หยางเฉินกัดฟันแน่น พยายามแบกรับแรงกดดันวิถีบู๊ที่มาจากท่านเหอเอาไว้
เขามั่นใจแล้วว่า ท่านเหอคือผู้แข็งแกร่งแดนนภา มิฉะนั้น คงไม่อาจปลดปล่อยแรงกดดันวิถีบู๊ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ออกมาได้
“คุกเข่าลง!”
ท่านเหอเห็นหยางเฉินยังคงดิ้นรนอย่างลำบาก ไม่ได้คุกเข่าลงไป พอยักคิ้ว แรงกดดันวิถีบู๊อันน่าสะพรึงกลัวกว่าเดิม ก็ระเบิดออกจากบนตัวเขา
“อยากจะให้ฉันคุกเข่าลง นี่เป็นไปไม่ได้ นอกจากว่า ฉันตาย!”
หยางเฉินกัดฟันอย่างแน่น ในดวงตาทั้งคู่เป็นสีแดงเลือดแถบหนึ่ง
วินาทีนี้ เขาระเบิดกำลังทั้งตัวออกมาแล้ว สายเลือดคลั่งเหมือนกำลังเดือดดาล ตำราเทพสงครามกำลังโคจรแบบบ้าคลั่งในร่างกายเขา มือขวาเขากำมีดอาถรรพ์ไว้แน่น
กลิ่นอายยิ่งใหญ่เกรียงไกรระลอกแล้วระลอกเล่า ระเบิดจากบนตัวเขา มาต้านทานแรงกดดันวิถีบู๊ที่มาจากผู้แข็งแกร่งแดนนภา
นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้หยางเฉินรู้สึกถึงความเล็กมากของตนเอง ตอนแรกเขาคิดว่าครั้งนี้สามารถทะลวงได้อย่างต่อเนื่อง จากแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้น มาถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอดโดยตรง เขาในตอนนี้ เล่ห์เหลี่ยมที่แสดงออกมา ความสามารถโดดเด่นอย่างมากแล้ว
แต่จนกระทั่งวินาทีนี้ เขาถึงสำนึกได้ว่าตนเองมีความอ่อนแอมากแค่ไหน
อยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งแดนนภา คาดไม่ถึงแม้แต่แบกรับแรงกดดันวิถีบู๊ที่ฝ่ายตรงข้ามปลดปล่อยออกมา ยังยากลำบากมาก
ถ้าไม่ใช่ว่าปณิธานเขาแน่วแน่ กลัวว่าคงคุกเข่าแทบเท้าของท่านเหอไปตั้งแต่แรกแล้ว
มุมปากของหยางเฉินล้วนเป็นเลือดสด แต่เขายังคงกัดฟันไว้แน่น ไม่ให้ตนเองคุกเข่าลงไป
ทว่าหัวเข่าสองข้าง ก็โค้งงอช้าๆ ขอเพียงเขาผ่อนคลายสักนิด คงคุกเข่าลงทันที
ในแววตาลึกของท่านเหอ มีจิตอาฆาตอันแรงกล้าแวบผ่าน จ้องหยางเฉินตาไม่กะพริบ
นี่เป็นแรงกดดันวิถีบู๊แกร่งสุดที่เขาปลดปล่อยออกมาแล้ว แต่ว่ายังคงไม่สามารถทำให้หยางเฉินคุกเข่าลงได้ เรื่องนี้ พอจะอธิบายได้ว่า พรสวรรค์ด้านบูโดและนิสัยของหยางเฉิน แข็งแกร่งมากแค่ไหน
ต้องรู้ว่า แม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย ก็ยังไม่อาจแบกรับแรงกดดันวิถีบู๊ของเขาไหว
ส่วนหยางเฉิน เพิ่งทะลวงถึงแค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอดเมื่อสักครู่ ต่อให้พลังสู้รบแกร่งมาก แต่ว่าภายใต้กำลังทั้งหมด ก็แค่ฝืนทนระเบิดความสามารถที่เทียบเท่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางออกมาเท่านั้นหรอกเหรอ
แต่ว่าตอนนี้ หยางเฉินกลับแบกรับแรงกดดันวิถีบู๊ที่มาจากเขาไหว
อัจฉริยะที่ร้ายกาจแบบนี้ คงห้ามผิดใจตั้งแต่เริ่มต้น ไม่อย่างนั้น ก็ต้องฆ่าทิ้ง!
นึกถึงตรงนี้ ในสายตาท่านเหอมีความอาฆาตแค้นรุนแรงแวบผ่าน
หยางเฉินเหมือนสัมผัสถึงความอาฆาตแค้นของอีกฝ่ายได้ สีหน้าซีดเซียวเพิ่มขึ้น แม้แต่แรงกดดันวิถีบู๊ของอีกฝ่ายเขายังแบกรับไม่ไหว ถ้าอีกฝ่ายอยากฆ่าเขา จะมีใครขวางไว้ได้กัน?
เจียงเหยียนพูดด้วยเสียงทุ้ม “ท่านเหอ พรสวรรค์ด้านบูโดของไอ้หมอนี่แกร่งมาก จะให้เขามีชีวิตรอดออกไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นวันหลัง จะต้องกลายเป็นหายนะของตระกูลเจียงแน่นอน”
ท่านเหอพูดจาเสียงเย็นชา “ฉันรู้แค่ว่า ที่ตระกูลเจียงต้องการคือเขาคนนี้!”
พูดจบ เขาก้าวเท้าทันใด เดินไปทางหยางเฉินทีละก้าว
ขอเพียงหยางเฉินไปถึงตระกูลเจียง ต่อให้ร้ายกาจแค่ไหน แล้วจะเป็นอย่างไร? ก็ยังคงต้องโดนตระกูลเจียงควบคุมอยู่ดี
ชั่วขณะนั้นสีหน้าเจียงเหยียนดูแย่ไร้ที่เปรียบ ถึงแม้เขาจะเป็นสายตรงของตระกูลเจียง มาจวนมู่ในครั้งนี้ ก็แค่ฟังคำสั่งมาทำธุระ เขารู้แค่ว่าตระกูลต้องการให้เขาพาตัวหยางเฉินกลับไปแบบมีชีวิต
สำหรับเพราะสาเหตุอะไร เขาก็ไม่รู้ชัด
ปัจจุบันนี้ เขารู้แล้วว่าพรสวรรค์ด้านบูโดของหยางเฉินแกร่งมากแค่ไหน ถ้าไปถึงตระกูลเจียง ตระกูลเจียงย่อมต้องฝึกฝนเต็มที่ วันข้างหน้าเขาก็อันตรายแล้ว
ด้วยพรสวรรค์ด้านบูโดของหยางเฉิน ถ้าเกิดได้รับการฝึกฝนเต็มกำลังของผู้นำตระกูลเจียง กลัวว่าคงใช้เวลาไม่กี่ปี ความสามารถของหยางเฉิน ก็เหนือกว่าเจียงเหยียนได้แล้ว
และที่ตระกูลบู๊โบราณ ล้วนเป็นสถานที่ที่ให้ความเคารพต่อความสามารถ ถ้าหากความสามารถของหยางเฉินเหนือกว่าเจียงเหยียน ถึงแม้เจียงเหยียนจะเป็นญาติสายตรง หยางเฉินอยู่ที่ตระกูลเจียง ก็ยังคงจะมีอิทธิพลมากกว่า
ถ้าหยางเฉินฆ่าเจียงเหยียนแล้ว ต่อให้ตระกูลเจียงลงโทษหยางเฉิน ก็คงจะไม่ฆ่าหยางเฉินทิ้ง เพราะว่า ตระกูลเจียงไม่จำเป็นต้องไปฆ่าอัจฉริยะรุ่นหลังที่มีพรสวรรค์ด้านบูโดโดดเด่นคนหนึ่ง เพียงเพื่อคนที่ตายไปแล้วคนหนึ่ง
นึกถึงตรงนี้ ความกังวลในใจของเจียงเหยียนนับวันยิ่งเข้มข้นขึ้น เขาไม่อยากให้ท่านเหอพาหยางเฉินที่มีชีวิตอยู่กลับตระกูลเจียง
ท่านเหอเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง หยางเฉินรู้สึกว่าแรงกดดันวิถีบู๊ที่แบกรับไว้บนตัวก็เพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง
ทั้งตัวเขาเปียกโชกไปด้วยน้ำเหงื่อ ร่างกายโค้งงอ หัวเข่าสองข้างค่อยๆ งอลงไป แต่เขายังฝืนกลั้นไม่ให้ตนเองคุกเข่าลงไปมาโดยตลอด
หยางเฉินจ้องท่านเหอที่ก้าวมาทางตนเองเรื่อยๆ แบบดวงตาไม่กะพริบ ในดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ไม่ปกปิดจิตอาฆาตแค้นที่ตนเองมีต่อท่านเหอสักนิด
เขาต้องจดจำใบหน้าใบนี้ไว้ในใจให้แม่น ถ้าเกิดตนเองมีโอกาสรอดชีวิตออกไป เขารับรองว่า ความอัปยศของวันนี้ คงมีสักวันหนึ่ง จะต้องให้อีกฝ่ายชดใช้คืนเป็นเท่าตัว
“ขอแค่นายคุกเข่าลง ฉันจะปล่อยนายออกไป!”
ในที่สุด ท่านเหอเดินมาถึงด้านหน้าหยางเฉินแล้ว เอ่ยปากพูดขึ้น
หยางเฉินหัวเราะออกมากะทันหัน รอยยิ้มดุร้ายอย่างยิ่ง ถึงแม้จะเป็นท่านเหอ ในใจก็ยังมีความรู้สึกขนลุกขนพองขึ้นทันใด
“แกเลอะเลือนแล้วเหรอ? หรือว่าหูหนวกกัน?”
หยางเฉินทำหน้าแสยะยิ้ม “เมื่อกี้บอกไปแล้วไง อยากจะให้ฉันคุกเข่าลง เป็นไปไม่ได้ นอกจาก ฉันตาย!”
“มีฝีมือจริง แกก็ฆ่าฉันเลยสิ! แกเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภา อยากฆ่าฉัน ยังไม่ใช่เรื่องง่ายดายหรอกเหรอ?”
“มาฆ่าฉันสิวะ! ฉันไม่กลัวแกหรอก!”
สุดท้าย เขาแทบจะตะโกนออกมาเลย ดวงตาสีแดงเลือดจ้องท่านเหอแบบไม่ขยับ
ในสายตาท่านเหอมีแสงแหลมคมแวบผ่าน พูดเสียงเย็นยะเยือก “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันคงทำได้แค่พาแกไปด้วยแล้ว! รอถึงที่ตระกูลเจียง ฉันกลับหวังว่า แกยังจะหัวดื้อแบบตอนนี้ได้อยู่นะ!”
พูดจบ เขายื่นมือข้างหนึ่งออกมาทันใด จับบนแขนของหยางเฉินเอาไว้
หยางเฉินไม่มีแรงต้านทานสักนิด ถูกท่านเหอยกข้ามไหล่ทีหนึ่ง โยนไปแทบเท้าของเจียงเหยียนโดยตรง
“เฮือก!”
ชั่วขณะนั้นที่หยางเฉินล้มลงพื้น กระอักเลือกออกมา
“ฮาๆๆๆ!”
เจียงเหยียนเหยียบบนตัวของหยางเฉินเอาไว้ หัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ไอ้หนุ่ม เมื่อกี้แกไม่ใช่ยังโอหังมากนักเหรอ? นึกไม่ถึงอยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งแดนนภา ยังกล้าอวดดีขนาดนี้ ตอนนี้เอาต่อสิ!”
หยางเฉินเงยหน้า มองเจียงเหยียนอยู่ ทันใดนั้นหัวเราะออกมาแล้ว
มุมปากเขาคือเลือดสดเต็มไปหมด การหัวเราะออกมานี้ ทำให้ในใจของเจียงเหยียน เกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นฉับพลัน
“เฮือก!”
ทันใดนั้น ในปากหยางเฉินพ่นเลือดออกมา เห็นเพียงดาบเลือดสองเล่ม แทงเข้าดวงตาสองข้างของเจียงเหยียนไปโดยตรง
ใครๆ ก็นึกไม่ถึงทั้งนั้น มาถึงเวลานี้แล้ว หยางเฉินยังกล้าลงมือกับเจียงเหยียน
ส่วนเจียงเหยียนลืมความจริงที่ว่า หยางเฉินฝึกฝนพลังแห่งธาตุน้ำออกมาได้
ก่อนหน้านี้หยางเฉินล้วนใช้พลังแห่งธาตุน้ำ นำธาตุน้ำรวมตัวเป็นรูปร่างต่างๆ วันนี้ใช้เลือดก่อตัวเป็นดาบ ก็ยังเป็นครั้งแรก
“อ๊าก……”
ดาบเลือดแทงเข้าในดวงตาของเจียงเหยียน ตามมาด้วย เสียงร้องโหยหวนอันน่าเวทนา ดังไปทั่วทั้งจวนมู่แล้ว
“อ๊าก……ตาของฉัน! ดวงตาฉัน! ท่านเหอ ฆ่ามันให้ผม ฆ่ามันเลย อ๊าก……”
เจียงเหยียนกุมดวงตาทั้งสองของตนเองเอาไว้ ร้องคำรามเสียงดัง
ท่านเหอนึกไม่ถึงเช่นกันว่าหยางเฉินจะพ่นดาบเลือดออกจากปาก
เห็นดวงตาของเจียงเหยียนถูกแทงจนบอด บนหน้าของเขา มีความรู้สึกโกรธปรากฏขึ้น
เจียงเหยียนเป็นหนึ่งในญาติสายตรงคนสำคัญของตระกูลเจียง เขาในฐานะผู้พิทักษ์ของเจียงเหยียน คือต้องคุ้มครองเจียงเหยียนเดินไปถึงวิถีบู๊ชั้นยอดในแต่ละก้าว
ปัจจุบันนี้ ที่โลกทั่วไป เจียงเหยียนถูกคนแทงจนตาบอดอยู่ต่อหน้าเขา สำหรับเขานั้น นี่คือความอัปยศอดสูเลยทีเดียว
“แกรนหาที่ตาย!”
ท่านเหอตะคอกมาทีหนึ่ง พอขยับเท้า ก็กระโจนไปทางหยางเฉินทันที ฝ่ามือหนึ่ง ตบลงยังศีรษะของหยางเฉิน