บทที่ 3001 ความจริงเป็นพิษกู่ + ตอนที่ 3002 ความหนาวที่แทบปลิดชีวิต

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 3001 ความจริงเป็นพิษกู่

ทุกคนค่อย ๆเดินตามเสี่ยวจูไป เจสันไม่วางใจปิแอร์จึงพาเขาไปด้วยพร้อมใช้เถาวัลย์ผูกตัวเขาไว้แน่นแล้วเดินจูงเบี่ยงออกไปทางด้านหน้า

อาการของปิแอร์น่าแปลกอย่างมาก เขาไม่เหลือสติสัมปชัญญะใด ๆหลงเหลือ จำใครไม่ได้รวมถึงเจสันด้วย อีกทั้งยังไม่เป็นมิตรกับพวกเล่อเล่ออย่างมาก ขอเพียงเข้าใกล้เขาก็พร้อมจะทำการจู่โจมได้เสมอ

แต่กับเจสันปิแอร์กลับมีท่าทีสงบเสงี่ยมอย่างมาก ยอมให้เขาจูงแต่โดยดีไม่ขัดขืนสักนิด

เสี่ยวจูสนใจในตัวปิแอร์อย่างมากเลยห้ามพวกเล่อเล่อลงมือจัดการปิแอร์เด็ดขาด เขาต้องเก็บไว้ค่อย ๆศึกษา

ทุกคนเดินไปได้ราวสิบนาที นอกจากดอกลิลลี่ก็มีเพียงดอกลิลลี่ พอยิ่งเดินลึกเข้าไปต้นดอกลิลลี่ก็ยิ่งสูงใหญ่ มีบางต้นสูงเกือบเท่าครึ่งตัวคนด้วยซ้ำ

“ดอกไม้พวกนี้แปลกมากเหมือนโดนยากระตุ้นเลย!” สือเอ้อร์รู้สึกขนลุกในใจแล้วเผลอเดินชิดเน่าเน่า

เสี่ยวจูพูดเสียงเรียบ “ได้รับสารกระตุ้นจริง ก็จุลินทรีย์กลายพันธุ์พวกนั้นไง หรือถ้าพูดให้ถูกก็คือพิษกู่จากเผ่าเหมียวเจียง”

เขาพอจะมั่นใจได้แล้วว่าดอกลิลลี่พวกนี้มีเชื้อจุลินทรีย์ดังกล่าวอยู่ในตัว ซึ่งเป็นพิษกู่ที่เลื่องชื่อไปทั่วโลกนั่นเอง

ทุกคนต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปและเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ ภารกิจคราวนี้…ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่พวกเขาเคยคาดคิดเอาไว้ซะแล้ว!

นอกสวนดอกไม้มีหลงเฟิงกับหลงถูคอยยืนอยู่เงียบ ๆ

“จะตามเข้าไปไหม?” หลงถู่ถาม สีหน้าเขาดูไม่ดีนัก มีท่าทีพะว้าพะวงใจ

“นายรู้สึกถึงอะไร?” หลงเฟิงถาม

หลงถูมุ่นคิ้วแน่น “ฉันรู้สึกได้ไม่ปะติดปะต่อกันนัก หลังจากเข้ามาในหุบเขานี้ฉันก็ไม่รู้สึกถึงอะไรอีกเลย แต่ก่อนหน้านี้ความรู้สึกที่ฉันรับรู้ได้คือ…อย่าเข้าใกล้ที่นี่ มันอันตราย!”

นี่เป็นคำเตือนจากพิภพใหญ่ หลงถูจึงไม่กล้าชะล่าใจ

เมื่อก่อนเคยออกภารกิจครั้งหนึ่งเขาไม่ได้ถอยกลับตามคำตักเตือน ครั้งนั้นเขาเกือบตายเลยทีเดียว

“เราถอยกันเถอะ!” หลงถูเริ่มมีใจยอมแพ้

กลุ่มมังกรมีกฎว่าถ้าคาดว่าจะอันตรายถึงชีวิตก็สามารถล้มเลิกภารกิจได้ เพราะสมาชิกทุกคนของกลุ่มมังกรล้วนประเมินค่าไม่ได้และสูญเสียไม่ได้เด็ดขาด

หลงเฟิงกลับส่ายศีรษะ “ถอยไม่ได้ เด็กพวกนี้เข้าไปกันหมดแล้ว เราจะนิ่งดูดายไม่ได้”

ในนี้มีลูกสาวของลี่จิ่ว ลูกของเหยียนหมิงซุ่นกับ…ของเฮ่อเหลียนเช่อ แต่ละคนมีที่มาที่ไปใหญ่โตขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าเขากับหลงถูนิ่งดูดายไม่สนใจ เกรงว่าอนาคตคงลำบาก

หลงถูเองก็คำนึงถึงจุดนี้ได้ “งั้นเข้าไปเรียกพวกเขาออกมาไหม?”

เขายังไม่ได้แต่งงานเลย ไม่อยากตายจริง ๆนะ!

หลงเฟิงถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง “เด็กเขายังใจกล้ายิ่งกว่านายซะอีก เข้าไปเถอะ ฉันว่าไม่น่ามีอะไร อย่างมากก็แค่เสี่ยงอันตรายหน่อย!”

เด็กพวกนั้นไม่ใช่คนธรรมดาเชียว พวกเขาเป็นถึงคนของกลุ่มมังกรจะถูกเด็กกะโปกกลุ่มหนึ่งดูแคลนไม่ได้!

เน่าเน่ามองไปทางด้านหลังทีหนึ่งก็แค่นเสียงหัวเราะเย็นชา “พวกเขาตามเข้ามาแล้ว ใจกล้าดีนี่”

“อย่าไปสนใจพวกเขาเลย เรามาถึงปากทางเข้าแล้ว” เสี่ยวจูที่อยู่ข้างหน้าหยุดเดินก่อนจะปรากฏบางอย่างให้เห็นตรงหน้า

“พระเจ้า…นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงมีถ้ำใหญ่ขนาดนี้ได้?” เจสันร้องอย่างเกินจริง เบิกตากว้างจนลูกตาแทบหลุดออกมา

คนอื่น ๆก็ตาโตอ้าปากค้างเช่นกัน เล่อเล่อฉงนใจไม่หาย “มีปากถ้ำที่ใหญ่ขนาดนี้ ทำไมกล้องถ่ายภาพทางอากาศถึงจับภาพไม่ได้ล่ะ?”

กล้องถ่ายภาพทางอากาศของเสี่ยวจูถ่ายเจอแค่ดอกไม้ ไม่มีปากถ้ำนี้แต่อย่างใด

“วิชาอำพราง ค่ายกลชั้นสูงไม่เพียงแค่ตบตาผู้คนได้ ยังตบตาเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ได้…รอฉันแป๊บหนึ่ง ฉันดูสิว่าอันตรายไหม” เสี่ยวจูเดินไปตรงปากถ้ำ

ทุกคนต่างรู้สึกมหัศจรรย์ใจนัก ถ้ำที่ใหญ่ขนาดนี้ยังปกปิดได้ คนโบราณช่างไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ!

…………………………

ตอนที่ 3002 ความหนาวที่แทบปลิดชีวิต

ในถ้ำเผยให้เห็นพื้นดินเพียงครึ่งซึ่งมองเข้าไปจากปากถ้ำมีเพียงความมืดมิดที่มองไม่เห็นปลายทาง ความเย็นยะเยือกที่มาพร้อมกับความชื้นแผ่ออกมาจากถ้ำ กลางหุบเขาอบอุ่นดั่งวันฤดูใบไม้ผลิ แถมวันนี้ยังแดดจ้า สวมเสื้อสองตัวกำลังพอดีไม่ร้อนไม่หนาว

แต่ตอนนี้…พวกเขาสวมเสื้อแจ็กเก็ตกระชับปิดจนมิดชิดยังรู้สึกหนาวแทบทนไม่ไหวเลย

“ทำไมถึงหนาวได้ขนาดนี้? รู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกเลย!” สือเอ้อร์หนาวจนตัวสั่นระริกและหน้าเริ่มเขียวช้ำ รีบหยิบเอาเสื้อป้องกันอันตรายที่พ่อของเธอออกแบบมาโดยเฉพาะขึ้นมาสวมใส่

ผลงานของลี่จิ่วย่อมไม่ใช่ของธรรมดา ดูก็รู้ว่าต่างจากแจ็กเก็ตทั่วไปอย่างสิ้นเชิง แน่นอนว่าวัสดุที่ใช้ก็ย่อมต่างกัน กันความหนาวในฤดูหนาวได้และกันความร้อนในฤดูร้อนได้ นอกจากนี้ยังกันกระสุนได้อีกต่างหาก แถมยังมีระบบซักเองอัตโนมัติด้วย ต่อให้สวมติดต่อกันทั้งปีก็ไม่สกปรก เขาไม่เพียงแต่ทำให้ลูกสาวคนเดียวแต่ทำให้พวกเสี่ยวเป่าด้วยกันคนละตัว

เพียงแต่…เสื้อกันหนาวหายากตัวนี้มีจุดอ่อนแก่ชีวิตอย่างหนึ่ง–

น่าเกลียดที่สุดในโลก!

น่าเกลียดเสียจนพวกเล่อเล่อไม่มีทางสวมใส่มันตราบใดที่ยังไม่ถึงช่วงคับขันจริง ๆ แต่ตอนนี้…กำลังตกอยู่ในภัยอันตรายแก่ชีวิต ต่อให้น่าเกลียดแค่ไหนก็ต้องสวม

ในเมื่อชีวิตกับรูปลักษณ์ภายนอกเทียบกันแล้ว ชีวิตย่อมสำคัญกว่า!

“ไม่รู้จริง ๆว่าพ่อของฉันทำบ้าอะไร เลือกสีอื่นยังสวยกว่าสีเหลืองเหมือนขี้อันนี้ตั้งเยอะ ลำพังสีเหลืองยังพอว่าแต่ยังผสมสีเขียวเข้าไปอีก…ให้ตาย มื้อเย็นฉันกินไม่ลงแล้ว กลับไปจะให้เขาเปลี่ยนสีใหม่ให้ได้เลย!”

สือเอ้อร์เป็นคนสวมก่อนจึงมองเสื้อที่มีสีเหลืองเหมือน ‘ขี้’ ที่สวมอยู่บนร่างตัวเองอย่างระอาใจปนรังเกียจ สาวสวยอย่างเธอตอนนี้กลายเป็นขี้ก้อนหนึ่งไปแล้ว…

คนอื่น ๆก็สวมเสื้อตาม ๆกัน เสื้อตัวนี้ใส่ค่อนข้างลำบากไปสักหน่อยเพราะเป็นชุดรวดที่ต้องสวมทั้งศีรษะ มีเพียงใบหน้าที่โผล่พ้นให้เห็นเท่านั้น บอกได้ว่าเป็นการป้องกันในระดับครอบคลุมเลยทีเดียว

พอลองจินตนาการดูว่าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้ามีสีคล้ายขี้ ถ้าไม่ใช่ขี้ก้อนหนึ่งแล้วจะเป็นอะไรได้?

“อุ๊บ…เหมือนขี้หมาเลย!” เจสันมองพวกเขาด้วยความตะลึงและอดขำไม่ได้จนถูกกลอกตาใส่หลายคู่

พวกหลงเฟิงกับหลงถูที่ตามอยู่ด้านหลังก็สวมเสื้อหายากเช่นเดียวกัน แต่วัสดุของพวกเขาแย่ไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับของพวกสือเอ้อร์ในเมื่อความสนิทต่างกันนี่นา!

พวกเขาสวมเสื้อเหมือนกันทุกคนก็พอจะสบายใจขึ้นมาบ้าง ใครก็อย่าคิดหัวเราะเยาะใครเลย ทว่า…ทุกคนหันไปมองเจสันอย่างพร้อมเพรียง บนตัวเขามีเพียงเสื้อแจ็กเก็ตธรรมดาเท่านั้น

ท่ามกลาง ‘ขี้หมา’ เจสันดูโดดเด่นขึ้นมาทันที มีความรู้สึกเหมือนดอกไม้สีแดงท่ามกลางผืนหญ้าสีเขียว มองอย่างไรก็รู้สึกขัดตาไปหมด

“ใส่มันซะ!”

สือเอ้อร์หยิบเอาเสื้อหายากอีกตัวจากถุงขึ้นมา ลี่จิ่วเป็นห่วงว่าลูกสาวจะไม่พอใช้เลยเตรียมของทุกอย่างไว้ให้สองชิ้น

เนื้อผ้าของเสื้อมีความยืดหยุ่นและเนื้อสัมผัสดี แค่ขยำเข้าด้วยกันก็สามารถยัดเข้าปากขวดที่มีขนาดใหญ่เท่าไข่ไก่ฟองหนึ่งได้แล้ว พกพาสะดวก เจสันมองเสื้อด้วยสายตารังเกียจ เขาไม่อยากสวมใส่มันเลยสักนิด

น่าเกลียดจะแย่!

“ไม่ใส่…”

“ไม่ได้!”

ทุกคนปฏิเสธเป็นเสียงเดียวกัน จะน่าเกลียดก็ต้องน่าเกลียดไปด้วยกัน!

เจสันยักไหล่อย่างเอือมระอาจนจำต้องสวมเสื้อแต่โดยดี จากนั้นเขาก็ค้นพบจุดเด่นของเสื้อตัวนี้ เมื่อกี้ยังรู้สึกหนาวเข้ากระดูกแต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกหนาวอีกแล้ว แถมยังรู้สึกอุ่นด้วย

“เข้าไปกันเถอะ!” เสี่ยวจูก้าวเข้าไปในถ้ำแล้ว ทุกคนเดินตามไปติด ๆ

ในถ้ำชื้นมากจนได้ยินเสียงน้ำหยด พื้นที่ในถ้ำใหญ่กว่าข้างนอกมากโข จุดที่ใหญ่ที่สุดขนาดเท่าสนามฟุตบอลแห่งหนึ่งเลย แถมเพดานถ้ำรวมถึงกำแพงทั้งสองข้างยังเป็นหินย้อยจากธรรมชาติพร้อมหยดน้ำตรงปลาย

บ่งบอกว่าถ้ำแห่งนี้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ไม่รู้ว่าใช้เวลากี่ร้อยล้านปีกว่าจะก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างเช่นนี้ได้ ยิ่งใหญ่เกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะทำได้!

“กรรซ”

มีเสียงคำรามทุ้มต่ำดังแว่วมาแต่ไกลก้องกังวานไปทั่วอาณาบริเวณของถ้ำ แทบแยกแยะไม่ได้เลยว่าต้นเสียงมาจากทิศทางใด

……………………