ศิษย์พี่รอง!
หลินสวินอึ้งไป จมสู่ภวังค์
ความหมายของคำพูดนี้ของศิษย์พี่รั่วซู่ เห็นได้ชัดว่ากำลังบอกว่า ศิษย์พี่รองที่จนตอนนี้ยังไม่ปรากฏตัวออกมา อยู่ในโลกมืด!
‘ศิษย์พี่รองเขา… เป็นคนระดับใดกันแน่’
หลินสวินอดคิดไปต่างๆ นานาไม่ได้
บนท้องฟ้าไม่เห็นเงาร่างของเหล่าศิษย์พี่คีรีดวงกมลแล้ว เฒ่าโดดเดี่ยวและราชครูก็ทยอยจากไปเช่นกัน
กลางฟ้าดินที่กลายเป็นเศษซากหักพัง เหลือเพียงหลินสวินคนเดียว
“ผู้อาวุโสดอกกระบี่พันปีก คำขอร้องของท่าน… ข้าได้ทำให้แล้ว”
หลินสวินถอนหายใจยาว
ยามอยู่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ ดอกกระบี่พันปีกเคยมอบ ‘กระบี่ไผ่สดับหิมะ’ ให้หลินสวิน ขอให้เขาส่งมอบให้ศิษย์พี่เสวี่ยหยา
เมื่อครู่นี้หลินสวินได้ส่งกระบี่นี้ให้ศิษย์พี่เสวี่ยหยาแล้ว ตอนที่อีกฝ่ายเห็นกระบี่นี้ก็อึ้งไปเล็กน้อย ก่อนหลุดขำอย่างหมดคำพูด ‘ดอกกระบี่น้อยต้นนั้นถึงกับยังนึกถึงเรื่องนี้ นับว่ามีน้ำใจ ไม่เสียแรงที่ข้าช่วยเปิดจิตตื่นรู้ให้นางในตอนนั้น’
ตอนนั้นหลินสวินก็ยิ้มแล้ว
นี่ก็คือบุญวาสนา หนึ่งเหตุหนึ่งผลก็เป็นเช่นนี้
ครู่ใหญ่หลินสวินหมุนตัวจากไปเพียงลำพัง
เขายังจำได้แม่นว่าชายหนุ่มจักจั่นทองเคยพูดว่า จอมจักรพรรดิไร้นามนี้ถูกตีพ่ายแล้ว ทว่าต้นกำเนิดของพลังระเบียบต้องห้าม จะมี ‘จอมจักรพรรดิไร้นาม’ อีกคนปรากฏตัวไม่เร็วก็ช้า
ถึงตอนนั้นทั่วทั้งทางเดินโบราณฟ้าดาราจะอยู่ในเงามืดของพลังระเบียบต้องห้ามอีกครั้ง
ทว่าหลินสวินไม่กลัวแล้ว
ได้เห็นความองอาจในการต่อสู้ของศิษย์พี่ใหญ่ ได้เห็นฝีมือล้ำเลิศที่เผยออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจของชายหนุ่มจักจั่นทอง หลินสวินยิ่งมั่นใจเรื่องหนึ่ง…
ขอเพียงแค่ตนแข็งแกร่งมากพอ พลังระเบียบต้องห้ามนั่น… ก็สามารถถูกโจมตีจนพ่ายแพ้ได้!
……
นั่นเป็นเขตแดนดาราที่รกร้างเปล่าเปลี่ยวแห่งหนึ่ง
“อาไป๋ เตรียมตัวหน่อย พวกเราควรไปแล้ว”
ชายหนุ่มจักจั่นทองและเซียนผลาญเฉินหลินคงปรากฏตัวกลางอากาศ เคลื่อนสายตาไปมองเด็กสาวงดงามที่แปลงจากจักจั่นขาวนั่น
หว่างคิ้วของเด็กสาวปรากฏความขุ่นเคือง “ข้าพูดกี่ครั้งแล้วว่า ตอนที่มีคนนอกอย่าเรียกข้าว่าอาไป๋!”
“ได้ อาไป๋”
ชายหนุ่มจักจั่นทองพูดสบายๆ
เด็กสาวโกรธจนอยากพุ่งเข้าไปซัดชายหนุ่มจักจั่นทองเสียเดี๋ยวนี้
เฉินหลินคงหัวเราะเสียงดังขึ้นมา เอ่ยถามว่า “ให้เรียกคนอื่นมาพร้อมกันหรือไม่”
สายตาของชายหนุ่มจักจั่นทองมองไปยังส่วนลึกของฟ้าดาราอันรกร้างผืนนั้น ครู่ใหญ่ถึงยิ้มพูดว่า “เกรงว่าคงไม่ได้แล้ว ในพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณแห่งนี้ พวกที่สามารถจากไปได้เริ่มเคลื่อนไหวล่วงหน้าไปก่อนแล้ว”
เฉินหลินคงสัมผัสคร่าวๆ แล้วอดพูดอย่างจนใจไม่ได้ “จากที่ข้าดู พวกที่ยังไม่ไป เกรงว่าก็คงไม่คิดจะไปแล้ว”
ชายหนุ่มจักจั่นทองพยักหน้ากล่าว “ล้วนแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิแล้ว ยังไม่ปล่อยวางจากเรื่องเล็กบนโลก ไปหรือไม่ไปไม่อาจบังคับ”
“ไม่ถูกต้อง”
เขาขมวดคิ้ว “เหตุใดมหาจักรพรรดิอีกาทองก็เลือกจะอยู่ต่อด้วย”
อาไป๋พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ได้ยินว่าเพราะมีคนตัดต้นฝูซางในหุบเขาตะวันคล้อยที่ดินแดนรกร้างโบราณ ทำให้เจ้าเฒ่าคนนี้เกิดความยึดติด สาบานว่าจะแก้แค้น แม้ตอนนี้จะปิดด่านอยู่ แต่ตอนที่เขาออกด่านจะต้องไปแก้แค้นอย่างแน่นอน”
ชายหนุ่มจักจั่นทองขานรับว่าอ้อ แล้วถามว่า “เฟยหลันล่ะ”
เฟยหลันก็คือสิ่งมีชีวิตวิญญาณน่ากลัวที่ร่างเดิมเป็นผีเสื้อราตรีสีเลือด มีความสัมพันธ์ร่วมเป็นร่วมตายกับ ‘เทียนเชวีย’ เจ้าของธนูวิญญาณไร้แก่นสาร
ยามอยู่ในป่าต้นหม่อนเคยช่วยหลินสวินสังหารศัตรู
“ไปแล้ว” อาไป๋พูด
ชายหนุ่มจักจั่นทองเงียบไปครู่หนึ่ง
เจ้าของธนูวิญญาณไร้แก่นสารเทียนเชวีย เป็นผู้กล้าชั้นเลิศที่แม้แต่จักจั่นทองยังชื่นชม ทว่าเมื่อนานมาแล้วกลับพบเจอการลอบโจมตีที่อันตรายถึงชีวิต ถูกมหาจักรพรรดิอีกาทองฉวยโอกาสโจมตีสังหาร
ตอนนี้ธนูวิญญาณไร้แก่นสารตกอยู่ในมือหลินสวิน ‘อู้เชวีย’ วิญญาณอาวุธนี้หลุดออกจากหุบเขาตะวันคล้อย ไม่ต้องเดาชายหนุ่มจักจั่นทองก็รู้ว่า เรื่องที่ช่วยอู้เชวียออกไปและตัดต้นเทพฝูซางจะต้องเกี่ยวข้องกับหลินสวินอย่างแน่นอน
‘ต้นเทพฝูซางเป็นถึงรากฐานของเผ่าอีกาทอง กลับถูกเจ้าหมอนั่นตัดไป ไม่แปลกที่มหาจักรพรรดิอีกาทองจะโกรธจนแม้แต่ฟากฝั่งฟ้าดาราก็ไม่ไปแล้ว…’
‘หนี้เลือดครั้งนี้ เหรงว่าจะไปคิดบัญชีที่เจ้าหมอนี่อีกแล้ว…’
คิดถึงตรงนี้ชายหนุ่มจักจั่นทองก็ส่ายหน้าระลอกหนึ่ง เขาไม่มีความคิดจะแทรกแซงเรื่องนี้
แม้ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านั้นจะจากไปแล้ว แต่มีหรือที่พวกเขาจะไม่ทิ้งทางหนีทีไล่อะไรไว้บนทางเดินโบราณฟ้าดารา
หากมหาจักรพรรดิอีกาทองคิดว่าหลินสวินสามารถรังแกได้ เช่นนั้นก็ผิดมหันต์แล้ว
“ไปเถอะ”
ไม่นาน จักจั่นทอง จักจั่นขาว และเฉินหลินคงก็หายไปพร้อมกัน
และในส่วนลึกของฟ้าดาราที่ราวกับถูกทิ้งร้างนี้ มีทะเลสาบหินหนืดที่เผาไหม้เดือดพล่านอยู่ในฟ้าดาราที่พาดขวาง ดวงดาวที่โคจรอยู่ใกล้ๆ ล้วนมอดไหม้ เปลวเพลิงลามไปหมื่นจั้ง
ส่วนลึกของทะเลสาบหินหนืด กฎเกณฑ์เปลวเพลิงหนาใหญ่ราวกับมังกร เดินอยู่รอบตัวคนแก่ชุดคลุมทองคนหนึ่ง
เขานั่งขัดสมาธิ ระหว่างที่หายใจเข้าออก กายใจราวกับกลายเป็นโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง ในโลกเต็มไปด้วยทิวทัศน์น่ากลัวที่เพลิงท่วมฟ้า
มหาจักรพรรดิอีกาทอง!
เฒ่าชราคนหนึ่งในพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ ทรงพลังเลิศล้ำ โหดเหี้ยมเลือดเย็น สังหารมานับไม่ถ้วน!
ตอนที่เงาร่างของจักจั่นทอง เฉินหลินคงจากไป ชั่วพริบตานี้จู่ๆ มหาจักรพรรดิอีกาทองที่ปิดด่านอยู่ก็ลืมตาขึ้น
พริยตานั้นดั่งสุริยันคู่หนึ่งผุดขึ้นในดวงตาของเขา!
“หลายปีมานี้หากไม่ใช่เพราะเจ้าจักจั่นทองกักขังไว้ ข้าคงบุกสังหารออกไปจากที่นี่ พิชิตบนฟ้าดารา และไม่ทำแค่เฝ้าอยู่ที่นี่ตาปริบๆ ปล่อยให้ต้นเทพฝูซางถูกหัวขโมยตัด!”
เปลวเพลิงน่ากลัวพวยพุ่งในดวงตาเขา น่ากลัวจนกำเริบหมายจะกลืนกิน “ตอนนี้ในที่สุดเจ้าก็จากไปแล้ว…”
ตูม!
มหาจักรพรรดิอีกาทองลุกขึ้น ทะเลสาบหินหนืดใหญ่ที่พาดขวางในฟ้าดารา จู่ๆ ก็ถูกร่างกายของเขากลืนกินหมดสิ้น
เขาราวกับสุริยันกลางฟ้าดวงโตดวงหนึ่ง ส่องประกายหมื่นจั้ง ส่องสว่างเขตแดนดาราที่ถูกทิ้งร้างแห่งนี้
“ในที่สุดเจ้าเฒ่านั่นก็ทนไม่ไหวแล้ว”
“ต้นเทพฝูซางเป็นหนึ่งในสี่ไม้เทพที่มหัศจรรย์ที่สุดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และเป็นต้นกำเนิดที่เผ่าอีกาทองคงอยู่มาถึงทุกวันนี้ ตอนนี้ถูกคนทำลายไปแล้ว เจ้าเฒ่าอีกาทองจะไม่ร้อนรนได้อย่างไร”
ในมุมมืด พลังเจตจำนงสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้น สังเกตการเคลื่อนไหวของมหาจักรพรรดิอีกาทอง
“พวกเจ้าจะดูความครื้นเครงของข้าหรือ”
จู่ๆ มหาจักรพรรดิอีกาทองก็พูดเสียงเย็น ดังก้องไปทั่วทั้งฟ้าดารา
ทันใดนั้นพลังเจตจำนงที่พูดคุยกันเหล่านั้นล้วนหายไป เงียบกริบเหมือนจักจั่นหน้าหนาว
ฟุ่บ!
ครู่ต่อมามหาจักรพรรดิอีกาทองก็เริ่มการเคลื่อนไหว
ทว่ายังไม่รอออกจากเขตแดนดาราที่ราวกับถูกทิ้งร้างแห่งนี้ เสียง ‘ตึง’ ดังขึ้นคราหนึ่ง มหาจักรพรรดิอีกาทองเพียงรู้สึกเจ็บแปลบที่ท้ายทอย ราวกับถูกคนสะบัดฝ่ามือใส่อย่างแรง เงาร่างสั่นไหวระลอกหนึ่ง ภาพตรงหน้ามืดสลัวขึ้นมา
“ใคร!?”
เขาตวาดอย่างเดือดดาล ร่างกายแผ่กฎเกณฑ์เพลิงเทพที่เผาไหม้ท้องฟ้า สามารถเห็นได้รางๆ ว่าเงามายาของอีกาทองสามขาตัวหนึ่งปกคลุมฟ้าดาราผืนนี้ พลังอำนาจน่ากลัวไม่อาจประเมิน
“ภายในร้อยปี ห้ามออกจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว”
เสียงที่ว่างเปล่าและเลื่อนลอยเสียงหนึ่งดังขึ้น
มหาจักรพรรดิอีกาทองตัวสั่น ด้วยระดับพลังปราณของเขา กลับไม่สามารถจับได้ว่าเจ้าของเสียงนี้อยู่ที่ไหนกันแน่
นี่สามารถพิสูจน์ได้เพียงว่า พลังปราณของอีกฝ่ายเหนือกว่าเขามาก!
ทันใดนั้น สีหน้าของมหาจักรพรรดิอีกาทองพลันอึมครึมไม่สามารถสงบได้ ในใจอัดอั้นจนแทบจะกระอักเลือด อุตส่าห์ทนจนจักจั่นทองตัวนั้นจากไป ใครจะคิดว่า เพิ่งคิดจะจากไป ก็ก้าวเท้าผิดเสียแล้ว!
“เจ้าได้ยินชัดแล้วหรือยัง”
เสียงอันว่างเปล่าและเลื่อนลอยนั่นดังขึ้นอีกครั้ง
มหาจักรพรรดิอีกาทอง เขาจะยอมก้มหัวเช่นนี้ได้อย่างไร
ปัง!
ท้ายทอยของเขาโดนตีอีกที ภาพตรงหน้าพร่ามัว
เขาเป็นถึงการดำรงอยู่ระดับมหาจักรพรรดิ บุคคลระดับวีรชนที่ไม่ปรากฏต่อโลก ตอนนี้กลับเหมือนเด็กคนหนึ่งกำลังถูกผู้ใหญ่สั่งสอน ทำให้เขาหน้าแดงก่ำ ในใจเต็มไปด้วยความอับอาย
รังแกกันเกินไปแล้ว!
“เจ้าเป็นใคร กล้ามาสู้กันหรือไม่”
มหาจักรพรรดิอีกาทองคำราม สั่นสะเทือนฟ้าดาราผืนนี้
สิ่งที่ตอบรับ คือมือใหญ่ที่ขาวผ่องเรียวยาวข้างหนึ่งที่ขวางกั้นฟ้าดาราอันไม่มีสิ้นสุดลอมา นิ้วมือทุกนิ้ว ล้วนราวกับสามารถค้ำวัฏจักรนี้ได้ ยิ่งใหญ่จนไม่สามารถจินตนาการได้
มหาจักรพรรดิอีกาทองหลบไม่ทันด้วยซ้ำ พลันถูกมือใหญ่จับไว้เหมือนหนอนตัวหนึ่ง จากนั้นทิ้งบนส่วนลึกที่สุดของฟ้าดาราร้างผืนนี้อย่างรุนแรง
โครม!
พิรุณแสงที่แปลงจากพลังกฎระเบียบจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นตาม กลายเป็นภูเขาใหญ่ลูกหนึ่ง ปราบปรามมหาจักรพรรดิอีกาทองไว้ด้านล่าง
จนกระทั่งตอนนี้ มหาจักรพรรดิอีกาทองจึงรู้สึกถึงความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว แข็งแกร่งจนทำให้เขาไม่มีโอกาสในการตอบโต้ใดๆ!
“ข้าเคยสาบานว่าจะไม่ฆ่าคนในพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ อีกาทองเฒ่า อีกร้อยปี เจ้าจะหลุดพ้นเอง ปฏิบัติตัวดีๆ หน่อย”
เสียงนั่นจนตอนนี้จึงหายไปอย่างสิ้นเชิง
และมหาจักรพรรดิอีกาทองที่ก่อนหน้านี้ทลายด่านออกมาด้วยพละกำลังที่ท่วมท้วน หมายจะก้าวสู่เส้นทางการต่อสู้ กลับก้าวผิด ยังไม่ทันจากไป ก็ถูกปรามปราบโดยตรง!
พลังแห่งเจตจำนงมากมายที่เฝ้ามองฉากนี้อยู่ในที่มืด ล้วนรู้สึกมึนงงอย่างไม่มีข้อยกเว้น บุคคลระดับมหาจักรพรรดิอีกาทอง ถูกปราบปรามง่ายๆ เช่นนี้เช่นนั้นหรือ
“เป็นเจ้าได้อย่างไร…”
ตอนนี้ มหาจักรพรรดิอีกาทองราวกับคิดอะไรออก เผยสีหน้ายากจะเชื่อ เคยสาบานว่าจะไม่สังหารพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ ซึ่งก็คือจักจั่นทองตัวนั้น
เหตุใดพลังปราณของเขาจึงน่ากลัวขนาดนี้
เขา…เป็นใครกันแน่?
ในใจมหาจักรพรรดิอีกาทองกระเพื่อมไหว เขารู้จักจักจั่นทอง ตลอดเวลาที่ผ่านมา คนที่เขาอ่านใจไม่ออกและต่อต้านที่สุด ก็คือจักจั่นทองที่ชอบเพียง ‘พูดคุย’
ทว่ามหาจักรพรรดิอีกาทองคิดไม่ถึงว่า จักจั่นทองที่เก็บตัวคนนี้ กลับน่ากลัวเพียงนี้!
ในเวลาเดียวกัน บนเส้นทางที่ห่างจากที่นี่ฟ้าดาราวัฏจักรนับไม่ถ้วน จักจั่นทองยิ้มพูด “หนึ่งร้อยปี…ก็พอแล้ว”
เฉินหลินคงที่อยู่ข้างๆ พูดว่า “สุดท้ายเจ้าก็อดลงมือไม่ไหวเช่นนั้นหรือ”
“เมื่อนานมาแล้ว ข้าเคยฟังมหามรรคสามสิบปีที่คีรีดวงกมล จึงทำให้ข้าหยั่งรู้บนมหามรรคอย่างสิ้นเชิง เจ้าแห่งดวงกมลบอกข้าว่ามรรคสูงกว่าท้องฟ้า แต่สำหรับข้าบุญคุณของเจ้าแห่งดวงกมล ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าฟ้า ว่ากันถึงแก่นแท้ ข้าในตอนนี้ สู้เขาไม่ได้เลย”
จักจั่นทองถอนหายใจ
มรรคยิ่งใหญ่กว่าฟ้าเช่นนั้นหรือ
แล้วจะยิ่งใหญ่ว่าบุญคุณที่เขาประทานได้อย่างไร
เฉินหลินคงถาม “เจ้าว่า เจ้าแห่งดวงกมลสูงแค่ไหน”
“สูงกว่าในจินตนาการของข้าและเจ้า”
จักจั่นทองว่าแล้วก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว
เฉินหลินคงอึ้ง ในสายตากะพริบความตะลึงเสี้ยวหนึ่ง
ในจินตนาการของข้า ได้ถือว่าเจ้าแห่งดวงกมลว่าเป็นการดำรงอยู่ที่สูงส่งอย่างที่สุด หากสูงส่งกว่าที่เขาจินตนาการ ถ้าอย่างนั้นควรจะเป็นระดับใด
ในเวลาเดียวกัน บนฝั่งทางเดินโบราณฟ้าดาราที่ถูกตัดขาดมาตั้งนานแล้วนี้ หน้าตำหนักขนาดใหญ่ที่ไอเซียนอบอวล
เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้น ทำลายความเงียบตั้งแต่โบราณ——
“ฟากฝั่งฟ้าดารา…เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!”
——