ในส่วนลึกของเวิ้งฟ้า จวินหวนและผู่เจินยังห้ำหั่นกับคู่ต่อสู้อย่างดุเดือด คนหนึ่งมรรคกระบี่โดดเด่น คนหนึ่งองอาจเหนือมนุษย์

อีกด้านหนึ่งจี้เสวียนกำลังต่อสู้กับจักรพรรดิมารผลาญนภา เสียงฟ้าร้องดังอึกทึก ไอมารซัดโหม

การต่อสู้ของซย่าสิงเลี่ยกับน่าหลันฉีดุเดือดที่สุด หนึ่งกระบี่หนึ่งทวน เปิดฉากการประลองแห่งยุค

กลางอากาศเสวี่ยหยานั่งขัดสมาธิท่องคัมภีร์ ไอพลังยิ่งใหญ่ทะลวงเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน เพียงคนเดียวกลับส่งผลต่อรูปการณ์การต่อสู้ทั้งหมด

ด้วยยอดประกาศิตสำนักพรตของเขา ไม่เพียงแต่ยกระดับพลังต่อสู้ของพวกจวินหวนได้ แต่ยังโจมตีและส่งผลต่อจิตใจของศัตรูด้วย มหัศจรรย์หาใดเปรียบโดยแท้

การต่อสู้ทั้งหมดนี้ ล้วนดึงดูดความสนใจของระดับจักรพรรดิในระดับต่างกันไป

แต่เมื่อรั่วซู่ผู้สืบทอดคนที่สามแห่งคีรีดวงกมลปรากฏตัว ก็ทำให้ทุกสายตาในที่นั้นแทบจะมองมาที่นางคนเดียว

บุคลิกนางนุ่มนวล เงียบสงบดั่งดอกกล้วยไม้ แต่การปรากฏตัวของนางกลับชักนำให้เกิดความโกลาหล

เหมือนว่าใครก็คิดไม่ถึงว่านางจะปรากฏตัวที่นี่

“ศิษย์น้อง เจ้ารู้ไหมว่าทำไมพวกเขาถึงประหลาดใจเช่นนี้”

เสียงของรั่วซู่นุ่มนวลดั่งวารี ดังก้องอยู่กลางฟ้าดิน ทั้งไม่ปิดบังอะไร

“เพราะเหตุใด”

หลินสวินก็ใคร่รู้ เขาสังเกตเห็น ไม่ว่าจะเป็นระดับจักรพรรดิอย่างมหาจักรพรรดิศิลาเมฆ หรือบรรพจารย์กระบี่อวิ๋นกวงที่อยู่ห่างออกไป หลังจากศิษย์พี่รั่วซู่ปรากฏตัวก็ทำท่าราวกับเห็นผี

“พวกเขาล้วนคิดว่าข้าตายแล้ว”

รั่วซู่เอ่ยเสียงเบา “ยังจำตอนที่อยู่เรือนมรรคโลกาสวรรค์ได้ไหม”

หลินสวินพยักหน้า

“หลังจากข้าจากไปก็ถูกเจ้าเฒ่าบางคนจับจ้อง ไล่ตามตลอดทาง ไม่คิดจะให้ข้ารอดไปได้…”

มุมปากรั่วซู่โค้งขึ้นเหมือนนึกสนุก “อันที่จริงข้าก็คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะทุ่มเทเช่นนี้ ใช้บรรพจารย์จักรพรรดิสี่คนกับสมบัติมรรคต้องห้ามชิ้นหนึ่ง ภัยคุกคามนี้มากเกินไปแล้ว”

“ศิษย์น้อง เจ้าคงไม่รู้ว่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลของพวกเรา สาเหตุที่หลายปีนี้ระหกระเหินไปทั่วหล้าเหมือนวิญญาณเร่ร่อน ไม่กล้าเผยร่องรอยโดยง่าย สาเหตุอยู่ที่เมื่อเปิดเผยร่องรอยก็จะถูกพลังต้องห้ามที่ปกคลุมทั่วหล้านี้จับจ้อง”

“ดังนั้นระดับบรรพจารย์จักรพรรดิสี่คนนั่นจึงนำสมบัติมรรคต้องห้ามชิ้นหนึ่งมาด้วย อาศัยสิ่งนี้มาเป็นไพ่ตาย ต้องการจะกำจัดข้า”

พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของบรรพจารย์กระบี่อวิ๋นกวงรวมถึงระดับจักรพรรดิคนอื่นในที่นั้นล้วนเปลี่ยนเป็นผิดปกติขึ้นมา

ในใจหลินสวินกลับตึงเครียด นึกถึง ‘จอมจักรพรรดิไร้นาม’ ที่สามารถหยั่งรู้และควบคุมพลังระเบียบต้องห้ามคนนั้นขึ้นมา!

เขาอดถามไม่ได้ “จากนั้นล่ะ”

รั่วซู่ยิ้ม ริมฝีปากขยับพูดสี่คำ “พวกเขาตายแล้ว”

เพียงประโยคเดียวเบาๆ ทำให้บรรยากาศในที่นั้นพลันเงียบไป

“ตายแล้ว?”

บรรพจารย์กระบี่อวิ๋นกวงนัยน์ตาหดรัด ระดับจักรพรรดิคนอื่นในที่นั้นต่างหน้าเปลี่ยนสี

“เป็นไปไม่ได้!”

“บรรพจารย์จักรพรรดิสี่คนนั้นล้วนบรรลุถึงขั้นอัศจรรย์ในระดับบรรพจารย์นานแล้ว คงอยู่ตราบนิรันดร์ราวกับไม่ดับสลาย จะถูกเจ้าฆ่าตายได้อย่างไร”

“เจดีย์กักเทพมหัศจรรย์ระดับใด ภายในยังแฝงพลังระเบียบต้องห้ามไว้ ทำไมถึงฆ่าเศษเดนอย่างเจ้าไม่ได้”

ในที่ลับทั่วฟ้าดินแถบนี้มีเสียงขุ่นเคืองระลอกหนึ่งดังขึ้น

เห็นได้ชัดว่าคำพูดของรั่วซู่ทำให้พวกเขาไม่อาจสงบใจและยากจะยอมรับ

นี่ทำให้หลินสวินใจสั่น เพิ่งตระหนักได้ว่าในที่ลับยังมีพวกน่ากลัวซุ่มซ่อนอยู่ไม่น้อย จนถึงตอนนี้เพิ่งจะเผยเสียงออกมา!

รั่วซู่ยิ้มพลางพลิกฝ่ามือ

ศีรษะชุ่มเลือดหนึ่งปรากฏออกมา ผมขาวเปื้อนเลือด ถลึงตาถมึงทึง กลางหน้าผากเกลี้ยงเกลามีรูโหว่ชวนสยองรูหนึ่ง ราวกับถูกคมดาบแทงทะลุ

“บรรพจารย์จักรพรรดิหลิงเหอแห่งเรือนมรรคจักรวาลของข้า!”

เสียงร้องอุทานดังขึ้น ทำให้ทุกคนในที่นั้นสะท้านใจ

บรรพจารย์จักรพรรดิหลิงเหอ เฒ่าดึกดำบรรพ์ ‘ระดับบรรพจารย์’ ที่ประสบความสำเร็จยิ่งของเรือนมรรคจักรวาล แจ้งมรรคในสมัยดึกดำบรรพ์ เป็นศิษย์สืบทอดสายตรงของบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งเรือนมรรคจักรวาล ลำดับความอาวุโสสูงส่งจนน่ากลัว

เล่าลือว่าเขาก้าวสู่ระดับบรรพจารย์มาหลายปีแล้ว!

แต่ตอนนี้หัวของเขากลับถูกรั่วซู่เด็ดไป…

เห็นได้ชัดว่าเฒ่าดึกดำบรรพ์คนนี้ประสบเคราะห์แล้ว!

“เจ้ามันสมควรตาย!”

เงาร่างหนึ่งพุ่งออกมา เมื่อมาถึงที่นั้นก็กลายเป็นชายกลางคนชุดดำคนหนึ่ง เพลิงเทพสีเขียวรัดพันทั่วร่าง โกรธจนผมตั้ง

บรรพจารย์จักรพรรดิเชียนกู่แห่งเรือนมรรคจักรวาล!

เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ซ่อนอยู่ในที่ลับคนนี้ หลังได้ยินข่าวร้ายของบรรพจารย์จักรพรรดิหลิงเหอ สุดท้ายก็เผยตัวออกมาในยามนี้อย่างอดไม่อยู่

“รีบอะไร การประชันหมากเพิ่งจะเริ่ม อย่าเพิ่งรีบร้อน”

รั่วซู่พูดพลางพลิกฝ่ามือ น้ำเต้าหยกสีม่วงใบหนึ่งปรากฏออกมา เปล่งประกายแวววาว ไอขุ่นมัวอบอวล ราวกับของตามธรรมชาติที่เกิดจากต้นกำเนิดมหามรรค

แต่พื้นผิวของน้ำเต้าหยกม่วงกลับถูกทะลวงเป็นรูโหว่ ทำให้พลังเจตะของมันลดลง เปลี่ยนเป็นมืดสลัวหาใดเปรียบ

“ทุกท่านรู้จักของสิ่งนี้หรือไม่”

รั่วซู่ถาม

น้ำเสียงเพิ่งแผ่วลง ชายชราที่สวมชุดนักพรตเพลิงวายุ ศีรษะประดับเกี้ยวขนนกคนหนึ่งเดินออกมาจากความมืด

นัยน์ตาเขาดุจอสนี ตวาดเดือดดาล “นี่คือ ‘น้ำเต้าศุภโชคแสงม่วง’ สมบัติจักรพรรดิบริสุทธิ์ของ ‘บรรพจารย์จักรพรรดิทุนเจียง’ แห่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ข้า!”

รั่วซู่พยักหน้ากล่าว “ไม่ผิด เป็นของสิ่งนั้น บรรพจารย์จักรพรรดิทุนเจียงตายไปก็ไม่มีอะไรให้เสียดาย แต่วิญญาณอาวุธของสมบัตินี้กลับเผาตัวเองไปด้วย ทำให้ข้าเสียดายไม่หยุด”

ชายชราชุดนักพรตที่มาจากเรือนมรรคดึกดำบรรพ์คนนั้นโกรธจนตาแทบถลน

คนอื่นในที่นั้นล้วนหน้าเปลี่ยนสี จิตใจสะท้านไหว บรรพจารย์จักรพรรดิทุนเจียงกับสมบัติจักรพรรดิบริสุทธิ์ของเขาล้วนถูกทำลายแล้วหรือ

ไม่รอให้พวกเขาตอบสนอง รั่วซู่ดีดนิ้วเบาๆ

หัวใจเปื้อนเลือดและหนังสัตว์ขาดวิ่นชุ่มเลือดปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน

รั่วซู่ถาม “ของสองอย่างนี้มีคนจำได้หรือไม่”

ณ ที่นั้นเงียบสงัด เหล่าจักรพรรดิจิตใจสั่นไหว ยากจะนิ่งสงบ

เนิ่นนานกว่าจะมีเสียงที่เจือแววสั่นเครือดังขึ้น “นี่… คงไม่ใช่จิตมรรคของ ‘บรรพจารย์จักรพรรดิจิ่วหนิง’ และหนังของ ‘บรรพจารย์จักรพรรดิเมี่ยวหลุน’ กระมัง”

บรรพจารย์กระบี่อวิ๋นกวง บรรพจารย์จักรพรรดิเชียนกู่ รวมถึงชายชราชุดนักพรตแห่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์คนนั้น เวลานี้ในใจพลันจมดิ่งลงพร้อมกัน ขนพองสยองเกล้า

ส่วนในที่ลับก็ไม่รู้ว่ามีเสียงสูดหายใจสะท้านดังขึ้นเท่าไหร่

“ไม่ผิด เจ้าเฒ่าจิ่วหนิงนี่มาจากเผ่านักรบเถาอู้ มรรควิถีทั้งตัวรวมอยู่ที่จิตมรรค หากนำมันมาเป็นวัตถุดิบยา ย่อมหลอมยอดลูกกลอนบรรพจารย์ออกมาได้”

เสียงรั่วซู่เนิบนาบก้องฟ้าดิน

“เจ้าเฒ่าเมี่ยวหลุนนี่แม้จะไม่เอาไหนไปบ้าง แต่ดีร้ายอย่างไรก็เป็นระดับบรรพจารย์ของเผ่านักรบฉงฉี ข้าจึงถลกหนังของเขามา อย่างน้อยก็เอามาหลอมเป็นชุดนักพรตที่คุณภาพไม่ธรรมดาให้ศิษย์น้องเล็กของข้าได้”

คำพูดพวกนี้ทำให้ระดับจักรพรรดิทั่วบริเวณสั่นสะท้าน เกิดความรู้สึกเศร้าโศกกับการจากไปของพวกพ้องขึ้นมา

บรรพจารย์จักรพรรดิจิ่วหนิงและบรรพจารย์จักรพรรดิเมี่ยวหลุนเป็นผู้อาวุโสสองคนที่สูงส่งระดับใด มีความรู้ลึกซึ้งที่บรรลุจุดสุดยอดบนหนทางแห่งระดับจักรพรรดินานแล้ว

แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่ถูกคนฆ่าตาย แม้แต่หัวใจและหนังของพวกเขายังถูกนำมาเป็นเจตวัตถุ หมายจะนำมาหลอมยาและเย็บเป็นชุดนักพรต!

น่าเศร้าอะไรปานนี้

ระดับจักรพรรดิบางคนหนาวเยือกในใจ ผู้สืบทอดคนที่สามแห่งคีรีดวงกมลคนนี้ดูเหมือนบริสุทธิ์สุภาพอ่อนโยน ใครเล่าจะคาดคิดว่าวิธีการของนางจะนองเลือดเช่นนี้

‘ศิษย์พี่นาง… ถึงกับจะใช้หนังของระดับบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งมาหลอมชุดนักพรตให้ข้าหรือ’

หลินสวินยังตกตะลึงอ้าปากค้างอย่างอดไม่ได้ เรื่องเช่นนี้อย่าว่าแต่เคยได้ยินมาก่อน แม้แต่จะคิดก็ไม่เคยคิด น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

ขณะเดียวกันความภาคภูมิอย่างบอกไม่ถูกพลันผุดขึ้นในใจของหลินสวิน

ตั้งแต่ศิษย์พี่รั่วซู่มาที่นี่ แม้จะไม่เคยแสดงแสนยานุภาพที่แท้จริง แต่ของบางส่วนที่นางหยิบออกมาลวกๆ กลับทำให้ทั้งที่นั้นตื่นตระหนก สถานการณ์ของการประชันหมากทั้งหมดล้วนถูกนางคนเดียวควบคุม!

บรรพจารย์จักรพรรดิหลิงเหอ บรรพจารย์จักรพรรดิทุนเจียง บรรพจารย์จักรพรรดิจิ่วหนิง บรรพจารย์จักรพรรดิเมี่ยวหลุน… ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่มีความสามารถน่าเหลือเชื่อสี่คน ถูกนางคนเดียวจัดการไปก่อนหน้านี้แล้ว

แม้จะไม่เคยเห็นการต่อสู้นี้ด้วยตาตนเอง แต่แค่คิดดูก็พาให้คนโลหิตเดือดพล่าน!

“ข้าใคร่รู้ยิ่งนัก คนที่ถูกพลังต้องห้ามมองเป็นพวกนอกรีตนานแล้วอย่างเจ้า ทำไมถึงยังรอดชีวิตมาได้”

เสียงเปี่ยมประสบการณ์หนึ่งดังขึ้น

รั่วซู่ยิ้มแล้ว “เจ้าหมายถึงเจดีย์กักเทพนั่นหรือ สมบัตินี้ร้ายกาจจริงๆ ภายในแฝงพลังระเบียบต้องห้ามเอาไว้ ภัยคุกคามที่ส่งผลต่อข้าก็มีมาก น่าเสียดายที่ตอนนี้เทียบกับตอนนั้นไม่ได้แล้ว…”

นางพูดเรียบๆ “ตั้งแต่ศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิครั้งบรรพกาลปิดฉาก ข้าก็เข้าไปในแดนปริศนา เสาะหาวิธีสลายพลังระเบียบต้องห้าม ความมุมานะไม่ทรยศผู้มีความพยายาม ทำให้ข้าหาวิธีการได้จริงๆ จึงหลอมของเล่นที่เลี่ยงการตรวจจับของพลังระเบียบต้องห้ามออกมาได้ชิ้นหนึ่ง”

“แม้จะคงอยู่ได้แค่หนึ่งเค่อ แต่ถ้านำมาใช้สังหารศัตรู… ก็มากเกินพอแล้ว”

นางไม่ได้บอกว่า ‘ของเล่น’ ชิ้นนั้นคืออะไร แต่ทุกคนล้วนเข้าใจแล้ว เป็นเพราะ ‘ของเล่น’ นี้ที่ทำให้นางหลบภัยคุกคามของเจดีย์กักเทพได้!

ทั้งในเวลาที่ไม่ถึงหนึ่งเค่อ ยังสังหารระดับบรรพจารย์จักรพรรดิสี่คนอย่างหลิงเหอ ทุนเจียง จิ่วหนิงและเมี่ยวหลุนได้ในคราเดียว!

นึกถึงตรงนี้ ทุกคนในที่นั้นก็กลัวจนตัวสั่นงันงก

จวินหวน ผู่เจิน เสวี่ยหยามีมาดสง่างามที่ต่างกันออกไป พลังต่อสู้ก็น่ากลัวอย่างเหนือความคาดหมาย แต่พูดเปรียบเทียบกันแล้ว ผู้สืบทอดคนที่สามแห่งคีรีดวงกมลคนนี้กลับน่าหวาดหวั่นยิ่งกว่า!

พรวด!

บนเวิ้งฟ้าพลันมีฝนโลหิตสาดพรม สีแดงสดบาดตา

ในการห้ำหั่นที่เดิมดุเดือด ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งถูกจวินหวนสังหารในกระบี่เดียว จิตสิ้นวิญญาณสลาย!

ทั้งที่นั้นสั่นสะท้าน ผู้คนนับไม่ถ้วนหน้าเปลี่ยนสี

นี่เป็นบรรพจารย์จักรพรรดิคนที่สองที่ตายในมือจวินหวนแล้ว!

อันที่จริงหลังจากรั่วซู่มาถึง การต่อสู้ในส่วนลึกของเวิ้งฟ้าก็ดำเนินมาตลอด อันตรายและดุเดือด ไม่เคยหยุดชะงักสักครั้ง

กระทั่งตอนนี้จวินหวนสังหารศัตรูด้วยกระบี่เดียว จึงทำให้จิตใจของทุกคนในที่นั้นได้สติกลับมา

“ลงมือเร็วเข้า ล่าช้าต่อไปไม่ได้แล้ว!”

เสียงของบรรพจารย์กระบี่อวิ๋นกวงเยียบเย็นต่ำลึก

“ลงมือพร้อมกัน ดูว่านางจะต้านได้ถึงหนึ่งเค่อหรือไม่!”

บรรพจารย์จักรพรรดิเชียนกู่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“ก็ดี!”

ตูม!

ไอสังหารน่าหวาดกลัวแผ่ออกมาจากตัวพวกบรรพจารย์กระบี่อวิ๋นกวงราวกับมหาสมุทรที่พลุ่งพล่าน เข้าปกคลุมฟ้าดินแถบนี้จนสิ้น

“ฆ่า!”

บรรพจารย์กระบี่อวิ๋นกวงเรียกกระบี่โบราณเล่มหนึ่งออกมาชิงลงมือก่อน เจตกระบี่ดุจโทสะคลั่ง พุ่งทะลวงเก้าชั้นฟ้า

บรรพจารย์จักรพรรดิเชียนกู่รวมถึงชายชราชุดนักพรตของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์นั่นก็ลงมือตามมาติดๆ

กลับเห็นรั่วซู่สีหน้าสงบนิ่ง ไม่ตื่นตระหนกตกใจ กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ศิษย์น้อง ได้ยินว่าเจ้าเชี่ยวชาญวิถีสลักวิญญาณ ไม่สู้ลองดู ‘ค่ายกลอาภรณ์สวรรค์’ นี้ของศิษย์พี่ว่าเป็นอย่างไร”

เมื่อเสียงดังขึ้น กระสวยบินอันหนึ่งโฉบผ่านอากาศ ร่างลายมรรคที่ซับซ้อนแน่นขนัดนับไม่ถ้วนออกมาในพริบตา เหมือนมองฟ้าดินเป็นผืนผ้า ใช้กระสวยบินแทนเข็ม ใช้ลายมรรคเป็นเส้นด้าย กำลังเย็บอาภรณ์สวรรค์ชุดหนึ่ง!

พลังกฎเกณฑ์มหามรรคที่ลึกซึ้งเกินคาดเดาอบอวลไปด้วยไอพลังเจตะ ร่างกระบวนผนึกลายมรรคที่ลึกลับกระบวนหนึ่งบนฟ้าดินแถบนี้

ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพียงพริบตา

ฉึ่บ!

กระบี่ของบรรพจารย์กระบี่อวิ๋นกวงพุ่งสังหารเข้ามา สะท้านฟ้าสะเทือนดิน เจตกระบี่ดุจเพลิงผลาญ น่าสะพรึงไร้ขอบเขตโดยแท้

แต่เมื่อฟันไปบนกระบวนค่ายกลนี้ กลับถูกลายมรรคที่เป็นเส้นเป็นริ้วพัวพัน แสงมรรคที่ไหลเวียนเป็นวงกลมลบล้างปราณกระบี่สายนี้ไปโดยไร้สุ้มเสียง…

……………………..