บทที่ 1831 นักสู้ผู้เย่อหยิ่ง
หยางเฉินในตอนนี้ยังคงฝึกอยู่ในห้อง กับเรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอกเขาไม่มีเวลามากพอที่จะไปสนใจ
ปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นเหนือยอดเมฆาได้หายไปตั้งแต่ โยชิดะ โชมาถึงแล้ว
บนตัวของหยางเฉิน ได้มีรังสีที่ใกล้เคียงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นยอดถูกปล่อยออกมา ถึงแม้จะยังไม่ใช่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นจริงๆ แต่ศักยภาพนี้ มันได้เทียบเท่าผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นไปแล้ว
ประเด็นคือ เมื่อเวลาผ่านไป ลมปราณวิถีบู๊ของเขายังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การจะบรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นก็ไม่เป็นปัญหาแน่นอน
ในลานหน้าบ้านของยอดเมฆา ฟูจิวาระ ยูที่ถือดาบทาจิกำลังสู้กับไป๋หลี่จิงหวินที่ถือกิ่งไม้อย่างดุเดือด ทั้งคู่ต่างเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง แต่โยชิดะ โชกลับล่าถอยไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่สามารถสู้ไป๋หลี่จิงหวินได้เลยเลย
“ติง!”
ไป๋หลี่จิงหวินพุ่งไปข้างหน้าอย่างกะทันหัน สะบัดกิ่งไม้ในมือ กิ่งไม้ก็ได้ฟาดไปที่ดาบทาจิของโยชิดะ โช จนเกิดเสียงดังขึ้น
หลังจากการปะทะกัน คมดาบของดาบทาจิก็สะเทือนไปทีหนึ่ง แรงสะท้อนอันรุนแรงทำให้ดาบทาจิหลุดออกจากมือโยชิดะ โชเสียง “ตัง!” ดังขึ้น ดาบทาจิได้ร่วงลงพื้นไปแล้ว
สีหน้าของโยชิดะ โชเปลี่ยนไปทันที สำหรับนักสู้คนหนึ่ง ถ้าแม้แต่อาวุธของตนยังรักษาไว้ไม่ได้ งั้นผลแพ้ชนะก็ถูกตัดสินแล้ว
“ตุบ!”
กิ่งไม้ในมือไป๋หลี่จิงหวินได้ฟาดไปที่หน้าอกของ โยชิดะ โชอย่างแรง จนร่างของโยชิดะ โชกระเด็นออกไปกระแทกกับพื้นอย่างแรง
จังหวะที่โยชิดะ โชกระแทกพื้น ร่างกายของไป๋หลี่จิงหวินกลายเป็นภาพซ้อน จนมาปรากฏอยู่ตรงหน้าโยชิดะ โชทันที กิ่งไม้ในมือจิ้มไปที่หว่างคิ้วของโยชิดะ โช ขอเพียงใช้แรงอีกนิด มันก็สามารถเจาะทะลุหัวของโยชิดะ โชได้แล้ว
โยชิดะ โชเบิกตาโต ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ เขาแพ้แล้ว แพ้อย่างราบคาบ
ในครั้งนี้ เขาเป็นถึงตัวแทนของนักสู้ชาวซัน นำทีมผู้แข็งแกร่งชาวซันมาถึงเยี่ยนตู เพื่อท้ายดวลกับผู้แข็งแกร่งของจิ่วโจว แต่ว่าตอนนี้ แค่ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งของจิ่วโจวที่มาจากไหนไม่รู้ ก็สามารถเอาชนะเขาได้แล้ว
ถ้าไป๋หลี่จิงหวินคิดจะฆ่าเขาแค่ใช้แรงอีกนิด ก็สามารถฆ่าเขาได้แล้ว
“ออกมาได้แล้ว!”
ทันใดนั้นเอง ไป๋หลี่จิงหวินก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจ
หลังจากที่สิ้นเสียง ชายวัยกลางคนที่ใส่ชุดต่อสู้สองคนก็ได้เดินออกมาจากในความมืด
พอเห็นสองคนนั้น โยชิดะ โชก็ขมวดคิ้วอย่างแรง เพราะคนที่มาไม่ใช่ใครอื่น ซึ่งก็คืออาโอกิ ยามาโตะแห่งตระกูลอาโอกิกับคามิชิโร กุนโตแห่งตระกูลยูอิจินั่นเอง
ทั้งสามต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งจากตระกูลบู๊ที่อยู่เบื้องหลังแชโบลที่ยิ่งใหญ่ทั้งสามแห่งประเทศซัน ต่างคนนำทีมผู้แข็งแกร่งของตระกูลมาที่เยี่ยนตู
ภาพของโยชิดะ โชกำลังถูกไป๋หลี่จิงหยุนใช้กิ่งไม้จ่อไปที่หัว กลับถูกคามิชิโร กุนโตและอาโอกิ ยามาโตะเห็เข้า แค่คิดก็รู้ว่ามันน่าขายหน้าขนาดไหน
เพียงแต่ กคามิชิโร กุนโตและอาโอกิ ยามาโตะกลับไม่มีทีท่าว่าจะหัวเราะเยาะเขาเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองต่างจ้องมองไป๋หลี่จิงหวินด้วยสายตาที่เคร่งขรึม
พวกเขามาถึงตั้งนานแล้ว โดยแอบดูอยู่ในความมืดตลอด หลังจากที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของไป๋หลี่จิงหวินกับตาพวกเขาก็รู้ในทันที พรุ่งนี้ถ้าคนที่เข้าต่อสู้เป็นไป๋หลี่จิงหวิน การที่ประเทศซันมาท้ายสู้กับผู้แข็งแกร่งของจิ่วโจว ผลลัพธ์มีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือแพ้
“คุณคือคนจากตระกูลบู๊โบราณอย่างนั้นเหรอครับ?”
คามิชิโร กุนโตมองไปที่ไป๋หลี่จิงหวิน แล้วถามออกมาอย่างกะทันหัน
ไป่หลี่จิงหวินหันมองอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ให้โอกาสพวกแกครั้งหนึ่ง เข้ามาพร้อมกันเลย!”
การที่เป็นถึงผู้มีพรสวรรค์ของตระกูลไป๋หลี่ เขาจึงไม่มีทางเห็นผู้แข็งแกร่งของประเทศซันพวกนี้อยู่ในสายตาอยู่แล้วต่อให้เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือธรรมชาติสามคน เขาก็ไม่กลัว
สีหน้าของนักสู้ชาวซันทั้งสามต่างดูไม่ได้เลย สายตาที่ไป๋หลี่จิงหวินมองพวกเขา มันมีแต่การดูถูก
สำหรับพวกเขาแล้ว มันก็คือความอัปยศ
โยชิดะ โชรู้สึกอับอายยิ่งกว่า สีหน้าบูดเบี้ยวจากความเคียดแค้น พูดพร้อมกัดฟันว่า “พรุ่งนี้จึงจะเป็นวันที่เราทั้งสองฝ่ายนัดประลองกัน แกกล้าสู้อีกครั้งในวันพรุ่งนี้รึเปล่าล่ะ?”
พอได้ยินอย่านั้น คามิชิโร กุนโตและอาโอกิ ยามาโตะต่างมองไปที่ไป๋หลี่จิงหวิน ถึงพวกเขาจะมีกันสามคน แต่ต่อให้ร่วมมือกัน ก็ใช่ว่าจะสู้ไป๋หลี่จิงหวินได้ ถ้าจากไปตอนนี้ บางทีอาจจะเชิญผู้แข็งแกร่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ามาจากประเทศซันได้ก็ได้
ถ้าสู้กันตอนนี้ ใครจะเป็นฝ่ายชนะ ก็ยังไม่รู้
ไป๋หลี่หวินไม่ได้สนใจโยชิดะ โช ขมวดคิ้วอย่างแรง เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจว่า “พวกแกเนี่ยนะยังไม่คู่ควรให้ฉันไปท้าทายหรอก แต่ยังไงก็จะมีคนไปสู้กับพวกแก พวกแก ไสหัวไปได้แล้ว!”
พอได้ยินอย่างนั้น ผู้แข็งแกร่งวิถีบู๊ชาวซันทั้งสามก็ถึงกับงง นี่ไป๋หล่จิงหวินยอมปล่อยพวกเขาไปอย่างนั้นเหรอ?
ถูกต้อง สิ่งที่พวกเขาคิดอยู่ในใจก็คือ ไป๋หลี่จิงหวินยอมปล่อยพวกเขาไป
โยชิดะ โชที่ถือดาบทาจิไว้ในมือ เดิมก็เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในพวกเขาสามคนแล้ว แม้แต่เขายังเอาชนะไป๋หลี่จิงหวินไม่ได้แล้วยังต้องพูดถึงอาโกิ ยามาโตะ กับคามิชิโร กุนโตอีกเหรอ?
ต่อให้พวกเขาสามคนร่วมมือกัน ก็ใช่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของไป๋หลี่จิงหวิน
แถมการประลองในวันพรุ่งนี้ ต้องขึ้นไปทีละคน ถ้าไป๋หลี่จิงหวินออกโรง ผู้แข็งแกร่งที่มาจากประเทศซันก็มีแต่ต้องแพ้สถานเดียว
แต่เมื่อกี้ไป๋หลี่จิงหวินกลับบอกว่า พวกเขาสามคนไม่คู่ควรที่จะสู้กับเขา มันไม่เท่ากับว่า การประลองที่จะมีขึ้นพรุ่งนี้ ไป๋หลี่จิงหวินจะไม่เข้าร่วมอย่างนั้นเหรอ?
“หึ!”
จู่ๆ โยชิดะ โชก็ได้ทำเสียงฮึดฮัด สองตาจ้องเขม็งไปที่ไป๋หลี่จิงหวิน “ความอัปยศในวันนี้ ฉันจะจำมันไว้!”
พูดทิ้งท้ายไว้หนึ่งคำ โยชิดะ โชก็หันหลังแล้วรีบจากไปทันที
ทันใดนั้น ยอดเมฆาก็กลับมาสงบอีกครั้ง
และในตอนนี้ รังสีวิถีบู๊ในตัวหยางเฉินก็ค่อยๆ สงบลง เขาเดินออกมา จ้องมองไปยังไป๋หลี่จิงหวินที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
ไป๋หลี่จิงหวินก็มองหยางเฉิน รังสีวิถีบู๊ในตัวได้ถูกปลดปล่อยออกมา เหมือนต้องการทดสอบแดนวิถีบู๊ของหยางเฉิน
ทว่า สิ่งที่ทำให้เขาตกใจคือ ขากลับไม่สามารถพิสูจน์แดนของหยางเฉินได้เลย
โดยปกติ ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในแดนที่สูงกว่า สามารถพิสูจน์แดนของผู้ที่มีแดนวิถีบู๊ที่ต่ำกว่าได้อย่างง่ายดาย นอกจากคนที่มีแดนสูงกว่าตนจึงจะรับรู้ไม่ได้
แต่ก่อนหน้านี้หยางเฉินยังอยู่แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นสุดยอดเท่านั้น ต่อให้บรรลุ อย่างมากก็แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น แต่ไป๋หลี่จิงหวินเป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง แถมขาข้างหนึ่งยังก้าวเข้าไปในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายแล้ว ทำไมถึงพิสูจน์แดนของหยางเฉินไม่ได้ล่ะ?
ไป๋หลี่จิงหวินได้ถามไปว่า “บรรลุแล้วเหรอ?”
ใครจะไปคิด หยางเฉินกลับส่ายหน้า แล้วพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยว่า “น่าจะใกล้แล้ว!”
สี่พยางค์ แต่มันกลับทำให้ไป๋หลี่จิงหวินต้องผิดหวัง
ไป๋หลี่จิงหวินขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะฆ่าแกวันนี้ แต่หลังจากที่ได้รู้ว่าแกได้รับการท้าทายจากผู้แข็งแกร่งวิถีบู๊ชาวซันตามลำพังแล้ว ฉันจึงตัดสินใจว่าจะปล่อยแกไปก่อน”
“พรุ่งนี้ ถ้าแกเอาชนะนักสู้ของประเทศซันได้ ฉันค่อยฆ่าแก! แต่ถ้าแกตายด้วยน้ำมือของชาวซัน ฉันจะออกโรงด้วยตนเอง ฆ่าพวกชาวซันที่มีก่อความวุ่นวายทุกคนไม่ให้เหลือ!”
พูดจบ เขาก็จากไป พริบตาเดียวก็หายไปจากสายตาของหยางเฉินแล้ว