ตอนที่ 1990 คนตายตะเกียงดับมีแต่ความว่างเปล่า

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 1990 คนตายตะเกียงดับมีแต่ความว่างเปล่า
หวงฝู่เซ่าหนงผมเผ้ากระเซอะกระเซิง สีหน้าคล้ำเขียวหาใดเทียบ

เขาก็รับรู้ได้ว่าคราวนี้ไม่อาจหลบหนีแล้ว จึงจดจ่อโดยสมบูรณ์ กระตุ้นปณิธานต่อสู้อย่างไม่เคยมีมาก่อน

นี่ก็คือรากฐานพลังของบุคคลแห่งยุค!

“หลินสวิน เจ้าบีบข้าเองนะ ต่อให้ตาย ข้าก็จะลากเจ้าลงหลุมไปด้วยกัน!”

หวงฝู่เซ่าหนงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สำแดงเขตแดนมรรคของตัวเอง

ตูม!

โลกนภาครามแห่งหนึ่งอุบัติขึ้น คลุมเครือขมุกขมัว กว้างใหญ่ไพศาล บรรจุหมื่นลักษณ์ภูผาธารา ทรายหินต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดที่เติบโตในนั้นล้วนเผยกลิ่นอายดุดันดั่งกระบี่ออกมา

เขตแดนกระบี่นภาคราม!

พอหวงฝู่เซ่าหนงลงมือ ปราณกระบี่หนาทึบนับไม่ถ้วนดุจม่านนภาครามก็โรยตัวลงมา

นอกจากนี้ เจ็ดสิบสองกระบี่เตาหลอมสีม่วงนั้นก็ถูกเขาเรียกออกมาถล่มโจมตีหลินสวินไปพร้อมกัน

“ลากข้าลงหลุมหรือ เจ้าจะมองตัวเองสูงเกินไปแล้ว”

หลินสวินหัวเราะเยาะ เขตแดนมรรคแรกกำเนิดดังครั่นครืน แปรสภาพเป็นหุบเหวลึก ราวกับวาฬใหญ่เขมือบน้ำ กลืนกินปราณกระบี่นภาครามนั้นไปจนหมด

เขตแดนมรรคทั้งสองปะทะกันในอากาศ เปรียบดั่งสองโลกกำลังห้ำหั่น โลกหนึ่งปราณกระบี่ไพศาล อีกโลกกลืนฟ้ากินดิน สะท้อนภาพที่สามารถสะท้านหมื่นกาลได้

ส่วนประทับไร้ชีพ ก็ถูกเจ็ดสิบสองกระบี่เตาหลอมสีม่วงนั้นสกัดไว้!

ตูม โครม…

ผ่านไปครู่หนึ่งก็เห็นว่าเขตแดนกระบี่นภาครามอันไพศาลนั้นถูกเขตแดนมรรคแรกกำเนิดกลืนกินจนหมดสิ้น ในที่สุดก็พังทลายลงกลางอากาศ กลายเป็นละอองแสงลอยละล่องเต็มฟ้า

หวงฝู่เซ่าหนงหน้าถอดสี นัยน์ตาขยายกว้าง

เขตแดนมรรคเป็นการสะท้อนมรรควิถีของตัวผู้ฝึกปราณ แต่ตอนนี้ในการประชันซึ่งหน้าหนึ่งต่อหนึ่งแบบนี้ หรือพูดอีกอย่างก็คือ การชิงชัยในมรรควิถีของตน เขาได้พ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงแล้ว!

“มิน่าผู้อาวุโสไท่ซูหงถึงพูดว่าหลังจากงานชุมนุมถกมรรคคราวนี้จะจัดอันดับกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ใหม่ ดูท่าก็คงสังเกตเห็นว่าคนอย่างเจ้าไม่คู่ควรกับตำแหน่งอันดับสองสักนิด”

หลินสวินเอ่ยเรียบๆ

“ต่อให้จัดอันดับใหม่ ก็ย่อมไม่มีที่ให้เจ้าหลินสวิน อย่าลืมสิ เจ้าเป็นเศษเดนของคีรีดวงกมล!”

หวงฝู่เซ่าหนงโต้กลับอย่างเย็นชา

ขณะพูดเขาก็ลงมืออีกครั้ง สำแดงมรรคและวิชาของตน ดั่สัตว์ที่ถูกล้อมดิ้นรนต่อสู้ รู้ดีอยู่แล้วว่าไม่มีทางเป็นศัตรูของหลินสวิน แต่กลับไม่ยอมแพ้ลงเท่านี้

เรื่องนี้ทำให้หลินสวินออกจะเกินคาดจริงๆ

คิดดูก็จริง คนอย่างหวงฝู่เซ่าหนง ต่อให้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตน แต่ในรุ่นเดียวกันก็เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะชั้นยอด ตระการตาถึงที่สุด ย่อมไม่อาจยอมแพ้ได้ง่ายๆ

ตูม!

หลินสวินไม่เกรงใจ ยิ่งลงมืออย่างไร้ปราณี กดข่มหวงฝู่เซ่าหนงอยู่หมัด ซัดจนโงหัวไม่ขึ้นโดยสมบูรณ์ ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ

เพียงพักเดียวหวงฝู่เซ่าหนงก็กระอักเลือดติดต่อกัน ได้รับบาดเจ็บทั้งภายในภายนอกร่างกาย คราบเลือดแดงสดย้อมเสื้อเขาให้เป็นสีแดง

“ถ้าในมือเจ้ายังมีสมบัติอย่าง ‘ประกาศิตมรรคจักรพรรดิ’ อาจจะยังมีที่ให้ดิ้นรนได้บ้าง”

หลินสวินเอ่ยขึ้นกะทันหัน

ถูกศัตรูเตือนอย่างหวังดีเช่นนี้ ในใจของหวงฝู่เซ่าหนงก็มีความอับอายและขุ่นเคืองอย่างบอกไม่ถูกผุดขึ้นในใจ ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า

“หลินสวิน เจ้าจะรังแกกันมากไปแล้ว!”

สภาพเขาเหมือนบ้าคลั่ง พุ่งโถมเข้าสังหาร ทิ้งชีวิตโดยสมบูรณ์แล้ว

ถ้ามีประกาศิตมรรคจักรพรรดิอีกชิ้นหนึ่ง เขาจะถึงกับเอาชีวิตเข้าแลกเช่นนี้ได้อย่างไร เกรงว่าคงสำแดงออกมาสังหารคู่ต่อสู้ไปนานแล้ว!

“ข้ารังแกเกินไปแล้วหรือ ถ้าไม่ใช่ว่าพวกเจ้าไม่ประเมินกำลังตน รนหาที่ตายเอง จะมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร”

หลินสวินยิ้มหยัน

ไม่นานนักเขาก็สำแดงประทับปี้อั้น ทุบหวงฝู่เซ่าหนงให้ร่วงลงจากกลางอากาศ กระแทกลงพื้นอย่างแรง

ปึง!

ฝุ่นควันอบอวล พื้นดินแยกแตกเป็นหลุมใหญ่รูปคนหลุมหนึ่ง หวงฝู่เซ่าหนงนอนอยู่ในนั้น โชกเลือดไปทั้งตัว ร่างกายเกร็งกระตุกรุนแรงเพราะเจ็บปวด

อัจฉริยะชั้นยอดที่ชื่อเสียงโดดเด่นในฟ้าดารา อันดับสองของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ ตอนนี้กลับเหมือนหมาตาย หมอบลงไปกับพื้น น่าสังเวชถึงที่สุด

ถ้าตอนนี้ถูกผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลเห็นเข้า เกรงว่าจะไม่กล้าเชื่อว่านี่คือศิษย์แกนหลักอันดับหนึ่งในเรือนมรรคของพวกเขา

“ข้า… ไม่ยอม… ข้า… ไม่ยอมรับ….”

เสียงคำรามต่ำลึกแหบแห้งเหมือนสัตว์ป่าก่อนตายลอยออกมาจากปากหวงฝู่เซ่าหนง เผยความไม่ยินยอม โกรธเคืองและเคียดแค้น

“ทำไมถึงไม่ยอม”

เงาร่างหลินสวินลงมาที่พื้นอย่างรวดเร็ว มอไปที่เขา สีหน้าไม่ทุกข์ไม่สุข

ทันใดนั้นหวงฝู่เซ่าหนงก็เค้นแรงทั้งหมดหันตัวมาเอ่ยชัดถ้อยชัดคำว่า “ถูกเศษเดนจากคีรีดวงกมลอย่างเจ้าเอาชนะ… ข้าถึงตาย… ก็ไม่ยอมรับ!!”

หลินสวินอึ้งไป ไม่ยินยอมขนาดนี้ ไม่ยอมรับขนาดนี้ ก็เพราะว่าตนเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมลหรือ

เรื่องนี้ดูไร้เหตุผลนัก

แต่หลินสวินกลับรู้ดีว่านี่ก็คือท่าทีที่เรือนมรรคจักรวาลมองคีรีดวงกมลซึ่งเป็นศัตรู พวกเขา… ชังคีรีดวงกมลเข้ากระดูกดำ!

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยอย่างหนักแน่นว่า “วางใจได้ ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่ง ข้าหลินสวินจะเล่นงานพวกเจ้าเรือนมรรคจักรวาลจนไม่อาจไม่ยอมรับ!”

ฟุ่บ!

ปราณกระบี่ไท่เสวียนสายหนึ่งโฉบออกมา ฟันหัวร่วงเลือดไหลริน

ศิษย์แกนหลักอันดับหนึ่งของเรือนมรรคจักรวาล อันดับสองในกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ อัจฉริยะชั้นยอดที่เคยมีชื่อเสียงไปทั้งใต้หล้า ก็กายสิ้นมรรคสลายลงเช่นนี้

ในห้วงอากาศ เจ็ดสิบสองกระบี่เตาหลอมสีม่วงส่งเสียงครวญ ถูกประทับมหามรรคไร้ชีพสยบลงโดยสมบูรณ์

“ทำบาปเอง ไม่อาจรอดได้ เจ้าหวงฝู่เซ่าหนงชื่อเสียงโด่งดังแค่ไหนแล้วอย่างไร คนตายแล้วทุกอย่างก็กลายเป็นความว่างเปล่าอยู่ดี”

หลินสวินส่ายหัว ในใจไม่มีคลื่นอารมณ์สักนิด การสังหารหวงฝู่เซ่าหนงไม่ได้ทำให้เขาหวั่นไหวมากมาย

ต่อมาเขาก็จัดการทรัพย์หลังศึกรอบหนึ่งแล้วหันตัวจากไป

ศึกนี้แม้ไม่ได้กวาดล้างผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลทั้งหมด แต่เมื่อคำนวณดูโดยละเอียดแล้ว กลับมีสิบคนที่ถูกหลินสวินฆ่า

ในนั้นยิ่งมีระดับผู้นำแกนหลักอย่างหวงฝู่เซ่าหนงด้วย!

และควรรู้ว่าผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลที่เข้ามาในเขตต้องห้ามเซียนโบราณคราวนี้ รวมทั้งสิ้นมีแค่สิบเจ็ดคนเท่านั้น

‘ควรไปเขาปู้โจวได้แล้ว…’

ภาพประทับของเขาปู้โจวปรากฏขึ้นในสมองหลินสวิน เขาทำการตัดสินใจแล้ว

แต่เขาไม่ได้รีบร้อน

ตั้งแต่เข้ามาในเขตต้องห้ามเซียนโบราณจนถึงตอนนี้ยังไม่ถึงครึ่งเดือน หลินสวินไม่เชื่อว่าใครจะชิงมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้นไปจากเขาปู้โจวได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้

……

เขตต้องห้ามเซียนโบราณเต็มไปด้วยปริศนา ใครก็ไม่รู้ว่ากว้างใหญ่เพียงไหน และไม่มีใครรู้ว่าที่นี่มีอันตรายซุกซ่อนอยู่มากมายเท่าไรกันแน่

ผู้แข็งแกร่งหนึ่งร้อยแปดคนที่เข้ามาในเขตต้องห้ามเซียนโบราณคราวนี้ต่างกระจายตัวกันตามที่ต่างๆ และข่าวที่หลินสวินสังหารพวกหวงฝู่เซ่าหนงสิบคน ก็ไม่ได้ไปถึงหูคนอื่นอย่างรวดเร็ว

แต่ไม่ต้องสงสัยว่าเมื่อเวลาผ่านไป ข่าวสะท้านฟ้าดินสะเทือนโลกได้เช่นนี้จะต้องกระจายออกและถูกทุกคนล่วงรู้

ก็เหมือนหลังจากไม่กี่วันก่อนที่พวกข่งเจาถูกหลินสวินฆ่าไปทีละคน จนถึงตอนนี้ข่าวยังเพิ่งถูกผู้แข็งแกร่งไม่น้อยที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ล่วงรู้

ทว่าคนที่ได้ข่าวเป็นคนแรก อยู่นอกเขตต้องห้ามเซียนโบราณ

ด้านข้างเขาเมฆา

บรรยากาศกดดันและเคร่งเครียด แววตาของเหล่าคนใหญ่คนโตระดับจักรพรรดิไหววูบ ความฉงนสงสัยที่ไม่อาจสลายไปโอบล้อมอยู่ในใจ

เมื่อครู่นี้เองที่ ตะเกียงชีวิตที่อยู่บนโต๊ะของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงดับลงอย่างต่อเนื่องทีละดวงๆ นี่ก็หมายความว่าผู้สืบทอดแกนหลักของเรือนมรรคจักรวาลกำลังประสบเคราะห์สังหารคับฟ้า!

จนกระทั่งตะเกียงชีวิตที่แทนตัวหวงฝู่เซ่าหนงดับลง สีหน้าของเหล่าจักรพรรดิที่อยู่ในที่นั้นก็เปลี่ยนไปด้วย ตกตะลึงเพราะเรื่องนี้ หน้าเปลี่ยนสีเป็นที่สุด!

ใครก็ไม่อาจจินตนาการว่าในเขตต้องห้ามเซียนโบราณนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่

แต่เมื่อการบาดเจ็บล้มตายอุบัติขึ้นเช่นนี้ ก็ทำให้ไม่ว่าใครก็ล้วนสั่นสะท้าน!

และสีหน้าของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงก็อึมครึมเป็นอย่างยิ่ง กัดฟันแน่นไม่พูดจา ใครๆ ต่างดูออกว่านางกำลังโกรธเกรี้ยวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

คิดดูก็จริง ผู้สืบทอดในสำนักบาดเจ็บล้มตายอย่างสาหัสเช่นนี้ ใครจะไม่โกรธเคืองบ้าง

โดยเฉพาะหวงฝู่เซ่าหนง…

คนผู้นี้เป็นอัจฉริยะชั้นยอดที่อนาคตเจิดจ้าถึงที่สุดคนหนึ่ง กลับสิ้นชีพในเขตต้องห้ามเซียนโบราณแห่งนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย ช่างเหนือความคาดหมาย!

บุคคลระดับจักรพรรดิไม่น้อยนึกถึงเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนั้นผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ก็ประสบเคราะห์สังหารทำนองนี้เช่นกัน กองกำลังสิบสองคนซึ่งมีข่งเจารวมอยู่ด้วยต่างถูกฆ่าทั้งหมด ทำให้ระดับจักรพรรดิไม่น้อยรู้สึกเหลือเชื่อ

ส่วนจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ก็ถูกไฟโทสะแผดเผาแทบจะอาละวาดเหมือนจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงในขณะนี้

“นี่ต้องเป็นคนผู้เดียวกันทำแน่!”

บรรยากาศเงียบเชียบกดดันถูกเสียงของจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นทำลายลง

เขาสีหน้าเหี้ยมเกรียม น้ำเสียงเย็นชา “นอกจากจินตู๋อีคนนั้นแล้ว ข้าก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าในเขตต้องห้ามเซียนโบราณมีคนรุ่นเยาว์คนไหนใจกล้าคับฟ้า กำเริบเสิบสานได้เช่นนี้!

สีหน้าเหล่าจักรพรรดิที่อยู่ในนั้นแปรเปลี่ยนเป็นพิกล

จินตู๋อี!

ถ้าเป็นสิ่งที่เจ้าหมอนี่ทำจริงๆ เขาลงมือโดยไม่หวั่นกลัวสิ่งใดเช่นนี้ หรือจะสัมผัสถึงอะไรได้

“ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือไม่ เมื่อการเคลื่อนไหวในเขตต้องห้ามเซียนโบราณครั้งนี้ปิดฉากลง ข้าจะต้องแก้แค้นให้ผู้สืบทอดที่ถูกทำร้ายเหล่านั้น!”

จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงเสียงอึมครึม ไอสังหารแผ่กระจาย

ไท่ซูหงเห็นภาพเหล่านี้ ในใจก็ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ ถ้าไม่ใช่สามเรือนมรรคใหญ่อย่างจักรวาล ดึกดำบรรพ์และยุทธจักรของพวกเขามีคำสั่งลงมาว่าต้องร่วมมือกันต่อกรจินตู๋อีนั่น มีหรือจะ… เกิดเรื่องน่าสลดเช่นนี้

เพียงแต่ถ้อยคำเหล่านี้เขาพูดไม่ได้

คลื่นลมครั้งนี้ ไม่ว่าสุดท้ายใครจะได้หัวเราะในตอนจบ เรือนมรรคโลกาสวรรค์ของเขาก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว

……

เขตต้องห้ามเซียนโบราณ

“ร้ายกาจ คนผู้เดียวกวาดล้างสิบสองคนจากเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ จินตู๋อีคนนี้แข็งแกร่งกว่าที่พวกเราคาดไว้มากนะ”

ในหุบเหวที่ถูกเปลวเพลิงปกคลุมแห่งหนึ่ง เยวี่ยหรูหั่วที่ยืนอยู่บนหินผาก้อนหนึ่งเอ่ยปากอย่างประหลาดใจ

ข้างๆ กันจือไป๋มือไพล่หลัง แววตาลุ่มลึก “ไม่ เขาคือหลินสวิน หลินสวินที่ก่อเรื่องใหญ่โตในแหล่งสถานคุนหลุน ชิงศุภโชคที่มีความลับบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ไปคนนั้น!”

“คงไม่ใช่ว่า… เจ้าก็ใจเต้นกับศุภโชคที่เขามีนั่นหรอกนะ”

เยวี่ยหรูหั่วครุ่นคิด

“ใคระจะไม่ใจเต้นได้”

จือไป๋สีหน้าเรียบเฉย “พวกเราบรรลุระดับมกุฎราชันอริยะขั้นสมบูรณ์แล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะบรรลุระดับกึ่งจักรพรรดิไม่ได้ ทว่ามีเพียงธรณีประตูของการแจ้งมรรคระดับจักรพรรดิ ที่ใครจะกล้าเพ้อเจ้อว่าจะสำเร็จได้”

เยวี่ยหรูหั่วยิ้มเอ่ย “เช่นนั้นเจ้าไม่ห่วงหรือ ว่าไปล่วงเกินหลินสวินคนนี้แล้วจะกลับกลายเป็นสร้างศัตรูตัวฉกาจให้ตัวเอง”

จือไป๋เอ่ยเนิบๆ “บนมหามรรค ถ้าได้สหายรู้ใจสักคนสองคนเรียกได้ว่าเป็นโชคดีในชีวิต เช่นเดียวกัน ถ้ามีศัตรูที่สามารถประชันกันได้ ก็ไม่ถึงกับเงียบเหงาเกินไป”

“ดูท่าเจ้าจะใจเต้นจริงๆ แล้ว”

เยวี่ยหรูหั่วลูบคางเอ่ย “เช่นนั้นเจ้าคิดจะลงมือเมื่อไร”

จือไป๋ใคร่ครวญเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “รอเจ้าหมอนี่ปรากฏตัวที่เขาปู้โจวเป็นอย่างไร”

เยวี่ยหรูหั่วเงียบไปครู่หนึ่ง ถอนใจเบาๆ เอ่ยว่า “ต่อให้ข้าเตือนเจ้าเจ้าก็ไม่ฟัง แล้วจะถามข้าทำไม”

จือไป๋ยิ้มทันที “เช่นนั้นก็เอาตามนี้เลย!”

——