผลาญนภาต่างมืดทะมึน

ผลงานที่สะดุดตาถึงเพียงนี้ของหลินสวิน ส่วนใหญ่ล้วนมาจากการกำจัดผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลและเรือนมรรคเหล่ามารของพวกเขา

นี่จะให้พวกเขาเบิกบานได้อย่างไร

“พวกเจ้าพักผ่อนที่เรือนมรรคโลกาสวรรค์ของข้าก่อน อีกเจ็ดวัน ข้าและสหายยุทธ์คนอื่นจะเปิดทางที่เชื่อมต่อเขตต้องห้ามเซียนโบราณให้พวกเจ้า”

ไท่ซูหงว่าแล้วกำชับหลินสวิน หวงฝู่เซ่าหนง และจิ่งเทียนหนานอีกครั้ง “พวกเจ้าสามคน เช้าตรู่พรุ่งนี้ให้มาพบข้าที่นี่”

“ขอรับ”

พวกหลินสวินพยักหน้าโดยพร้อมเพรียง

จากนั้นภายใต้การนำทางของเหล่าผู้สืบทอดเรือนมรรคโลกาสวรรค์ ผู้แข็งแกร่งหนึ่งร้อยแปดคนที่ได้รับชัยชนะต่างแยกย้ายกันไป

หลินสวิน จินเทียนเสวียนเยวี่ย ลู่ตู๋ปู้ ซูมู่หาน เซี่ยอวี่ฮวาห้าคนดูสะดุดตาอย่างมากในทันที

เพราะในบรรดาหนึ่งร้อยแปดคนนี้ มีเพียงแคว้นเมฆาของพวกเขาที่มีคนผ่านการคัดเลือกถกมรรคถึงห้าคน แต่ผู้แข็งแกร่งแคว้นอื่นๆ เก้าในสิบล้วนถูกคัดออกแล้ว!

ตอนกลับไปยังที่พัก ก้วนซวีแห่งสำนักยุทธ์ว่างเปล่าก็รออยู่ที่นั่นแล้ว เจ้าสำนักอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเมฆาที่เคร่งขรึมและมั่นคงมาโดยตลอด ตอนนี้กลับตื่นเต้นอย่างที่สุด

เพราะเขาได้ยินมาว่า ครั้งนี้แคว้นเมฆามีห้าคนที่ผ่านการคัดเลือก และจินตู๋อียังได้อันดับหนึ่งอีกด้วย!

ผลงานการต่อสู้ระดับนี้ ทอดสายตามองไปทั้งสี่สิบเก้าแคว้น ล้วนเรียกได้ว่าสะดุดตาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!

“แคว้นเมฆาของเราผงาดขึ้นได้เพราะพวกเจ้าห้าคน!”

ก้วนซวีหัวเราะเสียงดัง ดีใจจากใจจริง เขาคิดไม่ถึงว่าในงานชุมนุมถกมรรคที่คนทั่วหล้าจับตามอง พวกหลินสวินกลับทำได้ดีขนาดนี้

โดยเฉพาะตอนที่สายตาของก้วนซวีมองไปยังหลินสวิน ได้แฝงความเลื่อมใสแล้ว

อัจฉริยะเช่นนี้ ยึดความโดดเด่นในงานชุมนุมถกมรรคแต่เพียงผู้เดียว ใครจะไม่เลื่อมใส

เขาก้าวเท้าเข้าไปตบไหล่หลินสวินพร้อมพูดว่า “จินตู๋อี เป็นหนึ่งไม่มีสอง ยึดครองอันดับหนึ่งแต่เพียงผู้เดียว ก้าวย่างทั่วหล้าเพียงลำพัง… ฮ่าๆๆ ดี! ดี! ดีมาก!”

พวกลู่ตู๋ปู้อดยิ้มไม่ได้ ในใจพวกเขารู้ดีว่าครั้งนี้หากไม่ได้หลินสวินช่วยไว้ พวกเขาคงถูกคัดออกไปนานแล้วเช่นกัน

“พี่จิน ยินดีด้วยๆ”

เถิงอี๋เฉินและกุยซานสิงเองก็เดินออกจากที่พัก มาแสดงความยินดีกับหลินสวินพร้อมรอยยิ้ม ด้วยหลังจากพวกเขาถูกคัดออกก็ได้กลับมาที่พัก

จนกระทั่งชั่วขณะนี้ พอได้ยินว่าหลินสวินได้อันดับหนึ่งต่างรู้สึกประหลาดใจอย่างที่สุด

“ทั้งสองท่าน ก่อนหน้านี้ไม่มีกำลังพอ จึงไม่สามารถช่วยพวกเจ้าไว้ได้”

ในใจหลินสวินกลับรู้สึกละอายอยู่บ้าง

พวกเถิงอี๋เฉินรีบส่ายหน้า ตอนที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง เสียงเย็นชาที่เต็มไปด้วยความโกรธและชิงชังพลันดังขึ้น

“จินตู๋อีเจ้าอย่าดีใจไวเกินไป รอเข้าไปในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ เจ้าจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”

ห่างออกไปไกล เงาร่างที่ราวกับเด็กของหวังถูไม่รู้ปรากฏตั้งแต่เมื่อไหร่ บนดวงหน้าเล็กเต็มไปด้วยความขึ้งโกรธและเหี้ยมโหด ไม่ปกปิดความเคียดแค้นของตนสักนิด

——