เย่ฉางโคงรู้สึกหดหู่อย่างยิ่ง แต่เขาไม่กล้าคัดค้าน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงในดึงหัวข้อกลับมา และพูดว่า:”พ่อครับ เราคุยกันเรื่องจะไปญี่ปุ่นไม่ใช่เหรอ? เมื่อกี้พ่อบอกว่าอย่าทะเลาะวิวาทซึ้งๆหน้ากับตระกูลซู แล้วเราควรทำไงดี?”
เย่โจงฉวนพูดว่า:”ห้ามไปแบบผ่าเผย แต่สามารถส่งคนไปพบกับนางาฮิโกะ อิโตะเป็นการส่วนตัวก่อนก็ได้”
เย่ฉางโคงรู้สึกหงุดหงิดในใจเล็กน้อย คิดอยากจะไปโตเกียวด้วยตัวเอง และถือโอกาสไปเดินเล่นให้สบายใจด้วย ดังนั้นเขาจึงถามอย่างกระตือรือร้นว่า:”พ่อครับ หรือว่าให้ผมบินไปโตเกียวตอนเช้า ไปเจอกับนางาฮิโกะ อิโตะก่อนเถอะ”
เย่โจงฉวนพยักหน้า และพูดว่า:”ต้องเจอแน่นอน แต่นายไปไม่ได้”
เย่ฉางโคงถามด้วยความประหลาดใจ:”พ่อ พ่อหมายความว่าไง?”
เย่โจงฉวนว่า:”ก่อนหน้านี้ตระกูลซูส่งรุ่นหลังที่อายุน้อย ถ้าตระกูลเย่ส่งนายไป มันจะดูไม่สมมาตร ราวกับว่าเราต่ำกว่าตระกูลซูเล็กน้อย”
พูดจบ เย่โจงฉวนมองไปที่ลูกชายของเย่ฉางโคง หรือหลานชายคนโตของเขาเย่เฟิง และพูดว่า:”เฟิงเอ๋อ นายเตรียมตัวด้วย ออกเดินทางก่อนสิบโมง กินข้าวกลางวันเสร็จพยายามไปถึงโตเกียว”
เย่เฟิงรีบลุกขึ้นยืน และพูดด้วยความเคารพ:”ได้ครับคุณปู่ ผมจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้! แต่ว่าคุณปู่ ผมเจอนางาฮิโกะ อิโตะแล้ว จะคุยเรื่องโครงการนี้กับเขายังไงดี?”
เย่โจงฉวนปัดมือ:”นายไม่ต้องพูดถึงเรื่องโครงการเลยสักนิด ฉันจะเตรียมของขวัญไว้ นายเอาไปให้กับมือ บอกว่าเป็นน้ำใจของฉัน อีกอย่างฉันก็อยากเป็นเพื่อนกับเขาด้วย จากนั้นนายก็แลกเบอร์ติดต่อกับเขา ก็กลับมาได้เลย”
เย่เฟิงถามอย่างตกตะลึง:”ง่ายแค่นี้?”
เย่โจงฉวนพยักหน้า แล้วพูดว่า:”ใช่ ง่ายแค่นี้แหละ!”
พูดไป เย่โจงฉวนก็พูดอีกครั้ง:”บินไปสองพันกิโลเมตรเพื่อคุยเรื่องการร่วมมือ นั้นยังไม่จริงใจ แต่ถ้าบินไปสองพันกิโลเมตร เพื่อเยี่ยมผู้ป่วย มันจะดูจริงใจมาก”
เย่ฉางโคงยิ้มพูดว่า:”พ่อ พ่อเก่งจริงๆ! ตระกูลซูอาจจะช่วยตระกูลเย่ในครั้งนี้ก็ได้!”
เย่โจงฉวนพยักหน้า และยิ้มพูดว่า:”นี่เรียกว่ามาก่อนได้ก่อน!”
……
กลางวัน
เย่เฉินรับประทานอาหารกลางวันกับอิโตะ นานาโกะที่คฤหาสน์อิโตะ และทั้งสองก็เอาอาหารที่เตรียมไว้สำหรับนางาฮิโกะ อิโตะไปโรงพยาบาล
ตอนที่พวกเขาจะออกไป ซูโสว่เต้าพาจ้าวอีหมิงและลูกน้องของเขาบางส่วน ไปที่ห้องผู้ป่วยของนางาฮิโกะ อิโตะ พร้อมกล่องของขวัญอันวิจิตรบรรจง
จริงๆนางาฮิโกะ อิโตะไม่อยากเจอพวกเขา แต่เขาก็รู้คำกล่าวที่ว่ามือที่ยื่นมาย่อมไม่ตบคนที่ส่งยิ้มให้ ดังนั้น นางาฮิโกะ อิโตะ จึงเชิญพวกเขาเข้ามา
ทันทีที่ซูโสว่เต้าเข้าประตู เขาเดินไปที่เตียงในโรงพยาบาลของนางาฮิโกะ อิโตะอย่างสุภาพ และพูดถอนหายใจ:”พี่อิโตะ! ได้ยินชื่อเสียงของพี่อิโตะมานาน รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบคุณในวันนี้!”
เมื่อเห็นใบหน้าที่ไม่เป็นอันตรายของซูโสว่เต้า เขารู้สึกแอบขนลุกเล็กน้อย
เรื่องที่ตระกูลซูทำลายครอบครัวของมัตสึโมโตะ ทำให้เกิดความเจ็บปวดในใจที่ยิ่งใหญ่แก่นางาฮิโกะ อิโตะมาก และทำให้เขาตระหนักดีว่า ชายที่อยู่ข้างหน้าเขา ดูอ่อนโยนและยิ้มแย้ม แต่จริงๆแล้วเขาเป็นสัตว์ประหลาดที่กินคนไม่คายกระดูก
แน่ว่า นางาฮิโกะ อิโตะรู้ดีว่า สำหรับเสือยิ้มแบบนี้ เขายิ่งไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองซึ้งๆหน้า มิฉะนั้นก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นอีกในอนาคต
ดังนั้น เขาพูดด้วยความดีใจว่า:”โอ้ คุณซู! ไม่นึกเลยว่าคุณจะมาหาฉันด้วยตัวเอง ฉันดีใจมาก! เชิญนั่ง เชิญนั่งลง!”
ซูโสว่เต้าพยักหน้า นั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงคนไข้ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า:”ฉันขอโทษจริงๆที่ต้องเจอกันด้วยวิธีนี้ ช่วงนี้ฉันยุ่งมากๆ เดิมทีอยากให้เด็กๆ มาเยี่ยมคุณอิโตะก่อน แล้วฉันค่อยหาเวลาว่างมาเยี่ยมด้วยตนเองอีกครั้ง ไม่คิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุมากมายขนาดนี้ คุณอิโตะยกโทษให้ฉันด้วย!”