ความคิดของคุณท่านใหญ่ซู ได้รับอิทธิพลมาจากพ่อของเขา
พ่อของเขาคุณท่านเคยไปสู้รบและทำสงคราม สนามรบกับธุรกิจมันไม่เหมือนกันคือ ในสนามรบจำเป็นต้องสู้สุดชีวิตตลอดเวลา ดังนั้นปรัชญาทางธุรกิจของเขาจึงง่ายมากๆ ถ้าเป็นศัตรูกับเขา เขาจะสู้กับศัตรูจนตายไปข้างหนึ่ง
ถ้าต้องเลือกระหว่างตระกูลอิโตะกับตระกูลทากาฮาชิ และกำจัดตระกูลที่เหลือ ถ้าในความคิดของคุณท่านใหญ่ซู มันก็เหมือนกับการออกเรือทางทะเล ที่ฝั่งมีเรือสองลำจอดอยู่ แต่การออกทะเลใช้แค่เรือลำเดียว เวลานี้ควรทำยังไงดี?
คนธรรมดาทั่วไปจะเลือกเรือลำที่ตัวเองพอใจ จากนั้นก็ขึ้นเรือและออกเดินทาง
คนที่ฉลาดจะตรวจดูเรืออย่างละเอียด และจะเลือกลำที่แข็งแกร่งที่สุด
ถ้าคนที่ฉลาดและมีความโหดเหี้ยม จะเลือกเรือลำที่แข็งแกร่งที่สุดและก่อนที่เขาจะออกเดินทาง จะทำให้เรืออีกลำจมลงไปในทะเล
เหตุผลของการกระทำแบบนี้คือ ถ้าเลือกเรือลำหนึ่งแล้วเดินทางออกไป เรืออีกลำก็จะกลายเป็นปัญหาอันใหญ่หลวงและภัยอันตรายที่ซ่อนอยู่
คู่แข่งของคุณอาจจะนั่งเรืออีกลำแล้วไล่ตามคุณ และสุดท้ายมันจะกลายเป็นปัญหาและภัยอันตรายที่ตัวเองทิ้งไว้
ดังนั้น ถ้าเลือกเรือลำหนึ่ง และทำให้เรืออีกลำจมลงไปในทะเล ก็ไม่ต้องกังวลว่าคู่แข่งจะตามตัวเองได้ทัน
เมื่อถึงเวลานั้น คู่แข่งคงทำได้แค่ยืนมองและถอนหายใจอยู่บนชายหาด และถูกตัวเองทิ้งไว้ข้างหลัง
กลอุบายแบบนี้ง่ายมากๆและตรงไปตรงมา แต่มันได้ประสิทธิภาพที่ดีมากๆ
แม้แต่ซูโสว่เต้า กับซูจือเฟยและซูจือหยูก็เกิดในยุคที่สงบสุข และใช้ชีวิตในช่วงเวลาที่สงบสุขมากจนเกินไป ทำให้พวกเขาค่อยๆสูญเสียความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญเหมือนคนรุ่นก่อนๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อซูโสว่เต้าพูดถึงการตัดสินใจของคุณท่านใหญ่ซู ซูจือหยูเป็นคนแรกที่มีปฏิกิริยาทันที
เธอเหมือนเข้าใจกระจ่างแจ้งและพูด:”คุณพ่อ กลยุทธ์ของคุณปู่ยอดเยี่ยมมากๆ! ทำอย่างนี้ไม่เพียงทำลายตระกูลเย่ได้ แต่ยังทำให้พวกเรามีอิทธิพลมากขึ้นในญี่ปุ่นด้วย ก่อนหน้านี้ฉันกังวลมากๆ ตระกูลทากาฮาชิกับตระกูลอิโตะต่างมีจุดแข็งจุดอ่อนที่ไม่เหมือนกัน ไม่ว่าพวกเราจะเลือกตระกูลไหน ถ้าปล่อยอีกตระกูลหนึ่งไปก็คงน่าเสียดายมากๆ ถ้าพวกเราเกลี้ยกล่อมตระกูลหนึ่งมาร่วมมือกับเราและร่วมกันกำจัดตระกูลที่เหลือ มันคงจะเป็นกลยุทธ์ที่สมบูรณ์แบบ!”
ซูโสว่เต้าพูดอย่าจริงจัง:”จือเฟย จือหยู พวกเจ้าสองคนต้องจำให้ขึ้นใจ ตระกูลซูของเราไม่ว่าจะเป็นในอดีต ปัจจุบันและอนาคตอีกสิบปีข้างหน้า ศัตรูที่ยิ่งใหญ่และอันตรายที่สุดของตระกูลเราก็คือตระกูลเย่!”
ดังนั้นไม่ว่าพวกเราจะทำธุรกิจด้านไหนในอนาคต ต้องจำหลักการหนึ่งข้อไว้ให้ดี:”ถ้าตระกูลเย่ก็ทำธุรกิจด้านนี้ด้วย พวกเราจะต้องกำจัดตระกูลเย่ออกจากธุรกิจนี้เป็นอันดับแรก ถ้าตระกูลเย่ยังไม่ได้เข้ามาทำธุรกิจในด้านนี้ งั้นพวกเราต้องหาทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ตระกูลเย่เข้ามาทำธุรกิจในด้านนี้!”
“ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีพันธมิตรต่อต้านตระกูลเย่แล้ว แต่พวกเราจะต้องเอาชนะและกำจัดตระกูลเย่ให้ได้ มีเพียงวิธีนี้ ถึงจะสามารถป้องกันไม่ให้ตระกูลเย่กลายเป็นผู้นำในการก่อตั้งพันธมิตรต่อต้านตระกูลซูขึ้นมา เพื่อกำจัดพวกเรา เข้าใจหรือยัง?”
สองพี่น้องตอบพร้อมกัน:”เข้าใจ!”
ซูโสว่เต้าพยักหน้าและพูด:”พวกเจ้าสองคนต้องคิดให้มากๆ ไม่เพียงต้องคิดถึงรูปแบบกลยุทธ์ของคุณปู่ ยังต้องคิดเรื่องการวางแผนด้วย คนรุ่นก่อนๆมักพูดว่าการทำธุรกิจก็เหมือนการทำสงคราม เพราะการทำธุรกิจในสมัยนั้น มันโหดร้ายมากๆ ไม่ต่างอะไรจากสนามรบเลย แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง โลกใบนี้กลับมาสู่ยุคแห่งความสงบมาหลายสิบปี ทำให้คนค่อยๆหมดความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญเหมือนสมัยก่อน ช่องว่างระหว่างธุรกิจกับสนามรบ ยิ่งอยู่ยิ่งมาก…”
ซูจือหยูพูดอย่างจริงจัง:”คุณพ่อ คุณพูดถูกแล้ว ความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญและนิสัยของหมาป่า เป็นสิ่งที่ฉันกับพี่ชายจำเป็นต้องมีมากขึ้น!”
ซูโสว่เต้าที่อยู่ในวิดีโอคอลพยักหน้าและพูดอย่างชื่นชมว่า:”อนาคตของตระกูลซู จะตกอยู่ในรุ่นของพวกเจ้าสองคน ถ้าพวกเจ้าสองคนมีความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญเหมือนคนรุ่นก่อนๆ ตระกูลซูจะกลายเป็นตระกูลที่หยิ่งใหญ่ก็ไม่ใช่แค่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป!”
ทำให้ตระกูลซูกลายเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป คำพูดนี้ก็วนเวียนอยู่ในหัวของซูจือหยูกับซูจือเฟยตลอด
แต่ซูจือเฟยไม่รู้เลย ในขณะนี้ มีชายใส่เสื้อสีดำคนหนึ่ง เกาะเหมือนตุ๊กแก อยู่ด้านนอกผนังห้องของเขา
คนๆนี้ถืออุปกรณ์ขยายเสียงของสายลับ และบันทึกเสียงการสนทนาวิดีโอคอลของทั้งสามคนไว้ทั้งหมด