เย่เฉินหันกลับมา และยิ้มอย่างอ่อนโยน: “วางใจได้ ฉันจะรีบกลับมา”

หลังจากที่พูดจบ เย่เฉินก็ก้าวออกจากห้องนอนของอิโตะ นานาโกะ หายตัวในคืนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะอันกว้างใหญ่

ท่ามกลางสายลมหิมะ นินจาอิงะคนนั้นที่มาสำรวจพื้นที่ในที่นี้ กำลังวิ่งอย่างสุดกำลังรวดเร็วในตอนกลางคืน

เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วร่างกายเบาราวกับนกนางแอ่น อาศัยความมืดอำพราง ยากที่จะตามรอยได้เหมือนกับภูมิผีจริงๆ

แต่ทว่า ยังไงเขาก็คาดไม่ถึงว่า ข้างหลังของเขา ยังมียอดฝีมือยอดเยี่ยมที่แข็งแกร่งกว่าเขาหนึ่งร้อยเท่าตามอยู่ และยอดฝีมือยอดเยี่ยมคนนี้ ก็คือเย่เฉิน

นินจาอิงะวิ่งอย่างสุดกำลังสองกิโลเมตรโดยไม่หยุด ในที่สุดก็หยุดอยู่ที่ประตูลานบ้านแห่งหนึ่ง ต่อจากนั้นเขามาถึงหน้าประตูลานบ้านที่เรียบง่ายและโบราณ เคาะประตูสี่ครั้งด้วยวิธีการเคาะแรงๆสองครั้งเบาๆสองครั้ง และประตูก็เปิดจากด้านในช่องหนึ่งให้มีเพียงคนหนึ่งคนเอียงกายลอดผ่านเข้าไปได้เท่านั้น

ต่อจากนั้น เขาก็เอียงกายเข้าไปอย่างรวดเร็ว และหายไปอย่างไร้ร่องรอย

และเย่เฉิน ปิดบังลมหายใจกับการเต้นของหัวใจ กระโดดขึ้นไปบนกำแพงรั่วอย่างเงียบๆ และสังเกตสถานการณ์ในลานบ้านนี้อย่างระมัดระวัง

ลานบ้านทั้งหมดไม่ใหญ่เกินไป ลานด้านหน้ามีเนื้อที่มากกว่าสองร้อยตารางเมตร ปลูกไม้ไผ่และต้นสนโบราณ และด้านหลังลานบ้าน เป็นอาคารที่ทำด้วยไม้สองชั้น

นินจาอิงะที่เพิ่งเข้ามา ก็เดินผ่านลานบ้านด้านหน้า และเข้าไปในอาคารสองชั้น

เย่เฉินรู้สึกว่าในอาคารหลังนี้ อย่างน้อยมีคนมากกว่าหกถึงเจ็ดคน ดังนั้นจึงเดินไปตามกำแพงรั่ว และมาถึงที่ตรงหน้าของอาคารหลังนั้นอย่าเงียบๆ

ในเวลานี้ บนชั้นสองของอาคารนี้ มีห้องโถงประมาณห้าสิบตารางเมตร ในห้องโถงมีนินจาชุดดำหลายคน นอกจากนี้แล้ว บนพื้นตรงกลาง ยังสองคนที่ถูกมัดแน่นหนาหลายเงื่อนใส่หมวกโม่งนั่งอยู่

นินจาที่เย่เฉินเดินตามอยู่ตลอดทางคนนั้น หลังจากก้าวขึ้นไปที่ชั้นสองแล้ว ก็รายงานกับหัวหน้านินจาหนึ่งในนั้นว่า: “ท่านนินจาใหญ่ เมื่อกี้ผมตรวจสอบรู้แล้วว่า การป้องกันภายในคฤหาสน์ของตระกูลอิโตะอ่อนแอเป็นอย่างมาก มีเพียงผู้คุ้มกันไม่ถึงสิบคนที่คุ้มกันบ้าน และความแข็งแกร่งอยู่ในระดับปานกลาง!”

หัวหน้านินจาอือคำหนึ่ง และเอ่ยปากพูดว่า: “พวกเราจะโยนศพของคนจีนสองคนนี้เข้าไปอย่างเงียบในคราวเดียว ดังนั้นแม้ว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายจะอ่อนแอมาก พวกเราก็ต้องแน่ใจว่าไม่รบกวนใคร เข้าไปทิ้งศพอย่างเงียบๆ และค่อยถอยออกมาอย่างเงียบๆ”

พูดแล้ว เขาก็ถามว่า: “นายหาสถานที่เหมาะสมที่จะซ่อนศพได้รึเปล่า?”

“หาได้แล้ว!”นินจาคนนั้นรีบรายงาน: “ในคฤหาสน์ของตระกูลอิโตะ มีลานเล็กๆที่เงียบสงบมาก ในลานเล็กยังมีป่าสนผืนหนึ่ง ตอนนี้หิมะกำลังหนาพอดี พวกเราสามารถซ่อนศพไว้ที่นั่น ก็น่าจะไม่ถูกคนค้นพบภายในเวลาอันสั้น”

พูดถึงตอนนี้ เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา เปิดอัลบั้ม รายงานหัวหน้าและพูดว่า: “ท่านนินจาใหญ่ ผมถ่ายรูปมาบ้าง คุณตรวจดูหน่อย”

อีกฝ่ายรับโทรศัพท์ไป เลื่อนไปหลายรูป แล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ: “ดีมาก เมื่อมองแวบแรกป่าสนแห่งนี้ปกติแล้วมีคนไปที่นั่นน้อยมาก ซ่อนศพอยู่ที่นี่ ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงถึงสิบชั่วโมงกว่าก็ไม่มีใครพบเข้า ความต้องการของคุณมัตสึโมโตะ อย่างน้อยสองชั่วโมงไม่ถูกคนของตระกูลอิโตะพบเข้า และซ่อนไว้ที่นี่เวลาก็เพียงพอแล้ว”

นินจาอีกคนรีบเอ่ยปากถามว่า: “ท่านนินจาใหญ่ งั้นพวกเราจะลงมือฆ่าคนจีนสองนี้เมื่อไหร่?”

หัวหน้าคนนั้นมองดูเวลา และพูดว่า: “รอเดี๋ยว ฉันโทรหาคุณมัตสึโมโตะก่อน”

ในเวลานี้ ซูจือหยูถูกใส่หมวกโม่งสีดำอยู่ก็ต่อสู้ดิ้นรนอย่างรุนแรงขึ้นมา

เพราะถูกคนปิดปาก เธอทำได้เพียงใช้จมูกส่งเสียงครวญคราง และพยายามดึงดูดความสนใจของอีกฝ่าย

หัวหน้านินจาก็ขมวดคิ้ว ถอดหมวกของเธอออกในทันที จ้องมองซูจือหยูที่หน้าซีดเผือดและเต็มไปด้วยความสยดสยอง และถามอย่างเย็นชาว่า: “ทำไม? แกยังมีคำสั่งเสียสุดท้ายอะไรที่จะพูดเหรอ?”