ดังนั้น เย่เฉินรู้ดีอย่างยิ่งว่า หากตนต้องการที่จะแข่งขันเผชิญหน้ากับตระกูลอย่างตระกูลซูจริงๆในอนาคต เขาจะต้องมีความแข็งแกร่งที่ครอบคลุม อาศัยแค่ความกล้าอย่างเดียวไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น ตนเองจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่แน่ใจว่า ตระกูลเย่ควรแบกรับความรับผิดชอบต่อการตายของพ่อแม่มากน้อยเพียงใด

หากตระกูลเย่ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบอันหนักหน่วงต่อความตายของพ่อแม่ได้ อย่างนั้นในอนาคตที่ตนต้องเผชิญ อาจจะเป็นทั้งตระกูลซูและตระกูลเย่ทั้งสองตระกูลชั้นนำ

ดังนั้น เย่เฉินจึงตัดสินใจแล้วว่า เมื่อกลับไปที่จินหลิง เขาจะเก็บตัวซ่อนเร้นความสามารถ และพัฒนาบริษัทผลิตยาเก้าเสวียนให้ดีๆ

เริ่มต้นจากบริษัทผลิตยาเก้าเสวียน จากนั้นก็ค่อยๆก่อตั้งอาณาจักรธุรกิจของตัวเองขึ้นทีละขั้น

มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ถึงจะสามารถงัดข้อกับตระกูลซูและตระกูลเย่ได้ รวมถึงแม้แต่การเหยียบย่ำพวกเขา!

นางาฮิโกะ อิโตะไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเย่เฉิน ดังนั้นจึงไม่รู้ถึงความคิดในใจของเขา เมื่อเห็นว่าเขาคล้ายไร้ความทะเยอทะยานจริงๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแนะนำ

“คุณเย่ คุณมีบริษัทผลิตยาเก้าเสวียนเป็นรากฐาน ในมือก็มีเงินสดอยู่ ทำไมคุณถึงไม่ขยายธุรกิจของคุณล่ะ?”

“ยกตัวอย่างการขนส่งทางทะเลในปัจจุบัน การค้าน้ำมันส่วนมากและการค้าขนาดใหญ่ระหว่างประเทศนั้นล้วนต้องพึ่งพาการขนส่งทั้งสิ้น ตอนนี้สถานการณ์เศรษฐกิจระหว่างประเทศตกต่ำ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าไปช้อนมันเอาไว้!”

“ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศจีนของคุณก็ยังเป็นประเทศที่มีแรงผลักดันในการพัฒนาเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในปัจจุบัน อีกทั้งยังครอบครองระบบอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งที่สุด ด้วยการค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้นทุกปี ความต้องการของจีนในการขนส่งทางทะเลไปยังทั่วโลกก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โอกาสของการขนส่งทางทะเลก็จะยิ่งกว้างขึ้น!”

“ถ้าหากคุณเย่ยินดีที่จะทำ ก็สามารถเริ่มต้นจากในประเทศจีนได้ ถ้าหากต้องการขยายไปยังท่าเรือและธุรกิจขนส่งทางเรือของญี่ปุ่น ตระกูลอิโตะจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ แต่อให้เป็นแค่เพียงตัวประกอบของคุณ ผมก็ยินดีที่จะทำ!”

ในเวลานี้ นางาฮิโกะ อิโตะมีความคิดที่เรียบง่ายอย่างมาก

เงิน4.5พันล้านดอลลาร์นั้นไม่มีทางได้กลับคืนมาอีกแล้ว

บริษัทผลิตยาเก้าเสวียนเองก็ไม่สามารถเข้าไปถือหุ้นได้แน่

ในเมื่อเป็นแบบนี้ จะดีกว่าที่จะหาวิธีดึงดูดเย่เฉินให้เข้ามาทีละขั้นๆ

ถ้าสามารถทำให้เย่เฉินมาเป็นลูกเขยของตระกูลอิโตะได้ อย่างนั้นตนเองยังต้องกังวลอะไรอีกในอนาคต?

เย่เฉินมีความแข็งแกร่ง มีความสามารถ และยังเคยช่วยชีวิตลูกสาวของตนไว้ ที่สำคัญกว่านั้นลูกสาวของตนมีใจทุ่มเทให้กับเขา

ก่อนหน้านี้ ตนต้องการให้ลูกสาวแต่งงานกับโคบายา ชิอิจิโร่ ไม่ใช่เพราะว่าตนต้องการบังคับลูกสาวให้แต่งงานกับตระกูลโคบายาชิ แต่เป็นเพราะลูกสาวของตนในตอนนั้น แทบจะเป็นเด็กสาวที่โง่งมและอ่อนแอในเรื่องความรัก

ไม่มีใครที่เธอชอบเลยสักคน อีกทั้งยังไม่รู้ว่าจะมีวันที่เธอชอบใครขึ้นมาหรือไม่

ด้วยเหตุนี้ ตนเองจึงช่วยเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเธอแทนเสียดีกว่า

แต่ว่า เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เธอมีคนที่เธอชอบอยู่แล้ว เขาในฐานะพ่อ แน่นอนว่าย่อมหวังว่าลูกสาวของตนจะได้ในสิ่งที่เธอปรารถนา

นอกจากนี้ เขาเองก็รู้สึกว่าผู้ชายอย่างเย่เฉิน ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเป็นลูกเขย

เพื่อความสุขของลูกสาว เขาถึงกับยอมให้ทั้งตระกูลอิโตะ กลายมาเป็นสินสอดทองหมั้นของลูกสาว

ยังไงเสียเขาก็มีลูกสาวเพียงคนเดียว ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเพื่อให้ลูกสาวของเขามีความสุขตลอดชีวิตของเธอ

สำหรับทรัพย์สินของตระกูลอิโตะ ไม่ว่าในอนาคตมันจะเป็นนามสกุลอิโตะ ยามาดะ วาตานาเบะ หรือสกุลเย่ก็ล้วนไม่สำคัญ

นั่นเพราะ ทรัพย์สินเหล่านี้จะยังคงอยู่ในมือของลูกสาว ลูกเขย และลูกหลานที่เกิดจากลูกสาวของ

ในมุมมองของนางาฮิโกะ อิโตะ การสืบทอดมรดกที่แท้จริงคือสายเลือด ไม่ใช่สัญชาติ หรือนามสกุล

เย่เฉินเพียงยิ้มน้อยๆให้กับคำแนะนำของนางาฮิโกะ อิโตะ และพูดอย่างจริงจังว่า “เรียนตามตรง ตอนนี้จุดสำคัญในการพัฒนาของผมก็คือการทำบริษัทผลิตยาเก้าเสวียนให้ดี หากบริษัทผลิตยาเก้าเสวียนสามารถพัฒนาขึ้นมาได้ ผมก็จะค่อยพิจารณาธุรกิจอื่น”