ความหวังสุดท้ายของฟูจิบายาชิมาสะคือการอธิษฐานว่าสาเหตุที่ฟูจิบายาชิโอตะไม่ยอมตอบกลับข้อความ เพราะเขากำลังตามสะกดรอยเย่เฉินอยู่ หรืออาจจะกำลังต่อสู้กับเย่เฉินอยู่

ขอแค่เขายังมีชีวิตอยู่ก็พอ

น้องรองหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาฟูจิบายาชิโอตะทันที

ผลลัพธ์คือในสายโทรศัพท์มีการแจ้งเตือนว่า โทรศัพท์ของอีกฝ่ายติดต่อไม่ได้ เนื่องจากไม่มีสัญญาณ

เหงื่อเย็นของน้องรองไหลออกมาทันที

เขารีบพูดกับฟูจิบายาชิมาสะว่า:”ศิษย์พี่ โทรศัพท์ของโอตะติดต่อไม่ได้…”

“เป็นไปได้ยังไง…”ฟูจิบายาชิมาสะลุกขึ้นทันทีและพูด:”โทรศัพท์ของโอตะเปิดสแตนด์บายไว้ตลอด ทำไมจู่ๆถึงติดต่อไม่ได้…”

สีหน้าของน้องสามตกใจและพูด:”พี่ใหญ่ เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับโอตะแล้วใช่ไหม?”

น้องรองที่อยู่ข้างๆพูดอย่างหนักแน่น:”ต้องเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแน่ๆ! ไม่งั้นโอตะก็คงไม่มีปฏิกิริยาที่ผิดปกติแบบนี้!”

เมื่อพูดจบ เขาก็มองไปที่ฟูจิบายาชิมาสะ:”ศิษย์พี่ พวกเราต้องไปตามหาเขาให้เจอ!”

“ตามหา?”สีหน้าของฟูจิบายาชิมาสะดูแย่มากๆและพูด:”พวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปตามหาเขาได้ที่ไหน ถ้าโอตะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ถึงแม้พวกเราจะตามหาเขาจนเจอ เขาก็อาจจะกลายเป็นศพแล้วก็ได้ ถ้าพวกเราออกไปหาเขาโดยพลการ พวกเรามีความเสี่ยงมากที่จะถูกเปิดเผยตัวตน…”

“พวกเราควรทำยังไงดี?!” น้องสามถามอีกครั้ง:”ศิษย์พี่ พวกเราจะนั่งรอความตายอยู่ที่นี่เหรอ?”

ฟูจิบายาชิมาสะกัดฟันและพูด:”พวกเราไม่ควรนั่งรอความตายอยู่ที่นี่! เอาอย่างนี้ละกัน พวกคุณสองคนลงไปเฝ้าดูเหตุการณ์ที่ชั้นล่าง ฉันจะไปใส่เครื่องดักฟังที่ห้องของคนจีนคนนั้น ถ้าเขากลับมาที่โรงแรม รีบแจ้งฉันทันที”

น้องรองถามอย่างกระตือรือร้น:”ศิษย์พี่ ตอนนี้ไปใส่เครื่องดักฟังยังมีประโยชน์อีกเหรอ? สิ่งที่พวกเราควรทำในตอนนี้คือ ออกไปตามหาโอตะ!”

ฟูจิบายาชิมาสะพูดอย่างเย็นชา:”ถ้าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับโอตะจริงๆ มีเพียงคนจีนคนนั้นที่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน พวกเราควรจับตาดูเขาอย่างใกล้ชิด พวกเราถึงจะมีโอกาสรู้ว่าโอตะอยู่ไหน!”

ขณะพูด ฟูจิบายาชิมาสะก็ถอนหายใจและถาม :”น้องรอง น้องสาม พวกคุณสองคนต้องเตรียมใจไว้ก่อน เพราะโอตะอาจจะลาจากโลกนี้ไปแล้ว…”

สีหน้าของทั้งสองคนแสดงออกถึงความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้ออกมาทันที

พวกเขาเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน ถึงแม้จะไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆ แต่พวกเขาก็เป็นคนของตระกูลฟูจิบายาชิเหมือนกัน และพวกเขาก็เป็นญาติห่างๆกัน พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ฝึกวิชานินจามาด้วยกัน มีความสนิทสนมเหมือนพี่น้องแท้ๆ จู่ๆก็ให้พวกเขาเตรียมใจกับเรื่องนี้ ทำให้พวกเขาสองคนรู้สึกโศกเศร้ามากๆ

แต่คำพูดของฟูจิบายาชิมาสะ มันเป็นความจริง

นาโงยะไม่ได้เป็นเมืองใหญ่มากนัก แต่ก็ไม่ใช่เมืองขนาดเล็ก ด้วยความสามารถของพวกเขาสามคน จะตามหาคนที่หายตัวไปในเมืองแห่งนี้ให้เจอ มันเป็นเรื่องยากมากๆและเป็นไปไม่ได้

เบาะแสเดียวของพวกเขาก็คือชาวจีนคนนั้น ดังนั้นเบาะแสและความจริงทั้งหมดจะปรากฏเมื่อชาวจีนคนนั้นกลับมา

ดังนั้นพวกเขาสามคนจึงแบ่งหน้าที่กัน สองคนลงไปชั้นล่างและจับตาดูสถานการณ์ที่ห้องโถงของโรงแรม ฟูจิบายาชิมาสะแอบเข้าไปในห้องของเย่เฉิน และใส่เครื่องดักฟังหลายๆตัวไว้ในตำแหน่งที่หาเจอยาก

ผ่านไปสิบนาที เฉินจื๋อข่ายกับลูกน้องของเขาคนหนึ่งรวมทั้งหงห้าทั้งหมดสามคน ได้ขับรถแช่แข็งคันหนึ่งมาที่สวนสาธารณะที่เขาอยู่

หลังจากจอดรถที่ด้านนอกของสวนสาธารณะแล้ว เฉินจื๋อข่ายกับหงห้าวิ่งเข้าไปด้านใน เห็นศพที่มีหน้าเขียวจนม่วงยืนอยู่ด้านหน้าของเย่เฉิน และศพนี้ก็อ้าปากใหญ่ๆและกลืนนิ้วเท้าของตัวเองอยู่ ทำให้พวกเขาตกใจจนอ้าปากค้าง!

หงห้าอดไม่ไหวก็เลยถาม:”อาจารย์เย่ เขา…เขาเป็นใครเหรอ?!”

เย่เฉินพูดเบาๆ:”เขาเป็นนินจาของตระกูลทากาฮาชิ”