ตอนที่ 1987 ความเปลี่ยนแปลงของไม้โพธิ์
เปรี้ยงตูม!
บริเวณใกล้ๆ พายุอสนีดุจกระแสเชี่ยว โจมตีและฟาดฟันหน่ออ่อนที่แผ่พลังชีวิตออกมานั้น กลิ่นอายทำลายล้างน่าตกตะลึงหาใดเทียบ
เหล่านี้ล้วนเป็นพลังระเบียบมรรคอสนี เต็มไปด้วยอานุภาพทำลายล้างสูงส่ง!
จักรพรรดิอสนีดับสูญเป็นคนเย่อหยิ่งไร้เทียมทานปานไหน แต่ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดกลับถูกกำราบอยู่ที่นี่มาตลอด แม้แต่สติสัมปชัญญะยังสับสน ไร้พลังสลัดพ้น แค่ก็รู้ว่าระเบียบมรรคอสนีนั้นน่ากลัวเพียงใด
ทว่าพลังชีวิตของต้นอ่อนนั้นกลับรับการฟาดฟันและโจมตีทั้งหมดนี้ไว้ได้!
มันเปล่งประกายใสกระจ่าง คลื่นพลังชีวิตสีเขียวที่ไหลหลั่งออกมาก็เหมือนต้นหญ้าน้อยที่ถูกบดขยี้ไม่หยุดกลางพายุฝนลมคลั่ง เผยความหนักแน่นและดื้อดึงหาใดเทียบ
การจู่โจมที่ประหนึ่งทำลายล้างแต่ละครั้ง ทำให้มันต้องรับการทรมานอันน่ากลัว ทว่าทุกครั้งมันก็จะตั้งตรงขึ้นมาดั่งปาฏิหาริย์!
“ทำลายและเกิดใหม่ ก็เหมือนวัฏจักรความเป็นและความตาย หงส์อาบเพลิงจึงเกิดใหม่ได้ พลังชีวิตของสรรพชีวิตทั่วหล้าก็ซ่อนอยู่ในนัยเร้นลับมหามรรคอสนีนี้”
เสียงของเงาร่างนั้นตื่นเต้น เหมือนกับได้เผยแพร่มรรคถ่ายทอดวิชา “แต่ว่า สายฟ้าสังหารเป็นหลัก ทำลายล้างมรรค หมายจะหาพลังชีวิตในสายฟ้าทำลายล้าง… ยากนัก!”
“เปรียบดั่งผู้ฝึกปราณฝ่าด่านเคราะห์ทะลวงระดับ ภายใต้อสนีเคราะห์เต็มฟ้า ทำให้ผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไรจิตวิญญาณแตกซ่าน ดับสลายโดยสมบูรณ์ท่ามกลางการทำลายล้าง ทว่าขอเพียงฝ่าด่านอสนีเคราะห์ได้ ก็จะทำให้มรรควิถีของตนแปรสภาพโดยสมบูรณ์ราวเกิดใหม่…”
…ในเสียงบรรยายของเงาร่างนั้น หลินสวินมองดูพลังชีวิตของต้นอ่อนที่แปรสภาพและยกระดับภายใต้การทำลายล้างของสายฟ้า ความตระหนักรู้มากมายผุดขึ้นในใจ
เขาเคยฝึกกายมรรคไม้เขียว ครอบครองอภินิหารแห่งความเป็นตายรุ่งโรจน์โรยร่วง ดังนั้นเมื่อเห็นต้นอ่อนที่แปลงมาจากไม้โพธิ์นั้นแปรสภาพ ก็มีการหยั่งรู้ที่แตกต่างออกไป
ส่วนนัยเร้นลับอสนีที่จักรพรรดิอสนีดับสูญกล่าว ก็ทำให้เขาเกิดการรับรู้ต่อการทำลายล้างและเกิดใหม่ในรูปแบบใหม่ทั้งหมด
‘มรรคอสนีแกร่งกล้าอหังการถึงที่สุด ครองพลังสังหาร ดำเนินการทำลายล้าง พลิกเป็นตาย แปรเปลี่ยนนิพพาน… แม้แต่กลิ่นอายด่านเคราะห์ที่ปกคลุมทั่วหล้า ยังใช้พลังอสนีเป็นวิธีลงโทษจากฟ้า…’
เมื่อเสียงนี้ไหวกระเพื่อมในใจหลินสวิน ‘คัมภีร์มหาอสนีดับสูญ’ ที่กลายเป็นรอยประทับนั้นก็ผุดเข้าไปในห้วงนิมิต แปรสภาพเป็นรอยประทับรูปร่างคล้ายสายฟ้า
ตูม!
ชั่วขณะเดียวนัยเร้นลับต่างๆ ที่เกี่ยวกับมรรคอสนีก็ผุดขึ้นในใจหลินสวินราวกับกระแสธาร ทั้งลวดลายมหามรรคที่เกี่ยวข้องกับสายฟ้าต่างๆ ปรากฏการณ์ประหลาดสะท้านโลกที่แปรสภาพมาจากสายฟ้าภาพแล้วภาพเล่า เสียงสายฟ้ากึกก้องกัมปนาทสายแล้วสายเล่า…
ล้วนแปรสภาพเป็นพลังมรดกที่มหัศจรรย์ยากหยั่งถึง ทำให้ทั้งตัวหลินสวินตกอยู่ในสภาวะการหยั่งรู้อันแปลกประหลาด ไม่อาจถอนตัวได้
นี่เป็นยอดคัมภีร์มรรคที่จักรพรรดิอสนีดับสูญสร้างขึ้นด้วยตัวเอง ในนั้นยิ่งมีการหยั่งรู้และประสบการณ์ของจักรพรรดิอสนีดับสูญจวบจนตอนนี้!
ถ้ามีคนที่รู้จักจักรพรรดิอสนีดับสูญ ต้องตกตะลึงสั่นสะท้านกับสิ่งนี้ รู้สึกทำใจเชื่อได้ยาก
เพราะบนทางเดินโบราณฟ้าดาราอันกว้างใหญ่เมื่อนานมากแล้ว มองดูทั่วหล้า จักรพรรดิอสนีดับสูญก็คือมหาจักรพรรดิที่ทั้งโลกยอมรับให้เป็นอันดับหนึ่งในมรรคอสนี!
เขาจองหองอวดดี ความสามารถไร้เทียมทาน ท่องไปทั่วหล้า ถูกยกให้เป็น ‘ยอดจักรพรรดิมรรคอสนี’ ความกล้าแกร่งของพลานุภาพประหนึ่งสุริยันฉายเด่น สร้างตำนานที่สามารถสะท้านนิรันดร์กาลได้ไม่รู้เท่าไร
บุคคลเทียมฟ้าอย่างเขา มีรากฐานพลังที่สามารถตั้งสำนักได้นานแล้ว!
แต่ใครก็รู้ว่าจักรพรรดิอสนีดับสูญหยิ่งผยองยิ่งนัก หยิ่งผยองจนคิดว่าโลกอันยิ่งใหญ่นี้ ไม่มีใครสามารถสืบทอดมรดกวิชาของเขาได้ ดังนั้นจวบจนก่อนเข้ามาในเขตต้องห้ามเซียนโบราณก็ยังไม่เคยรับศิษย์!
แต่ตอนนี้ เพียงเพราะหลินสวินเป็นศิษย์น้องของจวินหวน เขาก็หลอมมรดกวิชาทั้งหมดเข้าไปในรอยประทับหนึ่งและถ่ายทอดให้หลินสวิน!
หากเรื่องนี้ถูกใครรู้เข้าจะรู้สึกอย่างไร
รักบ้านก็รักอีกาด้วย ก็เป็นเช่นนี้!
“จวินหวน… จวินหวน… ถ้าข้าหลุดไปได้จะต้องไปหาเจ้าแน่ ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลเพราะเจ้าเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล กลัวจะทำให้ข้าติดร่างแหไปด้วย แต่ข้าจี้เสวียนจะไปสนใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร”
ในกรงขังเงาร่างนั้นพึมพำ “ขอเพียงได้พบเจ้าอีกครั้ง… ต่อให้เป็นศัตรูกับทั้งโลกก็ไม่เป็นไร”
ไกลออกไปหลินสวินสีหน้าตกตะลึง เหมือนบ้าเหมือนเมา จมอยู่ในการหยั่งรู้มรรคไม่อาจถอนตัวได้
ท่ามกลางกระแสอสนี พร้อมๆ กับเวลาที่ผันผ่าน พลังชีวิตแวววาวของหน่ออ่อนนั้นก็เหมือนต้นอ่อนต้นหนึ่ง แตกหน่อเจาะเปลือก งอกเงยท่ามกลางการทำลายล้าง อาบชโลมอยู่ภายใต้การโจมตีของระเบียบมรรคอสนี เริ่มเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงทีละน้อย…
……
ณ จุดที่ห่างจากบึงแห่งนี้ไปไกลลิบ
พวกหวงฝู่เซ่าหนงสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ แต่ละคนต่างรู้สึกเหมือนรอดตายหวุดหวิด
ภาพก่อนหน้านั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ประกาศิตมรรคจักรพรรดิชิ้นหนึ่งกลับถูกมือใหญ่อสนีดั่งบังฟ้าได้ข้างนั้นบีบกระจุยอย่างง่ายดาย ทำเอาพวกหวงฝู่เซ่าหนงไม่กล้าจินตนาการ ว่าถ้าตอนนั้นหนีออกมาช้าไปนิดเดียวผลลัพธ์ที่ตามมาจะน่ากลัวขนาดไหน
“เจ้าหมอนั่นหนีเคราะห์นี้ไม่ได้”
จู่ๆ ก็มีคนยิ้มเอ่ยอย่างยินดีกับความทุกข์ของคนอื่น
ครู่เดียวคนอื่นๆ ก็ได้สติกลับมาด้วย ต่างยิ้มอย่างอดไม่ได้แล้ว
ก่อนหน้านี้หลินสวินนั่นยังเพ้อพก ว่าจะอาศัยพลังของยอดเขาพิสดารนั่นโยนเภทภัยมาให้พวกเขา
แต่ตอนนี้ตัวเขาเองกลับตกลงหลุมไปเสียแล้ว!
นี่ก็เรียกว่าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว รนหาที่ตายเองจะไปโทษใครได้
“ไม่ เขาต้องไม่ตายแน่”
ทันใดนั้นจวนซวีเหิงหัวเราะหยันเอ่ยว่า “เขาเป็นถึงผู้สืบทอดคีรีดวงกมล จะตายง่ายๆ เช่นนี้ได้ที่ไหนกัน”
ทุกคนอึ้งไป มีคนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “แต่ก่อนคีรีดวงกมลแข็งแกร่งจนทำให้ทั่วหล้าสั่นไหวจริงๆ แต่ในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิสำนักคีรีดวงกมลก็ถูกทำลายไปแล้ว แค่เศษเดนอย่างเขาคนเดียวจะไม่ตายได้อย่างไร”
“ใช่แล้ว พลังของมือใหญ่อสนีเมื่อกี้ อย่างน้อยก็ต้องมีอานุภาพระดับจักรพรรดิ มกุฎราชันอริยะอย่างเขาคนเดียวจะไปต้านทานได้อย่างไร”
คนอื่นก็พากันเอ่ยปาก
จวนซวีเหิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เอ่ยเย็นชาว่า “อย่าลืมล่ะ ในมือเขาไม่เพียงมีศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนอย่างประทับมหามรรคไร้ชีพ ธงมหามรรคไร้ระเบียบ ยังครอบครองเจดีย์มรดกของคีรีดวงกมลหลังนั้นด้วย นั่นเป็นถึงยอดสมบัติที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลทิ้งเอาไว้ จะรักษาชีวิตเขาไว้ไม่ได้ได้อย่างไร”
ทุกคนมองหน้ากัน ยังไม่เข้าใจนักว่าเหตุใดจวนซวีเหิงถึงถือหางศัตรูคนหนึ่งเช่นนี้
กลับเห็นหวงฝู่เซ่าหนงพูดขึ้นกะทันหันว่า “ศิษย์น้องซวีเหิงพูดถูก เจ้าหลินสวินนี่จะประเมินโดยใช้สามัญสำนึกไม่ได้ ใครกล้าดูถูกเขา คนผู้นั้นก็จะมีจุดจบอนาถนัก”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อว่า “ทุกคนอย่างลืมล่ะ ตอนแรกที่เข้าไปในแดนลับโลกาสวรรค์ พวกจู่เฟยอวี่ถูกเจ้าหมอนี่เอาชนะไปทีละคนอย่างไร และอย่างลืมว่าเมื่อไม่นานนี้พวกข่งเจาจากเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ล้วนถูกเจ้าหมอนี่ฆ่าตายหมด!”
ทุกคนต่างเงียบไป ในใจปั่นป่วนไม่หยุด
หลินสวิน!
เศษเดนจากคีรีดวงกมลคนหนึ่ง เคยก่อเรื่องที่แหล่งสถานคุนหลุน เข่นฆ่าจนเลือดไหลเป็นน้ำ ชื่อเสียงสะท้านฟ้าดารา ทั้งยังเคยใช้ฐานะของจินตู๋อีสำแดงความโดดเด่นในงานชุมนุมถกมรรค กวาดซัดทุกแห่งหน
เพียงแต่ เขาจะรอดกลับมาจากมือใหญ่อสนีนั้นได้จริงหรือ
ไม่มีใครกล้าเชื่อ แต่พอได้ยินคำพูดของจวนซวีเหิงกับหวงฝู่เซ่าหนง กลับทำให้พวกเขาก็ไม่กล้าคิดอีกว่าหลินสวินจะตายไปจริงๆ
“พวกเรารอที่นี่สักพัก จากนั้นค่อยไปดูที่บึงนั่นอีกครั้ง”
หวงฝู่เซ่าหนงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วตัดสินใจ “ถ้าเขามีชีวิตอยู่ก็ร่วมมือกันสังหารเต็มกำลัง ถ้าตายแล้ว… เช่นนั้นพวกเราก็ต้องช่วยเขาเก็บศพ!”
มีคนตาเปล่งประกาย “จริงด้วย ในมือเจ้าหมอนี่ไม่ได้มีแค่สมบัติจักรพรรดิที่อัศจรรย์สุดหยั่งมากมาย ยังครอบครองมหาศุภโชคซึ่งมีความลับของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ชิ้นหนึ่งด้วย พวกเรา… จะพลาดไปแบบนี้ไม่ได้!”
ประโยคเดียวทำให้หลายคนใจเต้นไม่หยุด
เพียงแต่ที่ทำให้พวกหวงฝู่เซ่าหนงเหนือความคาดหมายก็คือ เมื่อเวลาผ่านไป พลังอสนีที่ปกคลุมส่วนลึกของบึงนั้นก็ยังปั่นป่วนไหวกระเพื่อมอยู่ตลอด ไม่มีทีท่าว่าจะหายลับไปแต่อย่างใด
“เรื่องที่ผิดแปลกไปต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ศิษย์พี่ พวกเราจะรอต่อไปไหม”
มีคนนิ่วหน้าถาม
ควรรู้ว่าการเข้ามาในเขตต้องห้ามเซียนโบราณคราวนี้ เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของพวกเขาคือการชิงมหาสมบัติที่ถือกำเนิดขึ้นในเขาปู้โจวชิ้นนั้น ยิ่งรั้งอยู่ที่นี่นาน ก็ต้องกระทบกับการเคลื่อนไหวถัดไปของพวกเขา
หวงฝู่เซ่าหนงนิ่งเงียบใคร่ครวญครู่หนึ่งก็ตัดสินใจ
“รอต่อไป มหาสมบัติแรกกำเนิดที่เขาปู้โจวไม่ได้ได้มาง่ายๆ การสังหารเจ้าหลินสวินนี่แล้วชิงเอาศุภโชคกับสมบัติที่เขามีกลับอยู่แค่ตรงหน้า จะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้เด็ดขาด”
……
หลินสวินที่ตกอยู่ในภวังค์หยั่งรู้ ถูกเสียงประหลาดเสียงหนึ่งปลุกขึ้น
เขาเงยมองไป ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่มีต้นไม้น้อยสูงแค่ครึ่งฉื่อเพิ่มขึ้นมา กลางกระแสระเบียบมรรคอสนีอันเปล่งประกายหาใดเทียบนั้น ลำต้นเหมือนเกล็ดมังกรแรกขึ้น มีประกายแวววาวคล้ายหยกก็ไม่ใช่เหมือนโลหะก็ไม่เชิง
กิ่งก้านของมันเขียวอ่อนเรียวเล็ก มีใบสีเขียวชอุ่มห้อยโดดๆ อยู่เพียงสามใบ ใบไม้กลมเกลี้ยง มีแสงมรรคประกายเทพเขียวเปล่งปลั่งลอยล่อง
ท่วงทำนองชีวิตอันไพศาลดั่งทะเลตลบอบอวลออกมาจากต้นไม้เล็กต้นนี้ แม้แต่กระแสพายุอสนีซัดสาดนั้นยังขวางไม่อยู่
มองไกลๆ ต้นไม้น้อยเขียวปลั่ง หยั่งรากกลางสายฟ้าทำลายล้าง ดูเล็กจ้อยปานนั้น แต่ความรู้สึกที่มอบให้กลับศักดิ์สิทธิ์และสูงส่ง ประหนึ่งสันหลังที่ค้ำจุนท้องนภา ทั้งต้นอบอวลด้วยกลิ่นอายมหามรรคที่ลึกลับไม่อาจหยั่งถึง!
เสียงประหลาดเมื่อกี้ก็คือเสียงที่ต้นไม้เล็กนี้เปล่งออกมา
หลินสวินอึ้งไปทันใด จิตใจสั่นสะท้าน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไม้โพธิ์แห้งเหี่ยวท่อนนั้นเกิดใหม่ท่ามกลางความพินาศ แปรสภาพคืนชีพโดยสมบูรณ์ภายใต้การฟาดฟันของระเบียบมรรคอสนีแล้ว!
แม้ว่าดูไปแล้วมันจะยังไม่โตเหมือนเดิม แต่ความลึกลับของกลิ่นอายที่กระจายออกมากลับทำให้ใจหลินสวินยังสั่นไหว
ตามองเห็นว่าไม้โพธิ์น้อยต้นนี้กำลังดูดซับกระแสอสนีที่ผ่าลงมานั้นอย่างละโมบ
ระเบียบอสนีที่กำราบจักรพรรดิอสนีดับสูญได้ กลับเหมือนเป็นสารอาหารที่สมบูรณ์หาใดเทียบสำหรับไม้โพธิ์น้อยต้นนี้ กระตุ้นให้มันเติบโตอย่างแข็งแรง เปล่งท่วงทำนองชีวิตออกมา ส่งผลให้มันได้รับการแปรสภาพและยกระดับภายใต้การทำลายล้าง…
“ต้นไม้เทพเช่นนี้พบได้ในแดนแห่งปริศนาเท่านั้น มีพลังมหามรรคพิศวงอยู่ ขนาดข้ายังเพิ่งได้เห็นเป็นครั้งแรก”
ในกรงขัง จักรพรรดิอสนีดับสูญที่เรียกตัวเองว่าจี้เสวียนเอ่ยปาก “ข้าเคยได้ยินคำพูดหนึ่ง ต้นโพธิ์ถูกมองว่าเป็น ‘ต้นบรรพจารย์หมื่นมรรค’ ภายในมีร่องรอยมหามรรคทั้งปวงอยู่”
“ยามมันเติบโตขึ้นจริงๆ กิ่งก้านแต่ละกิ่งจะเหมือนระเบียบมหามรรคสายหนึ่ง ใบไม้แต่ละใบต่างมีกฎเกณฑ์มหามรรคชนิดหนึ่งประทับอยู่…”
“และสักวันหนึ่ง ยามควบรวมผลโพธิ์ได้ จะถึงขั้นสามารถวิวัฒน์เป็นจักรวาลแห่งหนึ่งได้!”
เมื่อฟังถึงตรงนี้หลินสวินก็สูดหายใจสะท้านอย่างอดไม่ได้ ในใจตื่นตะลึง
——