ท่าทางของเย่เฉินได้ทำลายความภาคภูมิใจของซูจือหยูอีกครั้ง
เธอมองด้านข้างใบหน้าของเย่เฉิน กัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรงและไม่พูดอะไรอีก หันหลังและเดินออกจากลานบ้านพร้อมกับพี่ชาย
พี่น้องสองคนเดินโซเซออกไป ซูจือเฟยถามด้วยน้ำเสียงเบาๆ:”จือหยู นินจาพวกนั้น โดนชายหนุ่มคนนั้นจัดการด้วยมือเปล่าใช่ไหม?”
ซูจือหยูพูดอย่างเคร่งขรึม:”ไม่ใช่ชายหนุ่มคนนั้น แต่เป็นผู้มีพระคุณ”
ซูจือเฟยรีบพยักหน้า:”ได้ๆๆ เขาคือผู้มีพระคุณ ดังนั้นนินจาพวกนั้นโดนผู้มีพระคุณจัดการด้วยมือเปล่าใช่ไหม?”
“ใช่”ซูจือหยูพูดอย่างจริงจัง:”ฉันไม่เคยเห็นใครที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน…นี่เป็นครั้งแรกด้วย…”
ซูจือเฟยจุ๊ปากและพูด:”ถ้าเขาเข้าร่วมกับตระกูลซู และรับใช้ตระกูลซูมันคงเป็นเรื่องที่ดีมากๆ”
“เป็นไปไม่ได้”ซูจือหยูส่ายหัว:”ผู้มีพระคุณมีนิสัยหยิ่งยโส เขาไม่รับใช้ผู้อื่นอย่างแน่นอน และเขาอาจจะเป็นสุดยอดฝีมือของสำนักลับก็ได้ และตระกูลซูก็คงไม่อยู่ในสายตาของเขา”
ซูจือเฟยพูดด้วยความเศร้า:”น่าจะใช่…เฮ้ย…ยังดีที่ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตพวกเราไว้ มิฉะนั้นพวกเราสองคนอาจจะตายอยู่ที่เกียวโตแล้ว…”
เมื่อพูดจบ เขาก็รีบพูดทันที:”จือหยู รีบโทรศัพท์ไปหาท่านพ่อเร็วๆ! ครั้งนี้พวกเราโดนลักพาตัว ตระกูลของเราคงส่งยอดฝีมือมาไม่น้อย คุณพ่ออาจจะมาด้วยก็ได้! ต้องรีบแจ้งพวกเขาว่าทราบว่าพวกเราสองคนอยู่ที่เกียวโต นอกจากนี้ ต้องบอกให้เขาฆ่าไอ้สารเลวอย่างมัตสึโมโตะโยชิโตะ! ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าไอ้สารเลวคนนี้ค่อยลงมือทำร้ายพวกเราอยู่เบื้องหลัง!”
ซูจือหยูพยักหน้าและรีบหยิบโทรศัพท์ทันที
ในเวลานี้ จู่ๆด้านหลังก็มีเปลวไฟปรากฏขึ้น ทำให้ค่ำคืนที่มืดมิด สว่างขึ้นมาทันที!
ซูจือหยูรีบหันหลังทันที และเห็นอาคารสองชั้นที่ตัวเองเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ตอนนี้มีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมา!
อาคารที่สร้างด้วยไม้ถูกไฟไหม้ มีเสียงแป๊ะๆดังขึ้นจากไม้ที่ถูกไฟเผา คล้ายกับเสียงประทัด และบรรยากาศที่มีหิมะตกหนัก มีกลิ่นอายของวันตรุษจีน
ซูจือเฟยจับคางของตัวเองและถามซูจือหยู:”จือหยู คุณคิดว่านินจาพวกนั้นตายหมดหรือยัง?”
ซูจือหยูถามกลับ:”เจอไฟลุกโชนขนาดนี้ นินจาพวกนั้นจะรอดชีวิตได้เหรอ?”
ซูจือเฟยโบกมือ:”ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ความหมายของฉันคือ ผู้มีพระคุณฆ่านินจาพวกนั้นก่อน จากนั้นค่อยวางเพลิง หรือว่าเขาวางเพลิงเลย และเผ่านินจาพวกนั้นให้ตายอยู่ด้านใน?”
ซูจือหยูรู้สึกเย็นวาบๆที่แผ่นหลังของตัวเอง ส่ายหัวและพูด:”เรื่องนี้…ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน…”
ขณะพูด ในความคิดของเธอ ก็ปรากฏภาพของเย่เฉิน และเธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำ:”ผู้มีพระคุณเขา…ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป…อยากรู้จริงๆว่าเขาเป็นใครกันแน่…”
ซูจือเฟยพูดด้วยรอยยิ้ม:”ถ้าอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร ก็ให้คนในตระกูลของเราตรวจสอบประวัติของเขาสิ อยู่ในประเทศจีน ยังไม่มีประวัติของใครที่พวกเราอยากรู้และตระกูลของเราตรวจสอบไม่เจอ?”
ซูจือหยูส่ายหัว:”เห็นได้ชัดว่าผู้มีพระคุณไม่ต้องการให้พวกเรารู้ประวัติของเขา ถ้าพวกเราจงใจไปตรวจสอบ ถ้าทำให้เขาโกรธ พวกเราจะทำยังไงดี?”
ซูจือเฟยจุ๊ปาก:”ใช่ สิ่งที่เธอพูดมันก็เป็นเรื่องจริง…”
เมื่อพูดจบ ซูจือเฟยก็คิดถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้ของเย่เฉินกับท่านนินจาใหญ่อิงะและพูดว่า:”ใช่แล้ว เมื่อสักครู่ตอนที่ฉันโดนคลุมศีรษะ ได้ยินผู้มีพระคุณพูดกับคนของตระกูลอิงะว่า เขาเป็นเพื่อนกับคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิโตะ?”
“อ้อ ใช่จริงๆด้วย!”ซูจือหยูพยักหน้าและพูดทันที:”เหตุผลที่เขาตามมาถึงที่นี่ เพราะลูกสาวของนางาฮิโกะอิโตะ”
ซูจือเฟยพูด:”รู้สึกว่าเธอจะชื่ออิโตะนานาโกะ?”
“ใช่”ซูจือหยูพูดทันที:”ดูเหมือนเธอจะชื่ออิโตะนานาโกะ เป็นผู้หญิงที่สวยมากๆ และเธอก็เป็นยอดฝีมือด้านศิลปะการต่อสู้”
ซูจือเฟยพูดซุบซิบนินทาว่า:”เฮ้ย จือหยู เธอคิดว่าผู้มีพระคุณจะเป็นแฟนหนุ่มของอิโตะนานาโกะหรือเปล่า? บางที่เขาอาจจะเป็นลูกเขยในอนาคตของนางาฮิโกะอิโตะก็ได้ จากนี้ไปพวกเราควรติดต่อและร่วมมือกับนางาฮิโกะอิโตะให้เยอะๆ บางทีพวกเราอาจจะมีโอกาสเจอหน้าผู้มีพระคุณอีกครั้ง”
ซูจือหยูได้ยินคำพูดนี้ จู่ๆเธอก็รู้สึกไม่สบายใจมากๆ
เธอรู้สึกผิดหวังและถามตัวเองในใจ:”ผู้มีพระคุณเป็นแฟนหนุ่มของอิโตะนานาโกะจริงๆเหรอ? ผู้มีพระคุณเป็นคนจีน ทำไมเขาต้องอยู่กับผู้หญิงญี่ปุ่นด้วย? ทำไมเขาไม่คบหาดูใจ แต่งงาน มีลูกกับผู้หญิงจีนละ?”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูจือหยูก็ถอนหายใจเบาๆและพูด:”ฉันจะโทรหาคุณพ่อก่อน…”
“ดีเลย” ซูจือเฟยพยักหน้า ก้มหน้าลงและจับหิมะขึ้นมาหนึ่งกำมือจากพื้น แล้วเอาหิมะมาถูที่ใบหน้า ถอนหายใจและพูด:”โอ้โห ความรู้สึกที่รอดชีวิตจากความตาย มันช่างดีจริงๆ…”
…