ตอนที่ 3669

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3669 : การแข่งขันไต่บันไดสวรรค์

 

โอสถเสริมโชค

 

โอสถเสริมโชค 9 เม็ดยา บรรลราชาเทพ!

 

พอต้วนหลิงเทียนรับทราบว่าขอรางวัลการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ครั้งนี้ ศิษย์สายในขอบเขตเทพที่ได้รับอันดับ 1 จะได้รับโอสถเสริมโชค เขาก็บังเกิดความประทับใจทันที

 

กระทั่งเขายังเริ่มชั่งน้ําหนักข้อดีข้อเสียในใจ

 

สุดท้ายในปัจจุบันเขาก็ยยังคงอู่ในขอบเขตเทพขั้นกลางเท่านั้น จึงลังเลว่าจะคว้าอันดับ 1 มาดีหรือไม่

 

ในขุมกําลังระดับจอมราชันเทพอย่างนิกายหมอกเร้นลับ มีศิษย์สาในขอบเขตเทพขั้นสูงที่เข้าใจการผสาน รวมความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการอยู่แน่นอน!

 

หากเขายังสามารถเอาชนะศิษย์สายในเช่นนั้นได้ด้วยด่านพลังเทพขั้นกลาง จะให้ผู้อื่นคิดอย่างไร?

 

แต่ตอนนี้ เงื่อนไขประการที่ 2 ที่เขาบอกให้ตระกูลจังแสดงความจริงใจ ไม่คิดว่าพวกมันไม่เพียงมอบของมีค่าให้เขามากมาย แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นโอสถเสริมโชคอีกด้วย!

 

ที่สําคัญ มันไม่ได้มีแค่เม็ดเดียว!

 

5 เม็ดยา

 

พอเห็นว่าในขวดมีโอสถเสริมโชค 5 เม็ดยากองไว้อย่างเงียบงัน ท่าให้อารมณ์ต้วนหลิงเทียนที่สงบลงก่อนหน้าเริ่มพุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง!

 

ก่อนหน้าเขายังลังเลเพราะโอสถเสริมโชค 1 เม็ดยาอยู่เลย

 

แต่ตอนนี้เขามีโอสถเสริมโชคอยู่ถึง 5 เม็ดยา

 

ไม่คิดเลยว่ารากฐานตระกูลจังจะเอาเรื่องขนาดนี้ พวกมันถึงกับมอบโอสถเสริมโชคออกมา 5 เม็ดยาได้

 

ต้วนหลิงเทียนได้ทอดถอนในใจอย่างอดไม่ได้ ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกถึงความจริงใจของตระกูลจังแล้ว เพราะไม่เพียงแต่พวกมันจะมอบโอสถเสริมโชคให้เขา 5 เม็ดยาเท่านั้น ยังมีโอสถเทพ ผลไม้เทพ สมุรไพรเทพ และหินเทพอีกเป็นจํานวนมาก

 

ถึงแม้วนหลิงเทียนจะยังไม่ได้นับว่าหินเทพที่กองเป็นภูเขานั่นหนักที่ตําลึง แต่มองปราดเดียวเขาก็พอจะประมาณได้ว่าต่ําๆต้องมีหลักล้านตําลึงแน่นอน

 

ตระกูลราชาเทพอย่างตระกูลจัง…ค่านวณดูแล้วพวกมันไม่น่าจะมีหินเทพหมุนเวียนเกิน 2 ล้านต่าลึง กล่าวได้ว่านี่สมควรเป็นหินเทพจํานวนครึ่งหนึ่งของที่ตระกูลจังมี…

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

 

“แถมโอสถเสริมโชคนอีก…การที่ตระกูลจึงสามารถควักออกมาให้ข้าได้ 5 เม็ด ไม่ใช่แค่เม็ดสองเม็ด หมายความว่าพวกมันมีมากกว่านี้แน่นอน คงเพราะกังวลว่าวันหน้าข้าจะค้นพบว่าพวกมันมีโอสถเสริมโชคมากมาย แต่ดันให้ข้ามาแค่เม็ดสองเม็ดถึงตอนนั้นจะทําให้ข้ามีโมโหกระมัง?

 

พอคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจ ขณะเดียวกันเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจให้กับความกล้าหาญของจังตา ผู้นําตระกูลจังอยู่บ้าง

 

แม้จะไม่เคยพบหน้าอีกฝ่าย แต่เขาก็รู้สึกประทับใจในความเด็ดขาดของมัน

 

“นายน้อยต้วน”

 

ตอนนี้เองจังเทียนอู่ที่ลอยร่างรออยู่เงียบๆ ก็เอ่ยขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัวๆ “ท่านพ่อบุญธรรมได้ฝากข้ามาถาม ท่านว่า หลังจากที่ท่านเห็น ความจริงใจ ในแหวนพื้นที่แล้ว…มิทราบท่านพึงพอใจกับความจริงใจของตระกูลจังเราหรือไม่?”

 

“อื่ม ข้าพอใจ”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ขณะเดียวกันสองตาก็ทอประกายเยียบเย็นเรื่องขึ้นพลางกล่าวออกมาด้วยน้ําเสียงเฉยเมยว่า “เดิมที่ข้าคิดจะฆ่าล้างตระกูลจังของเจ้าไม่เว้นไก่สุนัขสักตัว…แต่ในเมื่อผู้นําตระกูลจังของเจ้ามีความจริงใจถึงขนาดนี้ เช่นนั้นวันหน้าข้าจะฆ่าคนของตระกูลจังที่มันคิดฆ่าข้าเท่านั้น!”

 

จะให้เขาละวางความแค้นกับตระกูลจังไปเลย?

 

ต้วนหลิงเทียนไม่เคยพิจารณาประเด็นนี้สักครั้ง!

 

เพราะสุดท้ายแล้ว ในตระกูลจึงสมควรมีบางคนที่เห็นดีเห็นงามเรื่องฆ่าเขา แม้ตัวต้นเรื่องอย่างจังเค่อจะตายไปแล้ว แต่คนอื่นๆที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจจะฆ่าเขานั้น ตอนนั้งคงอยู่ดีมีสุข!

 

กับคนพวกนั้น รอวันที่เขามีกําลังมากพอ เขาจะไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว!

 

“ขอบคุณนายน้อยต้วน”

 

ได้ยินคําตอบของต้วนหลิงเทียน จังเทียนอู่ก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นก็เร่งหลีกทางให้ต้วนหลิงเทียนเหาะสะดวก ไม่คิดขวางทางอีกต่อไป

 

ในขณะที่จังเทียนอู่ส่งข้อความไปหาบิดาบุญธรรม จังตา ผู้นําตระกูลจังเรื่องที่มันได้พบปะกับต้วนหลิงเทียน ด้านต้วนหลิงเทียนก็เห็นบินติดตามกลุ่มศิษย์สายในไปยังสถานที่จัดการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย

 

“เจ้าหน้าหล่อชุดม่วงนั่นใครกัน? ศิษย์ใหม่รีไร? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย…”

 

“เจ้านั่นทําให้จังเทียนอู่แลดูนอบน้อมถึงขนาดนั้น…เกรงว่าความเป็นมาของมันจะไม่ใช่เล่นๆซะแล้ว”

 

หลาคนมองไปยังแผ่นหลังไวๆของต้วนหลิงเทียนพลางซุบซิบคุยกัน

 

“อะไร พวกเจ้าไม่รู้จักมันงั้นหรือ?”

 

ตอนนี้เอง คนที่รู้จักตัวตนของต้วนหลิงเทียนก็กล่าวแทรกขึ้นมา “เจ้าไม่เคยได้ยินรีไร ว่าศิษย์พี่ฉูอวี่ไปท้าประลองศิษย์ใหม่คนหนึ่งทุกเดือน?”

 

ฉือนั้น ในบรรดาศิษย์สายในขอบเขตเทพ มันคือตัวตนที่แข็งแกร่งติด 1 ใน 10 อันดับแรก ทําให้ในนิกายหมอกเร้นลับไม่ว่าจะฝ่ายในหรือฝ่ายนอก มันก็ถือว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง

 

“ต๊ะ? เจ้านั่นน่ะเหรอต้วนหลิงเทียนจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์คนนั้น?!”

 

และพอมีคนเอ่ยเรื่องที่ฉอไปท้าประลองขึ้นมา ก็มีบางคนที่ตระหนักเรื่องราวได้โพล่งออกมาด้วยความตกใจ

 

“ใช่เรียกว่า ต้วนหลิงเทียนหรือไม่? คนที่รองประมุขมู่หรงถึงกับแนะนําให้เข้านิกายหมอกเร้นลับเราก่อนก่าหนดผู้นั้น? ข้าได้ยินมาว่าพลังฝีมือของมันร้ายกาจมาก อายุไม่ถึง 3,000 ปีที่ แต่ก็บรรลุถึงเทพขั้นกลางพร้อมเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้ง 3 ประการแล้ว!”

 

ในนิกายหมอกเร้นลับ มีหลายคนที่เคยได้ยินข่าวลือของต้วนหลิงเทียน

 

“มิผิด ที่สําคัญข้าได้ยินมาว่ากฏที่มันเชียวชาญยังเป็น1 ใน 4 กฏสูงสุดอย่างกฏมิติ! หากข้าจําไม่ผิดดูเหมือนในนิกายหมอกเร้นลับเราจักไม่มีผู้ใดที่อายุน้อยกว่า 4,000 ปีบรรลุความเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติถึง 3 ประการด้วยซ้ํา!”

 

“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้มันร้ายกาจราวสัตว์ประหลาดจริงๆ…ข้าได้ยินมาว่ามันเองก็จะเข้าร่วมการทดสอบศิษย์หลักในอีกไม่กี่เดือนด้วย! เห็นว่ารองประมุขมู่หรงถึงขั้นเสนอชื่อมันด้วยตัวเองเช่นกัน”

 

“ให้ตายเถอะ แม้แต่ศิษย์สายในที่อยู่ในนิกายหมอกเร้นลับมานานก็ไม่ใช่ว่าจะมีสิทธิ์เข้าทดสอบประเมินศิษย์หลักทุกคนด้วยซ้ํา…ข้าไม่คิดเลยว่ารองประมุขมู่หรงจะมอบโอกาสให้มัน หากข้าจําไม่ผิดดูเหมือนรองประมุขมู่หรงจะเคยเสนอชื่อศิษย์สายในให้เข้าร่วมการทดสอบศิษย์หลักแค่ไม่กี่คนกระมัง?”

 

ต้วนหลิงเทียนแม้จะเห็นร่างจากไกลพอสมควรแล้ว แต่บทสทนาด้านหลังเขายังได้ยินชัดถนัดหู

 

รองประมุขมู่หรงเคยเสนอชื่อศิษย์สายในให้เข้าร่วมการทสอบศิษย์หลักแค่ไม่กี่คนงั้นเหรอ? แถมดูเหมือนการทดสอบประเมินศิษย์หลักไม่ใช่อะไรที่ศิษย์สายในเข้าร่วมได้ตามใจ?

 

เรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนพึ่งรู้

 

เดิมที่เขาคิดว่าการทดสอบประเมินศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับนั้น เปิดให้ศิษย์สายในทุกคนเข้าร่วมการทดสอบได้ตามใจชอบ แต่ไม่คิดว่าต้องมีการเสนอชื่ออะไรแบบนี้ก่อน

 

“ถึงแล้ว?

 

ต้วนหลิงเทียนที่เหาะตามๆผู้อื่นมา ไม่ทันรู้ตัวเขาก็พบว่าเบื้องหน้าเต็มไปด้วยกลุ่มคนที่ลอยร่างค้างกลางหาว ขณะเดียวกัน เขาก็พบว่าเบื้องหน้าไกลๆ ในความว่างเปล่านั้น ปรากฏบันไดที่คล้ายเป็นภาพมายาลอยล่องอยู่กลางอากาศ บันไดที่ว่ามีหลายขั้นและไล่ระดับขึ้นไปบนฟ้า

 

ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็พบว่า ด้านหน้าทางขึ้นบันไดนั้น มีคนกําาลังรับป้ายอะไรบางอย่างจากชายชราที่มีสีหน้าเฉยเมยไร้อารมณ์ ก่อนที่จะวิ่งขึ้นบันได้ไป

 

และพอมันก้าวเหยียบบันไดขั้นที่ 1 ร่างของมันก็คล้ายจะจมหายไปในบันไดดังกล่าว

 

ต่อมาบันไดขั้นที่ 1 นั่นก็เริ่มเปล่งแสงขึ้นมา จากนั้นก็เห็นจุดแสงเล็กๆด้วงหนึ่งส่องสว่างบนขั้นบันได

 

ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็พบว่า บริเวณบันไดขั้นที่ 3 นั้น มีจุดแสงเล็กๆดังกล่าวดวงหนึ่งกําลังกระพริบวูบวาบ ต่อมาจุดแสงดังกล่าวก็ลอยขึ้นมาจากบันได ก่อนจะหายไปในความว่างเปล่า และไม่นานนักก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ราวกับมันก็คือจุดแสงที่อยู่ในบันไดเมื่อครู่

 

“ฮ่าๆๆๆ…หจน เจ้ามันอ่อนแท้เล่า! แค่ขั้นที่ 3 ยังไม่ไหวรึ เจ้าแพ้แล้ว!!”

 

ไม่ไกลจากต้วนหลิงเทียนนัก ชายคนหนึ่งพอเห็นร่างที่พึ่งปรากฏออกมา ก็หัวเราะชอบใจกล่าวคําด้วยน้ําเสียงหยอกล้ออย่างสนุกสนาน

 

ร่างที่พึ่งปรากฏขึ้นจากบันได้ เห็นลงมาและส่งป้ายบางอย่างคืนให้ชายชราหน้าบันได จากนั้นมันก็เห็นร่างออกมาด้วยสีหน้ามืดมน มองไปยังคนที่หัวเราะเยาะตาขวาง จากนั้นก็สะบัดมือส่งหินเทพจํานวนหนึ่งให้ไปด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ “มารดาเจ้าเถอะ อย่าพึ่งได้ใจให้มันมากนัก…หากเจ้าขึ้นไปไม่ถึงชั้น 4 อย่างที่พูดโม้ หินเทพเจ้าก็ต้องคายออกมาให้ข้าอยู่ดี”

 

“ฮ่าๆๆ…ไม่ต้องห่วง บิดาขึ้นไปยังขั้นที่ 4 ได้แน่”

 

ชายที่หัวเราะแม้แต่แรก รับหินเทพมาด้วยใบหน้าพึงพอใจ จากนั้นมันก็มุ่งหน้าไปรับป้ายจากชายชราที่หน้า บันได จากนั้นก็โดดขึ้นบันไดที่คล้ายภาพมายากลางหาวขั้น 1 ก่อนคนจะอันตรธานหายไป และบนบันไดก็ปรากฏจุดแสงดวงหนึ่งขึ้นเพิ่มเติม

 

ในขณะเดียวกับที่บันไดขั้น 1 ปรากฏจดแสงเรืองขึ้นเพิ่มเติม ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าจุดแสงก่อนหน้านั้นได้ พุ่งออกจากขั้นที่ 1 ไปหยุดลงบนบันไดขั้นที่ 2

 

หลังจากนั้นไม่นานนัก จดแสงที่พึ่งส่องสว่างขึ้นบนบันไดขั้นแรก และสมควรเป็นชายที่กล่าวหัวเราะเสหาย เมื่อครู่ก็วบขึ้นไปยังบันไดขั้นที่ 2 เช่นกัน

 

“บันไดนั่นเป็นค่ายกลสร้างโลกใบเล็ก เหมือนด่านทดสอบอะไรสักอย่างงั้นเหรอ?

 

เห็นฉากดังกล่าวต้วนหลิงเทียนก็พอจะคาดเดาอะไรได้ ขณะเดียวกันเขาก็อดแผ่สํานึกเทวะออกไปตรวจสอบไม่ไหว อนิจจาเขาพบว่ามีพลังมหาศาลบางอย่างได้ปิดกั้นสํานึกเทวะของเขาเอาไว้ชะงัด ไม่อาจเข้าใกล้บันไดดังกล่าวได้ด้วยซ้ํา

 

“ต้วนหลิงเทียน”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกําลังสงสัย เขาก็ได้ยินเสียงร่างหนึ่งพึ่งเห็นมาถึง จากนั้นอีกฝ่ายก็กล่าวทักเขา

 

และไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะหันไปตอบค่าผู้ที่กล่าวทัก เขาก็ได้ยินเสียงผู้คนโดยรอบกล่าวซุบซิบกันว่า “นั่นถึงอู่เยี่ยนนี่!”

 

ถังอู่เยียนนั้น ไม่เพียงแต่ในแง่พลังฝีมือ นางจะแข็งแกร่งติด 1 ใน 3 ศิษย์สายในที่เป็นสตรีเท่านั้น…ทว่าในแง่รูปลักษณ์ นางยังได้รับการยอมรับว่าเป็นโฉมงามอันดับ 1 ของนิกายหมอกเร้นลับอีกด้วย

 

และในนิกายหมอกเร้นลับ นางก็นับว่าเป็นคนที่มีอิทธิพลไม่น้อย กล่าวได้ว่าชื่อเสียงของนางยังเหนือกว่าฉือ1 ใน 10 ศิษย์สายในขอบเขตเทพที่แข็งแกร่งที่สุด ที่มาท้าประลองกับต้วนหลิงเทียนไม่หยุดเสียอีก

 

“เจ้าสบาย”

 

ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม หลังเห็นถึงอู่เยียน

 

“ในคู่มือศิษย์สายใน กล่าวถึงเรื่องการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์เอาไว้ กระทั่งแนะนํามันคร่าวๆ แต่เจ้าคงไม่รู้กระมังว่า บันไดสวรรค์ที่เห็นเบื้องหน้ามันคืออะไร แล้วเกิดขึ้นได้อย่างไรกระมัง?”

 

ตอนนี้คล้ายถึงอู่เยียนสามารถล่วงรู้ความคิดในหัวต้วนหลิงเทียนได้ก็ไม่ปาน

เพราะเมื่อครู่ตอนที่นางมาถึง นางก็เห็นต้วนหลิงเทียนกําลังมองบันไดสวรรค์ด้วยความสงสัยใคร่รู้…ซึ่งนั่นไม่ต่างอะไรจากครั้งแรกที่นางเห็นบันไดสวรรค์เลย

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่นางจะเดาได้ว่าต้วนหลิงเทียนกําลังคิดอะไรอยู่

 

และเมื่อต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับเบาๆ ถึงอู่เยี่ยนก็เริ่มกล่าวอธิบายออกมาว่า “การแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ นี่…ผิวเผินเหมือนค่ายกลมายาอะไรบางอย่าง…แต่อันที่จริงมันเป็นค่ายกลอันแยบคายนัก ไม่ได้มีแต่การสร้างภาพมายาอย่างเดียว”

 

“สิ่งที่เจ้ากําลังเห็น มันเกิดจากค่ายกลมายาก็จริง…”

 

“แต่ทว่าด้านในนั้นเป็นดั่งโลกใบเล็กอิสระที่แยกออกจากกัน และในโลกใบเล็กแต่ละใบก็จะมีผู้เฝ้าด่านดํารงอยู่…และผู้เฝ้าด่านที่ข้าว่าก็คือศิษย์ที่ทําผิดกฏ หรือก่ออาชญากรรมร้ายแรงบางอย่าง”

 

“ยังมีศิษย์ที่ทําผิดกฎร้ายแรง จนถูกขังอยู่ด้านในนั้นมานับแสนๆปีแล้วด้วย”

 

“และเจ้าเองก็สมควรทราบว่านิกายหมอกเร้นลับของพวกเรา พึ่งจะก่อตั้งขึ้นมาได้ไม่ถึง 200,000 ปี”

 

“หลังจากเจ้าเข้าสู่ “บันไดสวรรค์ เจ้าจะปรากฏตัวในโลกใบเล็กแห่งหนึ่งซึ่งเป็นโลกใบเล็กที่อยู่ในบันไดขั้นที่ 1…และในโลกใบเล็กของบันไดขั้นที่ 1 นั่น ก็ไม่ใช่ว่าจะมีเพียงแห่งเดียวแต่มีมากมาย! หากทว่าผู้เฝ้าด่านแต่ละคนจะมีระดับพลังฝีมือพอๆกันเพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ…และมีเพียงเอาชนะพวกมันได้เท่านั้น เจ้าถึงจะออกจากโลกใบเล็กที่พวกมันเฝ้า และขึ้นไปยังโลกใบเล็กของบันไดขั้นที่ 2…”

 

หลังได้ยินคําอธิบายจากปากของถึงอู่เยี่ยน ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ว่าบันไดสวรรค์ที่แท้คืออะไร

 

ปรากฏว่าบันไดสวรรค์แต่ละขั้นก็เหมือนคุกไว้ขังคนร้าย แต่จัดแจงให้กลายเป็นด่านทดสอบแทน…ถ้าหากสามารถเอาชนะศิษย์สายในที่เข้ามาได้ ก็จะได้รับการลดหย่อนโทษจําคุกตามกําหนด

 

และในคุกนั้นก็เป็นดังนรกของศิษย์นิกายหมอกเร้นลับ ที่กระทําผิดกฎนิกายหรือก่ออาชญากรรมร้ายแรงถูกจับขังไว้…เพราะเมื่อถูกขังอยู่ในนั้น ด้วยความที่ด้านในถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์ จึงไม่มีพลังวิญญาณฟ้าดินให้ดูดซับ ทำให้ไม่อาจฝึกฝนบ่มเพาะพลังได้ แถมยังไม่สามารถทําความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้อีก

 

เพราะมีพลังอาคมจากข่ายกลบางอย่าง ที่ขัดขวางการทําความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏ

 

กล่าวได้ว่าศิษย์นิกายหมอกเร้นลับที่ถูกขังอยู่ด้านในเสมือนตายทั้งเป็น!

 

นอกจากนั้นไม่ใช่ว่าศิษย์นิกายหมอกเร้นลับทุกคนที่ถูกขังอยู่ในนั้นจะสามารถเลือกคู่ต่อสู้หรือก็คือศิษย์สายในที่เข้าร่วมการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ได้ตามใจชอบ

 

ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับดวง