ตอนที่ 3679

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 3679 : ข้าจะพยายาม

 

ต้วนหลิงเทียนถึงกับยืนอึ้งไปพักหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงดังระงมจากด้านนอก

 

และฟังจากบทสนทนาของคนด้านนอก เขาก็รู้เจตนาการมาของพวกมันทันที ที่ทุกคนมาเฝ้ารอกันเกินสิบวันครึ่งเดือนแบบนี้ ล้วนมีเหตุผลเดียวกัน…ชวนเขาไปพบเจออาจารย์หรือผู้อาวุโสของพวกมัน!

 

อาจารย์และผู้อาวุโสของพวกมัน คิดรับตัวเขาเป็นศิษย์

 

“หรือข้าจะเปิดค่ายกลอีกรอบดี?

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความคิดดังกล่าว ก็มีเสียงอุทานโพล่งดังจากด้านนอก “เฮ ดูนั่นเร็ว! ต้วนหลิงเทียนปิดค่ายกลแล้ว!!”

 

“จริงด้วย!!”

 

“ศิษย์น้องต้วนหลิงเทียน ข้าเป็นศิษย์คนที่ 2 ของอาวุโสสูงสุดแห่งนิกายหมอกเร้นลับ หวงผิงอี้ และอาจารย์ของข้าให้ข้ามาเชิญเจ้าไปเป็นแขกยังสถานที่พักบ่มเพาะของท่าน!”

 

“ต้วนหลิงเทียน ข้าคือศิษย์เอกของผู้พิทักษ์ หลิวก่วนเซียงแห่งนิกายหมอกเร้นลับ วันนี้ข้าเองก็มาในนามผู้พิทักษ์หลิวกวนเซียงอาจารย์ของข้า เพื่อเชิญเจ้าไปเป็นแขกจิบชาสนทนากับท่านอาจารย์!”

 

ด้านนอกพบว่าค่ายกลปิดกั้นรอบๆบ้านพักต้วนหลิงเทียนหายไป พวกมันก็ไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยซ้ํา เร่งตะโกนเสียงดังวุ่นวายกันใหญ่

 

อาวุโสสูงสุด?

 

ผู้พิทักษ์?

 

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกตกใจอยู่บ้าง

 

ต้องทราบว่าในนิกายหมอกเร้นลับแห่งนี้ ชนชั้นผู้อาวุโสสูงสุดไม่ได้มีมากมายอะไร และสถานะของผู้อาวุโสสูงสุดแต่ละคนก็สูงกว่าอาวุโสหลักทั้ง 19 คนรวมถึงอาวุโส 2 แห่งนิกายหมอกเร้นลับมาก

 

นอกจากนั้น ผู้พิทักษ์ทั้ง 19 คนเอง ก็มีสถานะเหนือกว่าอาวุโสหลักเช่นอาวุโส 2 เสียอีก เรียกว่าฐานะพอๆกันกับรองประมุขนิกายเลย

 

ในบรรดาผู้พิทักษ์อาวุโส ยังมีบางคนที่มีฐานะเหนือกว่าประมุขนิกายหมอกเร้นลับคนปัจจุบันเสียอีก!

 

และตัวตนเหล่านั้นก็คือผู้แข็งแกร่งที่สุดของนิกายหมอกเร้นลับแล้ว

 

ทว่าตอนนี้ตัวตนระดับอาวุโสสูงสุดกับผู้พิทักษ์กลับส่งคนมาเฝ้ารอเพื่อเชิญเขาไปพบ? แถมที่เรียกไปพบก็ไม่พ้นหมายรับเขาเป็นศิษย์?

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะล่วงรู้วัตถุประสงค์ในการเชิญเขาของทุกคน แต่เขาก็อดแปลกใจไม่ได้จริงๆ

 

เขาคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้เผยความสามารถที่น่าฟังอะไรมากมาย แต่ไม่คิดเลยว่าอาศัยพลังระดับปลายยอดของภูเขาน้ําแข็งที่เขาเผยออกไป จะยังดึงดูดระดับสูงๆของนิกายหมอกเร้นลับขนาดนี้

 

พวกมันถึงกับส่งศิษย์มาเฝ้าหน้าบ้านเขา เพื่อรอเชิญเขาไปเป็นแขก!

 

แอ๊ด…

 

สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้เปิดค่ายกลอีกครั้งแต่อย่างใด ทว่าเลือกจะเปิดประตูแล้วก้าวออกมาจากบ้านปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนที่เฝ้ารอ

 

“ฮา! ศิษย์น้องต้วนออกมาแล้ว!”

 

“ศิษย์น้องต้วนหลิงเทียน ข้าชื่อหรู่ฉงเป็นลูกชายของอาวุโสสูงสุด หรู่เหอ ท่านพ่อของข้าอยากรับเจ้าเป็นศิษย์ เจ้าลองพิจารณาดูก่อนดีไหม? และท่านพ่อยังฝากข้ามาบอกเจ้าอีกว่าขอเพียงเจ้าเต็มใจเข้าสํานักของท่านพ่อ ท่านพ่อจะไม่ละเลยเจ้าเด็ดขาด กระทั่งยังจะดูแลส่งเสริมเจ้าอย่างดีถึงขั้นที่ลูกชายแท้ๆอย่างข้าต้องอิจฉาเชียว!”

 

“ต้วนหลิงเทียน ข้าคือศิษย์คนที่ 2 ของอาวุโสสูงสุด หลิวกุ้ย เรียกว่า เหอไช่ ท่านอาจารย์ข้าก็ตั้งใจรับเจ้าเป็นศิษย์เช่นกัน อีกทั้งท่านอาจารย์ยังได้เตรียมโอสถเสริมโชคไว้ให้เจ้าเป็นของขวัญแล้ว!”

 

“ศิษย์น้องตวน ข้าคือศิษย์คนที่ 4 ของผู้พิทักษ์ จ้าวปู่อี้ เรียกว่า โอวหยางเฉวียน ท่านอาจารย์ของข้ากล่าวไว้ว่า หากเจ้ายินดีเข้าสํานักของท่านอาจารย์ล่ะก็ ท่านอาจารย์จะหาโอสถเสริมโชค 9 เม็ดให้เจ้าภายใน 1 ปี เพื่อให้เจ้าทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพทันที!”

 

ชายหนุ่ม ชายวัยกลางคน มีแม้แต่ศิษย์สตรี 2-3 คนที่มารวมกันด้านนอกบบ้านต้วนหลิงเทียน พอเห็นต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวก็เร่งกล่าวเชิญต้วนหลิงเทียนไปเป็นแขกทันที

 

และเมื่อมีบางคนเอ่ยข้อเสนอชักชวนต้วนหลิงเทียนออกมา เหล่าผู้ที่รอดูท่าทีก็ไม่อาจรอช้า เร่งกล่าวข้อเสนอเชื้อเชิญต้วนหลิงเทียนให้ไปเป็นแขกทันที

 

กระทั่งบางคนยังจงใจเพิ่มของขวัญเอาเองอีกด้วย

 

บางคนถึงกับบอกว่า จะรวบรวมโอสถเสริมโชคให้ต้วนหลิงเทียนถึง 9 เม็ดภายในครึ่งปีเพื่อเกทับคนที่เสนอหนึ่งปี! และข้อเสนอดังกล่าวก็ทําให้ต้วนหลิงเทียนหวั่นไหวอยู่บ้าง แน่นอนว่าก็แค่ใจเต้นรัวขึ้นมาเท่านั้น…

 

“ศิษย์พี่ทั้งหลาย…”

 

ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจกล่าวคําเพื่อจัดการแย่งกันยื่นข้อเสนอของทุกคน “ข้าต้วนหลิงเทียนเข้ามายังนิกายหมอกเร้นลับแห่งนี้ ไม่ได้มีเจตนาจะกราบผู้ใดเป็นอาจารย์ ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดหรือผู้พิทักษ์ ความหวังดีของทุกท่านข้าขอรับไว้ด้วยใจ ต้องลําบากทุกท่านกลับไปขอขมาท่านผู้อาวุโสสูงสุดและ ท่านผู้พิทักษ์ที่เป็นอาจารย์ของพวกท่านแล้ว”

 

“ข้าเข้ามายังนิกายหมอกเร้นลับ มีจุดมุ่งหมายเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือเร่งพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะได้เข้าสู่นิกายจ้าวมังกรเท่านั้น…”

 

พอต้วนหลิงเทียนกล่าวคําออกมา ก็เป็นการปฏิเสธทุกคน ณ ที่นี้ทันที “เช่นนั้น ข้าเกรงว่าคงทําให้ทุกท่านต้องเสียเวลารออย่างเปล่าประโยชน์แล้ว..ต้องขออภัยศิษย์พี่ทุกท่านจริงๆ”

 

พอกล่าวจบคํา ต้วนหลิงเทียนก็ป้องมือประสานทั้งโค้งตัวเล็กน้อยอย่างสุภาพมากมารยาท

 

หลายคนเห็นดังนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย ก่อนจะป้องมือพลางเขย่าเบาๆที่หนึ่ง ค่อยเห็นร่างจากไป

 

ยังมีหลายคนที่ไม่คิดตัดใจง่ายๆ และหมายเจรจาข้อเสนอกับต้วนหลิงเทียน อนิจจาทั้งหมดถูกลิขิตให้ผิดหวัง

 

สุดท้าย ก็เหลือไม่กี่คนที่ติดตามต้วนหลิงเทียนไปยัง “ตําหนักกิจการฝ่ายใน” ของนิกายหมอกเร้นลับฝ่ายในเพื่อไปชมดูอันดับการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์

 

และไม่มีข้อผิดพลาดอะไร ต้วนหลิงเทียนได้รับอันดับ 1 ของศิษย์สายในขอบเขตเทพ

 

อันที่จริงไม่ว่าใครก็ตาม ขอเพียงติดตามการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ย่อมรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนต้องได้อันดับที่ 1 ในบรรดาศิษย์สายในขอบเขตเทพแน่นอน

 

สุดท้ายแล้ว การขึ้นไปถึงขั้นที่ 9 ของบันไดสวรรค์ ก็ไม่มีศิษย์สายในขอบเขตเทพคนไหนในนิกายหมอกเร้นลับทําได้มานานแล้ว

 

“นั่นต้วนหลิงเทียนนี่!”

 

“หืม? คนนั้นน่ะหรือต้วนหลิงเทียนที่ร่ําลือกัน ผู้ชนะเลิศอันดับ 1 ของการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์สําหรับศิษย์สายในขอบเขตเทพ?”

 

“ใช่ เป็นมัน! เห็นว่าตอนนี้มันยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปีด้วยซ้ํา ได้รับการแนะนําจากรองประมุขมู่หรงสุยเฟิงให้เข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับของพวกเราก่อนกําหนด

 

“ยากนักที่จะเห็นผู้ใดได้รับคําแนะนําจากท่านรองประมุขมู่หรงเช่นนี้…กล่าวไปท่านรองประมุขมู่หรงก็ไม่เคยใช้สิทธิ์แนะนําผู้ใดมานานมากๆแล้ว แต่ทุกครั้งที่ออกปากก็ล้วนเป็นตัวตนที่มีความสามารถระดับแนวหน้าของนิกายหมอกเร้นลับเราทุกที่”

 

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว! ข้าบอกเลยว่าในนิกายหมอกเร้นลับแห่งนี้ นอกจากเหล่าอาวุโสสูงสุดกับท่านประมุขแล้ว ผู้ที่ข้าชื่นชมมากที่สุดก็คือท่านรองประมุขมู่หรงสุยเฟิง!!”

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนมาถึงตําหนักกิจการฝ่ายใน ก็มีเหล่าศิษย์สายในหลายคนที่จดจําเขาได้ ทําให้บริเวณโดยรอบพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

 

และหลังจากได้ยินเสียงสนทนาเซ็งแซ่ไปสักพัก ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่า มู่หรงสุยเฟิง เป็นรองประมุขที่มีผู้คนนับหน้าถือตาไม่น้อย เรียกว่ามีชื่อเสียงดีงามจนหลายๆคนให้การเคารพนับถือ

 

“ศิษย์พี่ทุกท่าน พอมีใครจะบอกข้าได้บ้าง ว่าของรางวัลการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ต้องไปรับที่ไหนหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะประสานมือกล่าวถามทุกคนอย่างสุภาพ จากนั้นก็มีศิษย์หลายคนเร่งกล่าวตอบอย่างกระตือรือร้น ไม่เพียงจะชี้ทางเท่านั้น ยังมีศิษย์มากอัธยาศัยแลดูเป็นคนตลกคนหนึ่ง อาสานําพาต วนหลิงเทียนไปยังโต๊ะบริการมอบของรางวัลอีกด้วย แถมมันยังป่าวประกาศขอทางอย่างนอบน้อมระคนยียวน จนศิษย์ที่ต่อแถวอยู่พากันหลีกทางด้วยเสียงหัวเราะ ทําให้ต้วนหลิงเทียนได้รับของรางวัลจากการแข่งขันไต่บัน ไดสวรรค์ในเวลาอันสั้น

 

โอสถเสริมโชค!

 

ต่วนหลิงเทียนเมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว ก็คิดกลับบ้านพักทันที

 

หากทว่าทันใด

 

ง พลันมีคนเรียกทักเขาเสียก่อน “ช้าก่อน ศิษย์น้องต้วนหลิงเทียน!”

 

คนที่รั้งต้วนหลิงเทียนไว้ ก็เป็นศิษย์สายในร่างอ้วนกลมตาหยีแลดูไม่มีพิษมีภัยคนหนึ่ง ขณะกล่าวถามแก้มย้วยๆของมันยังกระเพื่อมจนดึงดูดสายตาผู้คนไม่น้อย “อีกไม่นาน ศิษย์น้องก็ต้องเข้าร่วมการทดสอบประเมินศิษย์หลักแล้ว…มิทราบศิษย์น้องมั่นใจหรือไม่?”

 

“ศิษย์น้องต้องทราบว่าในประวัติศาสตร์ของนิกายหมอกเร้นลับเรา…ศิษย์สายในคนสุดท้ายในขอบเขตเทพ ที่ผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักนั้น ก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อหมื่นปีก่อน!”

 

“และในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา อย่าว่าแต่ศิษย์สายในขอบเขตเทพเลย แม้แต่ศิษย์สายในขอบเขตราชาเทพเอง ก็ไม่มีใครผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักสักคน”

 

พอศิษย์ร่างอ้วนกล่าวถามจบคํา สายตาทุกคู่ก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนทันที

 

เห็นชัดว่าทั้งหมดกําลังรอฟังต้วนหลิงเทียน ว่าจะตอบอย่างไร

 

ต้วนหลิงเทียนที่หันมามองศิษย์ร่างอ้วน ก็คลี่ยิ้มบางๆ “ข้าจะพยายามทําให้ดีที่สุด เพื่อเป็นคนแรกในรอบหมื่นปี..”

 

พอกล่าวจบค่ํา ไม่ทันที่ศิษย์ร้างอ้วนกับศิษย์คนอื่นๆจะได้พูดอะไร ต้วนหลิงเทียนก็ออกจากตําหนักกิจการฝ่ายในไปเสียแล้ว

 

จากนั้นในตําหนักกิจการฝ่ายในก็ดังระงมไปด้วยเสียงฮือฮากันพักใหญ่ “ฟังจากคําตอบของต้วนหลิงเทียน…ดูเหมือนจะมั่นใจมากกระมัง?”

 

“อัยยะ ช่างน่าตื่นเต้นยิ่ง…เกิดต้วนหลิงเทียนผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักขึ้นมาจริงๆ ก็จะกลายเป็นศิษย์สายในขอบเขตเทพที่ผ่านการทดสอบคนแรกในรอบหมื่นปีแล้ว!!”

 

“เฮ่อ ข้าแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย วันทดสอบประเมินศิษย์หลักเป็นพรุ่งนี้เลยได้ไหม?”

 

จากนั้นเรื่องรางในตําหนักกิจการฝ่ายในก็เริ่มแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานศิษย์นิกายหมอกเร้นลับส่วนใหญ่ก็ได้รับทราบถึงความมั่นใจของต้วนหลิงเทียน สําหรับการทดสอบประเมินศิษย์หลักที่จะมาถึงในไม่ช้า

 

“ชายผู้นั้น….มั่นใจถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?”

 

ขณะที่ถังอู่เยียนได้รับทราบข่าว นางก็อยู่กับปู่เล็กของนางพอดี ถังชุนที่ได้ยินคําพึมพําของนาง จึงอดถามออกมาไม่ได้ “มีอะไรหรือ?”

 

และพอถึงชุนได้ยินเรื่องราวจากถังอู่เยียน มันก็อดหัวเราะไม่ได้ “ฮ่าๆๆ…เจ้าหนูนั่น ไม่แน่มันอาจจะผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักจริงๆก็ได้!”

 

“ท่านปู่เล็ก ท่านมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนมากขนาดนั้นเชียวหรือ?”

 

เห็นท่าทีของปู่เล็ก ถังอู่เยียนก็ประหลาดใจไม่น้อย “จากพลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมาจนถึงตอนนี้…ดูเหมือนว่าจะไม่สูงพอทําให้มันผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักกระมัง? นอกเสียจากมันยังปกปิดพลังเอาไว้ได้”

 

“ท่านปู่เล็ก…หรือท่านรู้ว่าที่แท้มันยังปกปิดพลังเอาไว้?”

 

ถังอู่เยียนกล่าวถามด้วยสองตาเป็นประกาย

 

ทว่าด้านถังชุนกลับส่ายหน้าไปมา

 

ถึงแม้วนหลิงเทียนจะถูกมันพาตัวมา แต่เรื่องที่ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้เผยพลังฝีมือทั้งหมดแล้วหรือไม่ มันก็ไม่ทราบเลย

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสนใจในตัวต้วนหลิงเทียนของมัน

 

“เอ้ท่านปู่เล็ก…แล้วไฉนท่านถึงแลดูมั่นใจในตัวมันนักล่ะ?”

 

ถังอู่เยี่ยนถาม

 

“อาจเป็นเพราะเสน่ห์รวมถึงลักษณะท่าทีของมัน…หากเป็นคนอื่นกล่าวคําทํานองนั้น ข้าไม่พ้นต้องคิดว่าหยิ่งผยองถือดี…แต่พอเป็นมันพูดออกมา ข้ารู้สึกว่ามันพูดเพราะความมั่นใจในฝีมือตัวเอง”

 

ถังขุนคลี่ยิ้ม จากนั้นก็มองไปยังถังอู่เยี่ยนด้วยสายตาทะแม่งๆ “เสี่ยวอู่เยี่ยน…ปู่เล็กได้ยินมาว่า วันที่ต้วนหลิงเทียนไปแข่งขันไต่บันไดสวรรค์วันนั้น เจ้าเองก็เหมือนจะเร่งรีบออกไปกระมัง?”

 

“เจ้าใช่ไปที่นั่นเพราะมันโดยเฉพาะหรือเปล่า?”

 

สายตาของถังชุน ทําให้ตั้งอู่เยียนพูดไม่ออกอยู่บ้าง “ท่านปู่เล็ก ข้าไม่ได้ไปเพราะมันเสียหน่อย…เดิมทีข้าเองก็คิดจะไปเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์อยู่แล้ว…และข้าก็คิดจะเข้าไปทันทีหลังมันกลับออกมา ไม่คิดเลยว่าอยู่ๆมันจะไปประลองกับฉือวี่เสียอย่างนั้น”

 

“หลังจากพวกมันประลองกันจบ ข้าก็กลับไปยังบันไดสวรรค์เลยไม่ใช่รึไง!”

 

ยิ่งเห็นถึงอู่เยียนกล่าวคําอธิบายอย่างจริงจังและละเอียดแบบนี้ แววตาของถังชุนยิ่งมาก็ยิ่งแปลกๆมากขึ้นเท่านั้น “เข้าใจแล้วๆ…สาวๆหน้าบางหน่อยก็ดี”

 

พอถึงอู่เยี่ยนได้ยินดังกล่าว นางก็ถึงกับหมดคําจะพูดทันที

 

อย่างไรก็ตาม พอถึงชุนกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ในใจนางก็พลันนปรากฏร่างชาหนุ่มชุดม่วงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…ที่ข้าใส่ใจผู้ชายเช่นนี้?

 

“อีกอย่าง ผู้อื่นเขาก็มีลูกมีเมียอยู่แล้ว…

 

ถังอู่เยียนพยายามลบร่างในชุดสีม่วงในหัว อนิจจายิ่งนางพยายามลบเลือนมากเท่าไหร่ ร่างในชุดสีม่วงนั่นก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นนางก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แถมใจยังเต้นรัวขึ้นมาอีก

 

“ตัวโง่งมฝันละเมอ!!”

 

ด้านถูเฟิงหลังได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนพูดอะไรในตําหนักกิจการฝ่ายใน ใบหน้ามันก็เต็มไปด้วยความชิงยังรังเกียจ “มันคิดว่ามันเป็นใครกัน? ถึงกับกล้าพูดว่าจะเป็นศิษย์สายในขอบเขตเทพคนแรกในรอบหมื่นปีที่ผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลัก?”

 

“ถึงแม้การทดสอบประเมินศิษย์หลักสําหรับศิษย์สายในขอบเขตเทพจะง่ายกว่าบททดสอบสําหรับศิษย์ขอบเขตราชาเทพ แต่นั่นก็ไม่ใช่อะไรที่ตัวตนขอบเขตเทพจะผ่านมันไปได้ง่ายๆ!”

 

“คิดจะเป็นเชวียไห่ชวนคนที่ 2 เช่นนั้นหรือ? ไม่ประเมินตัวเอง!!”

 

ภูเฟิงไม่คิดว่าคนที่อยู่ในรายชื่อ ต้องฆ่า ของมันจะผ่านการทดสอประเมินศิษย์หลักทั้งๆที่ยังมีด่านพลังขอบเขตเทพได้ เพราะตัวมันเองก็เคยเข้าร่วมการทดสอบประเมินดังกล่าวตอนด่านพลังอยู่ในขอบเขตเทพมาแล้ว จึงรู้ดีว่ามันยากเย็นแค่ไหน…