ตอนที่ 1977 อยู่ต่อไป!
ก่อนสิ้นใจ สีหน้าซูมู่หานยังฉายแววซาบซึ้ง ละอายใจ ไม่รู้สึกสักนิดว่าความตายจะมาเยือนอย่างปุบปับ

การตายเช่นนี้ อาจเป็นสิ่งที่ตัวเขาเองก็ไม่ได้คาดเดาไว้ล่วงหน้า

การตายเช่นนี้ ทำให้ความแค้นของหลินสวินคุโชนดุจเพลิงโหมเช่นกัน

ลู่ตู๋ปู้ที่อยู่ข้างกันอึ้งไป สีหน้าเปลี่ยนไปมา เสื้อผ้าทั้งชุดถูกเหงื่อเย็นชุ่มโชก เห็นซูมู่หานตายอนาถลาโลกไป ในใจเขาพลันปรากฏความสะพรึงกลัวขึ้นมา

นี่…

มันเรื่องอะไรกันแน่

ก็เห็นข่งเจายิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า “เจ้าดูสิ เสียงปึงคราเดียว สวะที่เจ้าช่วยก็ตายซะแล้ว รสชาตินี้สะใจมากไม่ใช่หรือ”

เขาวางท่าสบายๆ น้ำเสียงหยอกเย้า ผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ที่อยู่ใกล้ๆ เขาล้วนสั่นเทิ้มทั้งตัว พวกเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าวิธีการของข่งเจาจะพิสดารและอำมหิตเช่นนี้!

นัยน์ตาดำหลินสวินมีกระแสเย็นประหลาดวาววาบ จับจ้องข่งเจาแล้วกล่าวว่า “ข้าสัญญา จะไม่ให้เจ้าตายง่ายๆ ขนาดนี้แน่!”

ทุกคำทุกประโยค ในความเยือกเย็นเจือความมาดมั่นที่ชวนให้ใจสะท้าน!

ข่งเจาอึ้งไป กล่าวว่า “จินตู๋อี เหตุใดเจ้าไม่กล้าลงมือ ก็แค่ห่วงว่าสวะข้างกายนั่นจะตัวระเบิดภายใต้เสียงปึงคราเดียวด้วยใช่ไหม”

หลินสวินนิ่งเงียบไป

เขาห่วงความปลอดภัยของลู่ตู๋ปู้จริงๆ

จู่ๆ ลู่ตู๋ปู้ก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เอ่ยอย่างจริงจังว่า “พี่จิน เดิมทีข้าก็ไม่มีคุณสมบัติอะไรไปขอให้ท่านช่วยอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ข้าแค่อยากขอร้องเจ้าสักเรื่อง”

ในใจหลินสวินผุดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา เอ่ยว่า “เรื่องอะไร”

“อยู่ต่อไป!”

ลู่ตู๋ปู้เอ่ยเน้นทีละคำ สามคำนี้ถูกเขาพูดอย่างหนักเน้น สีหน้าก็จริงจังและเคร่งขรึมมากเช่นกัน

ข่งเจาหัวเราะเยาะขึ้นมา พวกพ้องข้างกายเขาก็หัวเราะขึ้นมาเช่นกัน ยังคิดจะให้จินตู๋อีอยู่ต่อไปหรือ

เป็นไปได้หรือ

มีเพียงในใจหลินสวินที่สั่นสะท้าน เข้าใจความหมายของลู่ตู๋ปู้

ในดวงตาลู่ตู๋ปู้มีประกายบ้าคลั่งเสี้ยวหนึ่งไหลเวียน “พี่จิน หากครั้งนี้เจ้าประสบเคราะห์จากเจ้าสวะพวกนี้เพราะข้ากับซูมู่หาน ถึงข้าจะตายไป ในใจก็คงละอายหาใดเปรียบแน่!”

สวบ!

เขาพุ่งพรวดออกไป ร่างกายเปล่งแสง ทั้งตัวแผ่จิตต่อสู้เสียดฟ้า ประหนึ่งอาทิตย์ดวงใหญ่ที่ลุกโหม พุ่งเข้าใส่ข่งเจา

หลินสวินเงยหน้าขึ้นมองดูลู่ตู๋ปู้ที่กระโจนออกไป นัยน์ตาดำประหนึ่งหุบเหวก็ผุดแววเจ็บปวดและขมขื่นขึ้นมา

เขาและลู่ตู๋ปู้ต่างรู้ดี นี่คือเงื่อนตายอย่างหนึ่ง

ตั้งแต่ต้น ชีวิตของลู่ตู๋ปู้และซูมู่หานก็ถูกควบคุมอยู่ในมือข่งเจาแล้ว หมายจะหลุดพ้น…

มีแต่ตายสถานเดียว!

เพียงแต่ใครจะเต็มใจเลือกความตายกันเล่า

สองมือของหลินสวินกำแน่นอย่างเงียบๆ ข้อนิ้วเริ่มซีดขาวทีละนิ้ว

“ไม่รู้ดีชั่ว”

ไกลออกไปนัยน์ตาของข่งเจาวาบแววดูแคลนชัดแจ้ง ปากเอ่ยคำสาปลับที่แปลกพิกลและคลุมเครือออกมา

ปึง!

ชั่วขณะนี้ลู่ตู๋ปู้ประดุจแสงที่แสบตาที่สุด เจิดจรัสที่สุด ร่วงหล่นเลือนสลัวจากกลางฟ้า หยาดเลือดนั่นงามหม่นจนทำให้คนใจสลาย

“อยู่ต่อไป!”

ก่อนตายเขายังคงตะโกนลั่น เสียงดังสะท้อนฟ้าดิน

“แมลงเม่าบินเข้ากองไฟก็ไม่พ้นเป็นเช่นนี้แหละ”

ข่งเจายิ้มอย่างสนุก เขาหันสายตามองไปทางหลินสวินที่อยู่ไกลๆ “จินตู๋อี รู้สึกว่าตัวเองไร้สามารถ ไร้กำลังมากใช่หรือไม่”

ผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ใกล้ๆ ล้วนหัวเราะผสมโรง

ฟุ่บ!

หลินสวินเงยหน้าขึ้น สายตากวาดมองทั่วลาน สุดท้ายก็มองไปยังจุดที่ลู่ตู๋ปู้ร่วงหล่น กล่าวเสียงเบา

“พี่ลู่ พี่ซู ข้าชื่อหลินสวิน ไม่ได้บอกชื่อข้ากับพวกเจ้าตอนที่พวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ข้านึกเสียใจจริงๆ…”

เสียงต่ำลึกเจือแววเศร้าสลดไม่รู้สิ้น

อะไรนะ

ทันใดนั้นพวกข่งเจาต่างอึ้งไป จากนั้นก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง ล้วนเผยแววไม่ยากเชื่อ

หลินสวิน?

ใช่เจ้าคนที่ก่อเรื่องใหญ่ในแหล่งสถานคุนหลุนปีนั้นหรือไม่

นี่…

เป็นไปได้อย่างไร?!

ไม่รอให้พวกเขาทำความเข้าใจ จู่ๆ พลันรู้สึกเพียงทั่วร่างหนาวสะท้าน ก็เห็นหลินสวินที่อยู่ไกลๆ ทอดสายตามองมา

เพียงแต่แววตานั่นเปลี่ยนเป็นเฉยชาและไร้ปรานี ปราศจากคลื่นอารมณ์ ดุจดั่งเหวใหญ่ที่ลึกล้ำ เลือกคนและกลืนกิน!

“ลงมือ!”

ข่งเจาตะโกนลั่น เรียกทวนใหญ่สีทองอร่ามเล่มหนึ่งออกมา พลังขับเคลื่อนรอบกายอึงอล ท่าทางดุจเทพสวรรค์มาเยือนโลก

“ฆ่า!”

พวกเหลยเฟิงเชวียออกโจมตีพร้อมกันโดยไม่ลังเล พวกเขาก่อนหน้านี้ดูเหมือนชมละครสนุกและไม่ได้ใส่ใจ แต่ความจริงเตรียมพร้อมโจมตีนานแล้ว

เมื่อคำสั่งจากข่งเจามาถึง พวกเขาต่างล้วนเคลื่อนไหว

ตูมโครม…

กระบี่บิน ดาบศึก ประทับมรรค เตากระถาง… สมบัติชั้นยอดที่วิเศษอัศจรรย์ต่างทะยานฟ้า แสงเคลื่อนไหวหลากสีสัน แปลงเป็นอานุภาพน่าสะพรึงต่างชนิดพร่างพรมลงมา

ขณะเดียวกันยังมีวิชามรรคที่พลังเข่นฆ่าสะเทือนโลกสารพัดตัดสลับไปมา ประหนึ่งแผ่ครอบฟ้าดิน ปกคลุมเข้าใส่หลินสวิน

คนพวกนี้ล้วนเป็นผู้สืบทอดแกนหลักเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ หากไล่อ่านกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ ก็สามารถหาชื่อของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย แต่ละคนคมประกายเจิดจ้า พลังต่อสู้สะเทือนโลก เป็นบุคคลชั้นนำเลื่องระบือในหมู่คนรุ่นเดียวกัน

โดยเฉพาะข่งเจา ยิ่งเป็นอันดับห้าในกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ ปีศาจแห่งยุคที่รู้จักกันทั่วหล้าคนหนึ่ง!

เวลานี้พวกเขาโจมตีเต็มกำลัง อานุภาพระดับนั้นล้วนสามารถซัดสังหารกึ่งจักรพรรดิได้อย่างง่ายดาย!

ฟ้าดินผืนนี้สะเทือนไหว สิบทิศล้วนสั่นโคลง ภูผาธาราต้นไม้ใบหญ้าแถวนั้นแหลกละเอียด กลิ่นอายประหนึ่งล้างผลาญย่อยยับ ปรากฏลักษณ์ประหลาดน่าสะพรึงต่างๆ มากมาย

ยิ่งมีเสียงมรรคปลุกเร้าดังสนั่นกึกก้อง!

หลินสวินไม่ได้เบี่ยงหลบ ไม่ได้ถอยร่น ความแค้นและโทสะที่ปะทุเหมือนหินหนืดภายในใจ ระเบิดทะลักเหมือนน้ำท่วมเขื่อนแตกนานแล้ว

ตูม!

เขาพุ่งเข้ารับ ผมดำพลิ้วไสว รอบกายเปล่งแสงเจิดจ้าแสบตา มีปราณกระบี่สีขาวคลุมเครือไร้สิ้นสุดไหลเวียนอยู่รางๆ

นั่นคือรูปลักษณ์ที่ถูกกระตุ้นถึงขีดสุดของกายมรรคทองขาว!

และด้านหลังหลินสวิน เขตแดนมรรคที่ประหนึ่งแดนแรกกำเนิดแถบหนึ่งเหมือนม่านราตรีนิรันดร์ ครอบฟ้าบังตะวัน ประหนึ่งหมายจะกลืนกินเวิ้งฟ้าแถบนี้!

ปึง!

กระถางใหญ่สำริดที่ลอยเข้ามา ยังไม่ทันเฉียดใกล้ก็จมสู่พลังของเขตแดนแรกกำเนิด ประหนึ่งจมปลักโคลน

จากนั้นกระถางใหญ่ที่อานุภาพแข็งแกร่งเก่าแก่ใบนี้ก็ถูกบดขยี้แหลกเหมือนกระดาษเปื่อย แตกระเบิดไม่เหลือชิ้นดี

ผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์คนหนึ่งที่อยู่ไกลๆ กระอักเลือดออกมาฉับพลัน สีหน้าหวาดหวั่น

ที่ตามมาติดๆ คือ…

สมบัติ วิชามรรคที่โจมตีเข้ามานับไม่ถ้วนล้วนถูกเขตแดนประดุจแรกกำเนิดกดทับ ประหนึ่งพบเจอการจองจำ จมสู่ภาวะชะงักค้าง ไม่สามารถเฉียดใกล้

ไม่เพียงเท่านี้ ยังถูกเขตแดนแรกกำเนิดใช้อานุภาพบดขยี้อันน่าสะพรึงกลืนกินอีกด้วย!

ชั่วขณะเดียวเสียงระเบิดดังไม่ว่างเว้น

“นี่…”

“เป็นไปได้อย่างไร!?”

“รีบลงมือเต็มกำลังเร็ว!”

เสียงร้องอุทานตกใจปนเดือดดาลมากมายดังขึ้น ไม่มีใครคาดคิด หลินสวินที่อยู่ภายใต้การล้อมกรอบ พลังต่อสู้ถึงกับน่ากลัวและพลิกฟ้าขนาดนี้

ประหนึ่งเขาเทพดึกดำบรรพ์ที่ดิบเถื่อนผิดธรรมดาลูกหนึ่งพาดขวาง ทุกที่ที่กวาดผ่านล้วนไม่มีสิ่งใดต้านทานได้!

“ฆ่า!”

คนผู้หนึ่งส่งเสียงคำราม โบกสะบัดกระบี่มรรคฟันฉับลงมา ปราณกระบี่แน่นขนัด กฎเกณฑ์ไหลเวียน ความยิ่งใหญ่ของอานุภาพสามารถทำให้เทพผีล้วนตกใจ

นี่คือไพ่ตาย เป็นการโจมตีแบบทุ่มสุดตัว

หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง งอนิ้วกดออกไป ปากเอ่ยคำหนึ่งออกมาเบาๆ

“ตาย”

ปัง!

คนผู้นั้นรวมถึงปราณกระบี่ที่ฟันออกมา ล้วนถูกพลังดรรชนีเจิดจ้าสายหนึ่งโจมตีกระจุย แขนขาทั่วร่างแยกกระจาย ละอองเลือดสาดกระเซ็น

เพิ่งจะเริ่มต่อสู้เท่านั้น ผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์คนหนึ่งก็ถูกโจมตีตายคาที่!

ภาพนี้ทำให้เปลือกตาข่งเจากระตุก สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่น่าดู คนอื่นๆ ต่างก็เดือดดาลยิ่งยวด ไอสังหารพวยพุ่ง

“เจ้าสารเลว!”

หญิงชุดหลากสีพุ่งพรวดเข้ามา เรียกประทับมรรคสีทองทรงเหลี่ยมอันหนึ่งออกมา คละคลุ้งด้วยกลิ่นอายมรรคจักรพรรดิ ปรากฏแผนภาพสายฟ้ารูปหนึ่ง ในแผนภาพดุจดั่งมีเทพอสนีที่ตัวเป็นคนหัวเป็นนก แผ่กลิ่นอายเข่นฆ่าล้างผลาญไร้สิ้นสุด

นี่คือสมบัติจักรพรรดิมรรคอสนีชิ้นหนึ่ง!

หลินสวินพลิกฝ่ามือ ขณะเดียวกันก็เรียกประทับมรรคสำริดชิ้นหนึ่งออกมา ไม่สะดุดตาสักนิด แต่ตอนที่มันปรากฏขึ้น กลับผุดลักษณ์น่าสะพรึงประหนึ่งทำลายโลกออกมา

มีกลุ่มดาวแตกละเอียด มีสุริยันจันทราแหลกเป็นจุณ มีภูผาธาราพังถล่ม มีหมื่นวิญญาณสิ้นชีพ… ลักษณ์ประหลาดสารพัดสุดท้ายก็ควบรวมเป็นอักษรมรรคเก่าแก่สองตัว…

ไร้ชีพ!

ใต้มหามรรค มีตายไร้ชีพ!

ตูม…

ประทับสมบัติมรรคจักรพรรดิสองชิ้นชนกระแทก ฟ้าสั่นไหวดินสะเทือน จักรวาลพลิกตลบ

สิ่งที่ทำให้หญิงชุดหลากสีหวาดผวาคือ ไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของนาง ประทับอสนีมรรคจักรพรรดิสีทองชิ้นนั้น ถึงกับถูกกดกำราบอย่างสิ้นเชิง ส่งเสียงระงมปั่นป่วนในการปะทะ สุดท้ายก็หลุดจากการควบคุมของนาง ถูกกระแทกกระเด็นออกไปอย่างแรง

“ไม่!”

หญิงชุดหลากสีกรีดร้อง คิดเผ่นหนีเหมือนเสียสติ

แต่มีหรือนางจะหนีรอด เรือนร่างเพรียวบางอรชรถูกประทับมหามรรคไร้ชีพกระแทกคราหนึ่ง ถูกชนจนกลายเป็นกองเลือด จิตดั้งเดิมล้วนถูกอัดระเบิด

และเวลานี้หลินสวินบุกสังหารไปทางอีกคนนานแล้ว

เงาร่างเขาอาบไล้อยู่กลางเขตแดนแรกกำเนิด ประหนึ่งเทพมารย่างกราย ทุกที่ที่ผ่าน ห้วงอากาศ ฝุ่นละออง ประกายแสง… ล้วนถูกกลืนกินเกลี้ยง

และจนกระทั่งเวลานี้ ยังไม่เคยมีการโจมตีใดสามารถทะลวงเขตแดนแรกกำเนิดได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไปทำร้ายหลินสวิน

“ขะ… เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นได้อย่างไร”

มีคนใจสะท้าน ร้องลั่นออกมา

เวลานี้แม้แต่ข่งเจายังเผยแววไม่อยากเชื่อออกมา สีหน้าเขียวคล้ำไม่น่าดู

เขารู้ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้คนนี้ดี หาไม่พวกจู่เฟยอวี่ ถูเชียนเจวี๋ย เยียนอวี่โหรวคงไม่มีทางถูกโจมตีจนแตกพ่ายไปแน่

แต่ข่งเจาก็เชื่อมั่นในพลังต่อสู้ของตนหาใดเปรียบเช่นกัน หนำซ้ำตอนมุ่งหน้ามาเขตต้องห้ามเซียนโบราณครั้งนี้ เขายังพกของรักษาชีวิตและไพ่ตายเยอะแยะมากมายมาด้วย

เดิมคิดว่าครั้งนี้พวกเขาคนมากย่อมได้เปรียบ สามารถสังหารหลินสวินได้ง่ายๆ

แต่ใครจะคาดคิด ตอนที่ต่อสู้กันจริงๆ ข่งเจาถึงเพิ่งพบว่า ตนยังประเมินคู่ต่อสู้คนนี้ต่ำไป!

“ฟัน!”

ข่งเจาไม่ยินยอม บันดาลโสะอย่างสิ้นเชิง โบกควงทวนใหญ่สีทองฟันไปทางหลินสวิน

หลินสวินเงื้อหมัดซัดปะทะตรงๆ

ตูม!

ท่ามกลางเสียงกระแทกสะเทือนฟ้าดิน เงาร่างข่งเจาโคลงเคลงซวนเซถอยร่น มือขวาชาระบม หากไม่ใช่เพราะสลายพลังเต็มที่ ทวนใหญ่สีทองเล่มนั้นก็เกือบจะลอยหลุดจากมือแล้ว

เพียงการโจมตีนี้เท่านั้น ทำให้ข่งเจาเข้าใจเรื่องหนึ่งอย่างสิ้นเชิง ภายใต้สถานการณ์หนึ่งต่อหนึ่ง ด้วยพลังต่อสู้ของตนไม่มีทางรับมือคู่ต่อสู้ไหวอย่างแน่นอน!

นี่ทำให้ในใจเขาหวาดผวา ยากจะสงบเยือกเย็น

พอเห็นว่าหลินสวินบุกเข้ามา ข่งเจาก็กัดฟันทันที เหนือศีรษะปรากฏกระบี่บินสีเขียวที่ยาวเพียงสามชุ่นเล่มหนึ่ง

บนกระบี่บินสลักคำว่า ‘น้ำค้างใส’

ทันทีที่ปรากฏ ปราณกระบี่น่าสะพรึงสะเทือนฟ้าดินวูบหนึ่งพลันแผ่กว้าง กดดันจนห้วงอากาศใกล้เคียงล้วนแตกระเบิดโครมคราม

กระบี่น้ำค้างใสนี่เป็นกระบี่จักรพรรดิชิ้นหนึ่ง!

สวบ!

ครู่ถัดมามันก็ปรากฏอยู่เหนือศีรษะหลินสวินในฉับพลัน ฟันลงมาในคราเดียว มองข้ามพื้นที่ห้วงอากาศที่ขวางกั้นโดยสิ้นเชิง

แต่ไม่รอให้ข่งเจาดีใจ ก็เห็นกระบี่น้ำค้างใสนั่นกลับปรากฏอาการชะงักค้าง ถูกเขตแดนประหนึ่งแรกกำเนิดรอบตัวหลินสวินสกัดเอาไว้ในพริบตา

ลูกตาข่งเจาแทบจะหลุดออกมา จวนจะเสียสติ

นั่นเป็นถึงกระบี่จักรพรรดิที่แท้จริงเล่มหนึ่ง เป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งในเรือนมรรคดึกดำบรรพ์มอบให้ สามารถฆ่าเทพผี ฟันตัดอานุภาพจักรวาล

แต่ตอนนี้กลับถูกเขตแดนมรรคของอีกฝ่ายต้านไว้ได้!

ถึงแม้จะต้านไว้ได้ชั่วอึดใจ ก็เห็นชัดว่าน่าเหลือเชื่อเกินไป ใครจะกล้าเชื่อ บนโลกนี้มีมกุฎราชันอริยะคนไหน ที่สามารถใช้มรรควิถีแห่งตนต้านการเข่นฆ่าของกระบี่จักรพรรดิเอาไว้ได้บ้าง

……………………………….