ตอนที่ 2061 คำว่าตายเขียนอย่างไร

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สมองเสื่อม…

ชายวัยกลางคนเกือบหลุดหัวเราะ

สือเล่อจื้อกลับสีหน้าเดือดดาล รู้สึกเหมือนถูกหยามหน้าครั้งใหญ่

หลินสวินคิดไปคิดมา ก่อนนำคันฉ่องทองแดงที่มีกลิ่นอายโบราณออกมาพลางกล่าว “เจ้ารู้จักของสิ่งนี้หรือไม่”

สือเล่อจื้อร้องเสียงหลงราวกับถูกฟ้าผ่า “นาง… นางถึงกับมอบคันฉ่องทองแดงนำทางที่ใช้มุ่งหน้าไปแดนอำพรางกับเจ้าด้วยหรือ”

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความริษยาและเกรี้ยวกราดรุนแรง “เจ้ายังจะบอกว่าเจ้าไม่เกี่ยวข้องกับชิงอิงอีกหรือ”

คันฉ่องทองแดงนำทาง!

หลินสวินเหมือนนึกอะไรได้

ตอนที่จากเมืองหลินอันมา ชิงอิงเคยมาหาเขาด้วยตนเอง ทั้งเอ่ยคำพูดที่มีนัยลึกซึ้ง

‘หากภายหน้าคุณชายมีโอกาสพบคนผู้นี้ ช่วยบอกเขาทีว่าชิงอิงแห่งเรือนเร้นหมอกอยากจะพบหน้า ตอนนั้นข้าจะบอกเรื่องที่เป็นประโยชน์ไร้โทษแก่เขา’

ต้องรู้ว่าหลินสวินในตอนนั้นท่องโลกด้วยฐานะของ ‘อวี่เสวียน’ แต่ชิงอิงดูเหมือนว่าจะเดาอะไรออก

จากนั้นชิงอิงก็มอบคันฉ่องทองแดงนำทางบานนี้ให้กับเขา ทั้งยังบอกว่าคันฉ่องทองแดงนี้ซ่อนแผนที่เอาไว้ ถ้าใช้แผนที่นำทางก็จะหานางพบ ถึงตอนนั้นจะให้ค่าตอบแทนที่ไม่อาจปฏิเสธได้กับหลินสวิน

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็รู้จักแดนอำพรางหรือ” หลินสวินถาม

สือเล่อจื้อกล่าว “นั่นเป็นแดนต้นกำเนิดของเรือนเร้นหมอก ในโลกมืดยังมีใครไม่รู้จัก แต่หากไม่มีคันฉ่องทองแดงนำทาง ผู้ใดก็หาแดนอำพรางไม่พบ”

หลินสวินกล่าว “ถ้าเช่นนั้นแดนอำพรางก็อยู่ในโลกมืดนี้หรือ”

สือเล่อจื้อกล่าว “นี่ไม่ใช่คำพูดไร้สาระหรอกหรือ” เขารู้สึกว่าหลินสวินในตอนนี้ต่างหากที่สมองเสื่อม!

หลินสวินเพิ่งตระหนักได้ว่า ปีนั้นตอนที่ชิงอิงมอบคันฉ่องทองแดงนำทางนี้ให้กับตน ต้องมีเจตนาที่ต่างออกไปแน่

นางคิดจะบอกเรื่องที่มีแต่ประโยชน์และไร้โทษอะไรกับข้ากันแน่

“ผู้อาวุโส ตอนนี้ความเข้าใจผิดได้อธิบายกันชัดเจนแล้ว ท่านเห็นแก่หน้าเรือนเร้นหมอก ปล่อยพวกคุณชายสือไปได้หรือไม่”

ชายวัยกลางคนนั้นก้าวมาข้างหน้า ยิ้มอย่างขออภัย

พวกสือเล่อจื้อก็มองไปยังหลินสวิน เวลานี้ต่อให้พวกเขาโง่แค่ไหน ก็รู้ตัวว่าเตะใส่แผ่นเหล็กเข้าแล้ว

หลินสวินกล่าวง่ายๆ “อยากมีชีวิตรอดก็ง่ายมาก นำสมบัติจักรพรรดิออกมาชิ้นหนึ่ง แล้วข้าจะให้พวกเจ้าจากไป”

“สมบัติจักรพรรดิ?”

พวกสือเล่อจื้อนิ่งงันพร้อมกัน นี่มันมากเกินไปชัดๆ

แม้ว่าสือเล่อจื้อจะฐานะสูงส่ง บิดาของเขาเป็นจักรพรรดิมารกลืนเงาแห่งเขาอสูรดาว แต่บนตัวก็มีแค่ศาสตราจักรพรรดิที่ใช้เอาตัวรอดชิ้นเดียวเท่านั้น

“หึๆ มกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง กลับกล้าแตะต้องศาสตราจักรพรรดิ กล้ามากจริงๆ ไม่กลัวทำให้ตัวเองท้องอืดตายหรือ”

เสียงหัวเราะเยาะพลันดังขึ้น ก็เห็นว่าหน้าเรือนที่ห่างไปไม่ไกล ไม่รู้มีเฒ่าชราชุดดำคนหนึ่งปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่

เขาเคราขาวหน้าอมเลือดฝาด นัยน์ตาดั่งอินทรี ทั่วร่างแผ่อานุภาพที่มีเฉพาะระดับจักรพรรดิ

หลินสวินพลันเลิกคิ้วกล่าว “เจ้าเฒ่า ระวังปากพาซวย”

เฮือก!

ทุกคนในที่นั้นไม่มีใครไม่สูดหายใจสะท้าน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่กึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งกล้าตำหนิและข่มขู่ระดับจักรพรรดิแท้เช่นนี้

นี่เป็นการรนหาที่ตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วสินะ!

ชายวัยกลางคนยิ่งตกใจจนวิญญาณเกือบหลุดออกจากร่าง สื่อจิตกล่าวอย่างรวดเร็ว ‘ผู้อาวุโส ท่านนี้คือมหาจักรพรรดิมรรคมารคนหนึ่ง มาจาก ‘สำนักยุทธ์ยมโลก’ ในแคว้นมารแห่งโลกใหญ่หงเหมิง ท่าน… ท่านรีบก้มหัวขอโทษเถอะ มิฉะนั้นจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้!’

พูดจบร่างเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ

ระดับจักรพรรดิ ไม่อาจหยาม!

และเฒ่าชราชุดดำนั่นก็เป็นถึงจักรพรรดิมารคนหนึ่ง ข่มขวัญทั่วหล้า น่าสะพรึงอย่างที่สุด กึ่งจักรพรรดิคนไหนบนโลกนี้กล้าสบประมาทบ้าง

พลันเห็นเฒ่าชราชุดดำนั่นอึ้งไปเช่นกัน จากนั้นหน้าก็อึมครึมลงในชั่วขณะเดียว กลางนัยน์ตาเต็มไปด้วยแสงน่าสะพรึงพลางกล่าว “เจ้าหนุ่ม เจ้ารู้ไหมคำว่าตายเขียนอย่างไร”

หลินสวินยิ้มเยาะ “อายุมากขนาดนี้แล้ว ยังเขียนไม่เป็นอีกหรือ ไม่งั้น… ข้าสอนเจ้าให้เอาไหม”

พวกสือเล่อจื้อและชายวัยกลางคนต่างนิ่งงันอยู่ตรงนั้น ในใจมีแค่ความคิดเดียว บ้าไปแล้ว! เจ้าหมอนี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!

บนโลกนี้มีใครกล้าไปล่วงเกินระดับจักรพรรดิอย่างเสียสติเช่นนี้บ้าง

“ดูสิ เจ้าหมอนี่บ้าระห่ำแค่ไหน ไม่แปลกที่จะนั่งยานข้ามโลกหนีไปยังโลกมืด เขาต้องก่อเรื่องใหญ่หลวงมาแน่”

“กล้าไม่เคารพระดับจักรพรรดิเช่นนี้ ต่อให้หนีไปถึงโลกมืดก็อยู่ต่อได้ไม่กี่วัน!”

“เจ้าหนุ่ม ยังไม่รีบคุกเข่าขอโทษอีกหรือ”

เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้น บ้างหัวเราะเยาะ บ้างหยามเหยียด

ในชั้นบนของยานข้ามโลกนี้ มีเรือนรับรองกระจายอยู่มากมาย การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทางนี้ ทำให้แขกที่อยู่ในเรือนพวกนั้นตื่นตกใจนานแล้ว

เมื่อเห็นหลินสวินสบประมาทระดับจักรพรรดิคนหนึ่งเช่นนี้ก็พากันตื่นตะลึง ล้วนไม่กล้าเชื่อ

เสียงเซ็งแซ่พวกนั้นดังมาจากคนพวกนี้นั่นเอง

พลันเห็นเฒ่าชราชุดดำกล่าวด้วยสีหน้าอึมครึม “เอาสิ ข้าจะชี้แนะเจ้าเองว่าคำว่าตายเขียนอย่างไร!”

เขาพูดพลางตบฝ่ามือหนึ่งออกไปกลางอากาศ

ตูม!

กลางอากาศฟ้าคำรามสะท้านสะเทือน แสงดำมืดโหมกระหน่ำควบรวมเป็นมือยักษ์สีดำข้างหนึ่ง แผ่คลื่นกฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิที่น่าหวาดกลัวออกมา บีบกดห้วงอากาศจนทรุดทลาย

เวลานี้ขอแค่เป็นผู้แข็งแกร่งที่เห็นเหตุการณ์นี้ ย่อมไม่มีใครไม่หยุดหายใจ ขนพองสยองเกล้า

ฝ่ามือนี้แสดงให้เห็นความหมายของอานุภาพแห่งระดับจักรพรรดิอย่างชัดเจน ต่อให้มองจากไกลๆ ก็ทำให้คนรู้สึกสิ้นหวัง

จบกัน!

ชายวัยกลางคนมือเท้าเย็นเยียบ หากผู้อาวุโสคนนี้ตายไป ควรอธิบายกับคุณหนูชิงอิงอย่างไรดี

ในใจพวกสือเล่อจื้อกลับปิติยินดี ไหนเลยจะคาดคิดว่าระหว่างทางจะมีระดับจักรพรรดิคนหนึ่งโผล่มา เท่ากับช่วยพวกเขากำจัดศัตรูที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่ง!

แต่ในใจเหล่าผู้ชมต่างสั่นสะเทือนอย่างอดไม่อยู่ นี่ก็คือจุดจบของการสบประมาทระดับจักรพรรดิ และเป็นสิ่งที่เรียกว่าระดับจักรพรรดิไม่อาจหยาม!

พูดแล้วเหมือนเนิ่นนานแต่ความจริงนั้นรวดเร็วยิ่งนัก ก็เห็นหลินสวินยืนอยู่จุดเดิมไม่ขยับ แต่กลับมีปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกมาจากเส้นผมของเขา

ฟุ่บ!

เมื่อปราณกระบี่ฟันออกไป คล้ายมีแสงที่ฉีกแผ่นฟ้าปรากฏขึ้นมา แสงเปล่งประกายเจิดจ้านั้นแปลบปลาบจนผู้คนลืมตาไม่ขึ้น

เสียงระเบิดสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังตามมาติดๆ ยานข้ามโลกทั้งลำสั่นคลอนรุนแรง หินอุกกาบาตบางส่วนที่ลอยอยู่ในฟ้าดาราใกล้เคียงล้วนแตกระเบิดพร้อมกันในพริบตา กลายเป็นฝุ่นผงปลิวว่อน

เสียงกัมปนาทยังไม่สิ้นสุด ฝุ่นควันยังไม่จางหาย เสียงร้องอย่างบันดาลโทสะกลับดังก้องขึ้น

“เป็นไปได้อย่างไร!?”

เสียงมาจากเฒ่าชราชุดดำ

เวลานี้ในที่สุดสายตาของผู้คนก็กลับมาชัดเจน พลันเห็นเฒ่าชราชุดดำที่ถูกพวกเขามองเป็นเทพที่ไม่อาจสบประมาทนั้นสีหน้าขุ่นเคือง

และหน้าอกของเขากลับถูกกรีดออกเป็นรอยกระบี่ชุ่มเลือด ผิวแตกเลือดอาบ เลือดแดงสดไหลออกมาข้างนอกอย่างหยุดไม่อยู่

เพียงกระบี่เดียว กลับทำร้ายระดับจักรพรรดิคนหนึ่งบาดเจ็บได้!

ทั่วบริเวณเงียบกริบ ไร้สุ้มเสียง

พวกชายวัยกลางคน สือเล่อจื้อ รวมถึงผู้แข็งแกร่งที่มองดูอยู่ แต่ละคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง แววตาเลื่อนลอย

ใครจะกล้าจินตนาการว่ากึ่งจักรพรรดิที่เอ่ยวาจาบ้าระห่ำคนนั้น ชายหนุ่มที่ดูหมิ่นสบประมาทระดับจักรพรรดินั่น ถึงกับมีความสามารถเช่นนี้

น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

เวลานี้วิญญาณกระบี่เย่จื่อยืนอยู่บนไหล่ของหลินสวิน กล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ “เป็นเจ้าเฒ่าระดับจักรพรรดิสองชั้น ให้เก็บไว้ทำเป็นเป้ามีชีวิตหรือกำจัดทิ้งดี”

“ฆ่าทิ้งเถอะ”

หลินสวินถอนหายใจอย่างหน่ายใจอยู่บ้าง ระดับจักรพรรดิสองชั้น ต่อให้เอามาทำเป็นเป้ามีชีวิต ก็ไม่ใช่คนที่สามารถสั่นคลอนเขาในตอนนี้ได้

ตอนนี้ผู้คนเพิ่งสังเกตเห็นถึงการมีอยู่ของเย่จื่อ พากันตาลายอีกครั้ง คำสนทนานี้ดูตามแต่ใจเกินไปแล้ว พวกเขาเห็นระดับจักรพรรดิเป็นตัวอะไร

เหยื่อที่แย่งชิงกันได้?

เนื้อปลาที่อยู่บนเขียง?

แต่เมื่อสังเกตเห็นวิญญาณกระบี่เย่จื่อ เฒ่าชราชุดดำกลับไม่อาจโกรธแค้น ในใจเหลือแค่ความหนาวเยือกเสียดกระดูก

เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายถึงชีวิต

ฟุ่บ!

เขาพุ่งหนีไปกลางอากาศโดยไม่ลังเล

ต่อให้นี่เป็นเขตแดนดารารัตติกาลที่อันตรายสุดขีด เมื่อหลงทางอยู่ในนั้นก็เป็นไปได้สูงว่าจะประสบเคราะห์ตาย แต่เขาก็ไปสนใจเรื่องพวกนี้ไม่ได้แล้ว

ในฐานะมหาจักรพรรดิมรรคมารรุ่นแรก เขามีพลังปราณอย่างวันนี้ได้ ย่อมผ่านอันตรายและเคราะห์สังหารมานับไม่ถ้วน

เขามั่นใจมากว่าหากไม่หนีอีก ต้องรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แน่!

“เจ้าเฒ่า เจ้ายังเขียนคำว่าตายไม่เป็นเลย ทำไมต้องหนีด้วยเล่า รีบมานี่ ข้าจะสอนเจ้าเอง”

เย่จื่อยิ้มแล้ว เมื่อเสียงดังขึ้น เขาก็แปลงเป็นแสงสายหนึ่งพุ่งตามไปแล้ว

เพียงพริบตาเย่จื่อและเฒ่าชราชุดดำนั้นล้วนหายไปในฟ้าดารากว้างใหญ่นั่น

มาถึงตอนนี้ ทุกคนที่ตกอยู่ในความตระหนกนั้นพลันตระหนักได้ว่า มหาจักรพรรดิมรรคมารที่มาจากสำนักยุทธ์ยมโลกคนนั้น ถึงกับหนีโดยไม่คิดสู้!

ชายวัยกลางคนเหม่อลอย แรงโจมตีที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์นี้ยิ่งใหญ่นัก ทำให้เขาไม่อาจเยือกเย็นได้ในชั่วขณะ

พวกสือเล่อจื้ออกสั่นขวัญหาย

ระดับจักรพรรดิที่น่าเกรงขามคนหนึ่งยังถูกทำให้ตระหนกจนถอยร่น ใครจะกล้าเชื่อ

ผู้ฝึกปราณที่มุงดูพวกนั้น เวลานี้แต่ละคนปิดปากสนิทเหมือนมะเขือเหี่ยว สีหน้าปรวนแปรไม่หยุด

ก่อนหน้านี้พวกเขายังกล่าวเยาะหยัน คิดว่าหลินสวินหยิ่งผยองโง่งม ไม่ประมาณตนเอง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้กลับเหมือนตบหน้าพวกเขาอย่างจัง เจ็บแสบอย่างยิ่ง

แค่ชั่วขณะเสียงร้องโหยหวนดังมาจากฟ้าดาราที่ห่างออกไป ไม่ทันไรก็พลันหยุดลง

จากนั้นเย่จื่อก็แปลงเป็นแสงสายหนึ่งพุ่งกลับมา ยกมือสะบัดคราหนึ่ง เข็มขัดเก็บของเส้นหนึ่งพลันตกสู่มือหลินสวิน

“เจ้าเฒ่านี่ดูเหมือนมีอำนาจน่ายำเกรง แต่ทรัพย์สินกลับข้นแค้นยิ่งนัก มีแค่ศาสตราจักรพรรดิขั้นลึกลับระดับต่ำสองชิ้นเท่านั้น”

เย่จื่อดูผิดหวังอยู่บ้าง

ผู้คนเพิ่งจำได้ เข็มขัดเก็บของเส้นนั้นเดิมทีเป็นสิ่งที่อยู่บนตัวเฒ่าชราชุดดำคนนั้น แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นทรัพย์หลังศึกชิ้นหนึ่ง!

เห็นได้ชัดว่าเสียงร้องโหยหวนเมื่อครู่ หมายความว่ามหาจักรพรรดิมรรคมารที่มาจากสำนักยุทธ์ยมโลกคนนี้ ยังไม่ทันได้ไปถึงโลกมืดก็ดับสิ้นแล้ว

และการตายของเขาก็เรียกว่าเป็น ‘ปากพาซวย’ ได้อย่างสมบูรณ์…

ในที่นั้นเงียบกริบยิ่งกว่าเดิม กดดันจนพาให้คนหายใจไม่สะดวก ฆ่าระดับจักรพรรดิราวกับล้วงของในถุงหนัง นี่ทำให้หลินสวินและเย่จื่อดูเต็มไปด้วยอันตรายถึงชีวิตในสายตาพวกเขา

หลินสวินเก็บเข็มขัดเก็บของลงไป สายตามองไปยังสือเล่อจื้อที่คุกเข่าอยู่บนพื้น

ครั้งนี้ไม่ต้องรอให้เขาเอ่ยปาก สือเล่อจื้อที่ตกใจจนหน้าซีดเผือดนานแล้วพลันหยิบขวานหยกสีชาดที่เปล่งประกายพร่างพราวออกมาให้ด้วยตนเอง

นี่ก็คือศาสตราจักรพรรดิชิ้นเดียวในตัวเขา

“สหายยุทธ์ ขอร้องเจ้าล่ะ ขอร้องเจ้าปล่อยพวกเราไปสักครั้งเถอะ”

สือเล่อจื้อวิงวอนด้วยสีหน้าร่ำไห้โอดครวญ

หลินสวินพิจารณาขวานหยกสีชาดนี้แล้วก็ค้นพบอย่างประหลาดใจ นี่เป็นถึงศาสตราจักรพรรดิขั้นลึกลับระดับสูงชิ้นหนึ่ง มีลายสมบัติมรรคจักรพรรดิมากถึงหกสิบหกลาย

นี่ถือว่าล้ำค่านัก ขาดแค่ระดับขั้นก็จะสร้างวิญญาณอาวุธออกมาได้แล้ว!

หลังจากเก็บศาสตราจักรพรรดิที่มีชื่อว่า ‘ขวานแดงมหายุทธ์’ นี้ลงไป หลินสวินไม่ใส่ใจพวกสือเล่อจื้อที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างตื่นตระหนกอีก หากแต่มองไปโดยรอบแล้วกล่าวราบเรียบ

“ก่อนหน้านี้เคยมีคนไม่น้อยพูดจาจาบจ้วงข้า ควรจ่ายค่าตอบแทนบางส่วนด้วยหรือไม่”