บทที่ 1812 งานประชุมสหพันธ์บูโดสมาพันธ์บูโด
เยี่ยนเฉินกรุ๊ป ห้องทำงานประธานใหญ่
เซี่ยเหอมองหน้าตัวเองในกระจก ใบหน้kเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ หล่อนมีความรู้สึกเหมือนอยู่ในฝัน
“สรรพคุณของครีมยั้งอายุ ช่างดีสุดยอดเลยใช่ไหม？”
สักครู่ใหญ่ เซี่ยเหอจึงได้หันไปด้านข้าง หยางเฉินกำลังหัวเราะหุๆ มองหล่อนอยู่
เมื่อสิบนาทีก่อนหน้านี้ หยางเฉินได้ให้ครีมยั้งอายุหนึ่งกระปุกเล็ก ๆ และให้ทาที่ใบหน้าครึ่งซีกซ้าย ตอนนี้ ใบหน้าครึ่งซีกของหล่อนเหมือนมีการเปลี่ยนผิวใหม่ เนื้อผิวหนังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นชัด
เมื่อคืนนี้นอนหลับไม่สนิท เดิมทีขอบตายังออกดำคล้ำอยู่ เมื่อกี้นี้ได้ทาครีมยั้งอายุแล้ว ขอบตาที่ดูดำคล้ำนั้นหายเกลี้ยง
หยางเฉินพูดยิ้ม ๆ “เธอจัดการทาครีมบนหน้าอีกข้างที่เหลือก่อนเถอะ เดี๋ยวลืมแล้วจะออกไปให้ใครเห็นไม่ได้”
แก้มหน้าทั้งสองข้าง ดูเป็นหน้าคนละหน้ากันเลย เซี่ยเหอก็นึกขึ้นได้ รีบทำการทาครีมยั้งอายุกับใบหน้าอีกข้าง
ผ่านไปอีกสิบนาที ใบหน้าของเซี่ยเหอสองข้างทั้งซ้ายขวา ก็ได้อยู่ในสภาพที่เหมือนกัน
เซี่ยเหอมองดูตัวเองในกระจก บนใบหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชม
“ฉันได้เห็นแล้วในความคิด ถึงวันที่ครีมยั้งอายุดังไปทั่วโลก”
เซี่ยเหอมองหน้าหยางเฉิน ใบหน้ายิ้มแย้ม
หยางเฉินหัวเราะแล้วพูดว่า “ในเมื่อไม่มีปัญหาอะไรแล้ว งั้นพวกเราไปถ่ายทำงานโฆษณาประชาสัมพันธ์กันเถอะ！”
“ตกลง！”
ด้วยทางด้านเยี่ยนเฉินกรุ๊ปได้จัดเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างไว้เรียบร้อยแต่เนิ่น ๆ แล้ว เซี่ยเหอก็แสดงออกได้ดีมาก แผนงานถ่ายทำงานโฆษณาประชาสัมพันธ์เดิมวางไว้ที่สองชั่วโมง สรุปแล้วใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง ทุกอย่างก็เรียบร้อย
เซี่ยเหอยังมีงานติดพันอยู่ที่ทีมงานละคร พอถ่ายทำงานประชาสัมพันธ์เสร็จ ก็จากไป
ต่อจากนั้น ก็ไม่มีอะไรที่หยางเฉินต้องทำ มีลั่วปิงดูแลอยู่ ผลการโฆษณาครีมยั้งอายุมั่นใจว่าต้องดีมาก
ในเที่ยงวันนั้น การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ครีมยั้งอายุ ก็ได้ลงในสื่อโซเชียลทั้งหมดแล้ว
ตัวเซี่ยเหอมีกระแสนิยมในตัวเองอยู่แล้ว หลังจากครีมยั้งอายุ เปิดตัวทำประชาสัมพันธ์ ในช่วงเพียงครึ่งชั่วโมง ก็ได้ขึ้นสู่แพลตฟอร์มสื่อระดับฮอตเสิร์ช
และลั่วปิงก็ได้อาศัยโอกาสนี้ จัดรายการเปิดตัว เป็นรายการของครีมยั้งอายุ ตัวเขาเองขึ้นเวทีแนะนำสรรพคุณของครีมยั้งอายุแจกของตัวอย่างครีมยั้งอายุ เป็นกระปุกเล็กแก่บรรดาเพื่อนนักข่าวที่มาในงาน
ในคืนนั้นเอง ครีมยั้งอายุพุ่งขึ้นสู่ฮอตเสิร์ชระดับพาดหัว เดิมก็มีกลุ่มนักข่าวที่ได้ครีมตัวอย่างมาเห็นว่าน้อยไป ในใจเก็บความไม่พอใจอยู่ เห็นว่าเยี่ยนเฉินกรุ๊ปใจแคบเกินไป
แต่ทว่า หลังเสร็จงานสัมภาษณ์แล้ว พอได้ทดลองใช้ครีมยั้งอายุเองแล้วพบกับสรรพคุณทางยาที่สุดมหัศจรรย์ เดิมบางคนที่มีเตรียมร่างบทความป้ายสี ก็จัดการลบเอกสารร่างทิ้ง เปลี่ยนแก้ไขเป็นข่าวสารบทความแนะนำเชียร์
มีนักข่าวช่วยประโคมข่าว ยังมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปอย่างเต็มที่ ครีมยั้งอายุดังระเบิด
ค่ำคืนนั้น ลั่วปิงโทรศัพท์เข้ามา พูดด้วยความตื่นเต้น “ท่านประธาน ครีมยั้งอายุดังระเบิดจริง ๆ มีสายการตลาดหลายฝ่ายถึงขนาดยังไม่สามารถรับของได้ ก็ยังโอนเงินเข้ามาให้ก่อน”
ระยะนี้ ลั่วปิงได้รับความกดดันสูงมาก เพราะว่าหยางเฉินไม่อยู่ โยชิดะแชโบลก็จ้องเล่นงานหยางเฉินกรุ๊ป ทำเอาผลงานธุรกรรมของเยี่นเฉิงกรุ๊ปตกฮวบฮาบลงเป็นวงกว้าง
ตอนนี้ ครีมยั้งอายุดังระเบิดขึ้นมา พาเอาผลธุรกิจของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเพิ่มทวีอย่างระเบิด ทำให้เขาตื่นใจอย่างที่สุด
หยางเฉินหัวเราะ “ดังระเบิดนั้นถูกต้องแล้ว คุณจะต้องจับโอกาสนี้ไว้ให้ดี พยายามอย่างที่สุดในการเพิ่มกำลังผลิต”
“ครับ！”
ลั่วปิงรับคำอย่างตื่นเต้น
เฝิงเสียวหว่านเห็นสีหน้าหยางเฉินยิ้มแย้ม หล่อนก็พลอยยินดีเป็นยิ่ง
เห็นหยางเฉินวางสายโทรศัพท์ หวยหลานพูดยิ้ม ๆ ว่า “พี่หยาง ครั้งนี้ ต้องยกให้เป็นเพราะเสียวหว่าน พี่ต้องให้รางวัลเสี่ยวหว่านเต็มที่หน่อยหละ！”
หยางเฉินหัวเราะด้วยเสียงอันดัง มองไปที่เฝิงเสียวหว่าน “ครีมยั้งอายุเป็นผลงานวิจัยของเสียวหว่าน ต้องตบรางวัลเต็มที่อย่างแน่นอน ผมได้ประสานงานและสั่งการลั่วปิงไว้แล้ว ให้แบ่งผลกำไรของครีมยั้งอายุร้อยละยี่สิบ ยกให้เธอเสียวหว่าน”
ได้ยินที่หยางเฉินพูด เฝิงเสียวหว่านก็ตกใจ รีบส่ายหน้าพูดว่า “พี่หยาง ฉันไม่เอาอะไรทั้งนั้น ครีมยั้งอายุถึงแม้จะเป็นผลงานการวิจัยของฉัน แต่ก็ใช้เงินของพี่ พี่ลงทุนซื้อเครื่องยาสมุนไพรมามากมาย ถึงได้ผลออกมา”
หยางเฉินหัวเราะแล้วพูดว่า “มันเป็นสิ่งที่เธอควรจะได้ พี่หยางให้เธอ เธอก็มีหน้าที่รับไป”
พูดจบ เขาก็ถามอีกว่า “หม่าชาวเป็นยังไงมั่ง？”
หวยหลานตอบยิ้ม ๆ “วางใจเถอะ เขาดีขึ้นมาก เมื่อช่วงบ่ายนี้ เสียวหว่านได้ฝังเข็มบำบัดให้ที่ขาของเขา ตอนนี้เดินด้วยตัวเองได้แล้ว”
เมื่อตอนเช้า หม่าชาวยังต้องให้คนคอยพยุง ถึงจะเดินไปได้ช้า ๆไม่คิดว่า ในเวลาอันรวดเร็วเท่านี้ เขาก็เดินเองได้ โดยไม่ต้องให้คนพยุง
เฝิงเสียวหว่านพูดว่า “ตามสภาพนี้ลงไป อย่างมากก็คงอีกครึ่งเดือน ขาของเขาก็จะเป็นปกติได้”
ขณะกำลังคุยกัน สามพ่อแม่ลูก เดินเข้ามาจากข้างนอก
ในอ้อมอกของอ้ายหลินอุ้มจิ้งอันน้อยอยู่ หม่าชาวเดินโขยกเขยกตามมา ไม่ต้องให้ใครประคอง
“ช้า ๆ หน่อย คุณนี่จะเร่งจะรีบอะไรกัน？”
หม่าชาวดูจะรีบเร่งเดินไปหน่อย เกือบเสียหลักล้ม อ้ายหลินรีบเอ่ยปาก
“ฮา ๆ ๆ ๆ ………”
ทุกคนพากันหัวเราะขึ้นมา
หยางเฉินเห็นภาพที่แสนอบอุ่นนี้ ใบหน้ายิ้มแย้ม ในสมองกลับเห็นภาพเงาร่างของฉินซีกับเสี้ยวเสี้ยวขึ้นมาทันที
รอให้เรื่องของแชโบลนัดประลองยุทธกับผู้แข็งแกร่งจิ่วโจวเสร็จสิ้นลงไปก่อน เขาก็น่าจะพาครอบครัวกลับมาได้แล้ว
แต่ว่า คิดถึงฉินยีซึ่งตอนนี้กลายเป็นธิดาเทพแห่งสำนักเซิ่งกงแล้วนั้น จิตใจก็ให้รู้สึกเป็นกังวล
เขาเข้าใจเป็นอย่างดี คนทั่วไปที่เป็นคนธรรมดา คิดจะก้าวเปลี่ยนขึ้นไปเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น มันยากมากแค่ไหน
ถึงแม้เขาจะไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นในตัวของฉินซี แต่ที่เห็นแน่ ๆ อยู่ก็คือ ฉินยีต้องไปพบกับสิ่งมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ มิฉะนั้นแล้วคงไม่สามารถใช้เวลาสั้น ๆ เพียงปีเดียว จากคนธรรมดาปกติ เปลี่ยนกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังฝีมือถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นได้
การก้าวกระโดดของพลังบูโด เก่งกาจยิ่งกว่าเขาอีกมากทีเดียว
“พี่หยาง！”
หยางเฉินกำลังคิดไปถึงคนครอบครัว เฝิงเสียวหว่านเดินเข้ามา นั่งอยู่ข้าง ๆ หยางเฉิน ถามด้วยสีหน้ากังวล “พี่หยาง พี่ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย？”
หยางเฉินยิ้มพลางส่ายหน้าพลาง “พี่ไม่เป็นไร วางใจเถอะ”
ในทันทีนั้นเฝิงเสียวหว่านหยิบเอากระปุกเคลือบสีขาวออกมาใบหนึ่ง ยื่นส่งให้หยางเฉิน
หยางเฉินถามไปว่า “นี่จะเป็นยาเม็ดอะไรอีก？”
สีหน้าเฝิงเสียวหว่านดูเคร่งขรึมพูดว่า “นี่เป็นยาเม็ดฟื้นพลังที่ฉันเพิ่งวิเคราะห์สำเร็จออกมาได้ เมื่อได้กินเข้าไปแล้ว จะเร่งฟื้นพลังได้อย่างรวดเร็ว มะรืนนี้ก็เป็นวันที่นัดประลองยุทธพวกแชโบลประเทศซันกับผู้แข็งแกร่งจิ่วโจวแล้ว พวกคนประเทศซันเหี้ยมโหดเจ้าเล่ห์ร้าย พี่ต้องระวังตัวให้ดี！”
หยางเฉินรู้สึกตื้นตันขึ้นมาในใจ ยิ้มน้อย ๆ แล้วผงกหัว “วางใจได้ พี่หยางของเธอเก่งกาจมาก ไม่ใช่พวกขยะจากประเทศซันจะมาเอาชนะได้”
วันรุ่งขึ้น ตั้งแต่เช้ามืด หยางเฉินเพิ่งมาถึงที่ห้องโถง ก็เห็นหวยหลานเดินเข้ามาจากข้างนอก ในมือมีหนังสือเชิญฉบับหนึ่ง
“หนังสือเชิญของสมาพันธ์บูโด วันนี้เที่ยง12นาฬิกา ที่ โรงแรมเยี่ยนตู จะจัดงานประชุมสมาพันธ์บูโด ขอเชิญคุณเข้าร่วมด้วย”
หวยหลานพูดไป ยื่นส่งหนังสือเชิญนั้นให้หยางเฉิน
หยางเฉินขมวดคิ้ว “สมาพันธ์บูโด？”
เขาก็ยังเพิ่งจะได้ยินชื่อกลุ่มอิทธิพลนี้เป็นครั้งแรก