ตอนที่ 2082 ภาพนองเลือดที่แสนคุ้นเคย

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

เมื่อเทียบกับความคับข้องใจและระส่ำระสายในตอนแรกเริ่ม จี้เหลิ่งในยามนี้ เรียกได้ว่ารู้สึกชินตาจนไม่รู้สึกประหลาดกับฝีมืออันน่าเหลือชื่อของหลินสวินแล้ว

หนำซ้ำพร้อมๆ กับที่หลินสวินพุ่งโจมตีจนถึงตอนนี้ ทุกครั้งที่ยึดเมืองหนึ่งได้ ในใจจี้เหลิ่งก็มีความอิ่มเอมและปิติอย่างบอกไม่ถูกทะลักออกมา

เขากระจ่างแจ้ง นี่ก็คือสิ่งที่เรียกความรู้สึกของชัยชนะ!

ยามนี้เขาถึงขั้นลุ่มหลงมัวเมาในความรู้สึกเช่นนี้อยู่บ้างแล้ว…

“ไปเถอะ หาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสักหน่อย พรุ่งนี้ค่อยทำต่อ”

หลินสวินเดินหน้ารุดไปเบื้องหน้า

“ผู้อาวุโส ยังจะทำต่อหรือ”

จี้เหลิ่งอึ้งเล็กน้อย

ในความคิดของเขา ตอนนี้พวกเขาช่วยเจ้าแคว้นคีรีดำล่วงเกินผู้อื่น ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตที่โทสะเดือดดาลจะต้องคิดบัญชีครั้งนี้กับเจ้าแคว้นคีรีดำแน่

หลินสวินกล่าวสบายๆ “ในฐานะบริวาร พวกเราย่อมต้องพยายามทุ่มเทถึงที่สุดเพื่อช่วยเจ้าแคว้นคีรีดำ นี่จึงจะเรียกว่าจงรักภักดี”

มุมปากของจี้เหลิ่งกระตุกพักหนึ่ง ผลักเจ้าแคว้นคีรีดำเข้าไปในกองเพลิงอย่างจงรักภักดีหรือ

เพียงแต่เมื่อคิดว่ายังจะได้ไปร่วมกรำศึกกับหลินสวินต่อ ในใจจี้เหลิ่งก็ร้อนรุ่มอีกระลอก ชายชาตรีตัวอยู่โลกมืดอันวุ่นวาย ยามถือกระบี่สามฉื่อ สร้างความยิ่งใหญ่!

แน่นอน จี้เหลิ่งเองก็รู้ว่าเขาเป็นแค่ตัวเสริมคนหนึ่งเท่านั้น แต่นี่ไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางการดื่มด่ำกับความรู้สึกที่กรำศึกทั่วหล้าเช่นนี้ของเขาได้

หืม?

จู่ๆ หัวคิ้วหลินสวินพลันขมวดขึ้น จิตใจปรากฏไอหนาวยะเยือกบอกไม่ถูกวูบหนึ่ง ทอดมองไปทางเวิ้งฟ้าไกลโพ้นโดยพลัน

แทบจะในชั่วขณะเดียว ต้นอ่อนต้นโพธิ์ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือเขาเงียบๆ ประกายเขียวมรกตไหลเวียน สว่างเรืองรอง

พลังระเบียบต้องห้ามที่คนทั่วไปไม่สามารถสัมผัสได้สายหนึ่ง พัดม้วนเข้ามาจากส่วนลึกของเวิ้งฟ้าเหนือห้วงอากาศแคว้นหนาวเหน็บ ดุจดั่งมรสุมก็ไม่ปาน

‘เขามาแล้ว…’

นัยน์ตาดำของหลินสวินลุ่มลึก ตระหนักได้ว่าจอมจักรพรรดิไร้นามที่มาใหม่คนนั้น เป็นไปได้สูงว่าอาจปรากฏตัวในโลกมืดแห่งนี้แล้ว!

หลินสวินครุ่นคิดเงียบๆ ครู่หนึ่งแล้วมุ่งหน้าต่อไป

มีต้นอ่อนต้นโพธิ์อยู่ หลินสวินไม่ค่อยกังวลใจว่าจะถูกพลังระเบียบต้องห้ามตรวจพบร่องรอย

แต่เขารู้ดียิ่ง จอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่ปรากฏตัวในโลกมืด เป็นไปได้สูงว่ามาเพราะตน!

ตั้งแต่ต้นจนจบจี้เหลิ่งที่คอยติดตามอยู่ข้างกายหลินสวินไม่รู้สึกสักนิด

อันที่จริงในโลกมืดแห่งนี้ อย่าว่าแต่มกุฎมหาอริยะอย่างจี้เหลิ่งเลย แม้แต่บุคคลระดับจักรพรรดิพวกนั้น ก็มีน้อยคนที่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของพลังระเบียบต้องห้าม

เบื้องหน้าปรากฏเทือกเขาแถบหนึ่ง เรียงรายทับซ้อน ปิดครอบด้วยไอขุ่นมัวคุกรุ่น

หลินสวินเลือกยอดเขามาลูกหนึ่งลวกๆ แล้วนั่งขัดสมาธิ ตั้งใจจะพักผ่อนสักหน่อย พรุ่งนี้ค่อยเคลื่อนไหวต่อ

แต่ไม่ทันไรเขาก็ลืมตาขึ้นมาจากการนั่งสมาธิ

เขาหยัดกายขึ้น ถือน้ำเต้าสุราเปลือกเขียวจิบเบาๆ หนึ่งคำ

ฮูม!

ห้วงอากาศห่างออกไปม้วนตลบระลอกหนึ่ง และปรากฏรุ้งวิเศษที่พร่างพราวหาใดเปรียบเป็นสายๆ ตามมาติดๆ กลายเป็นเงาร่างคนมากมาย

ผู้นำคือชายชุดขาวที่ท่าเหมือนคุณชายชั้นสูงก็ไม่ปาน ยามกะพริบตาประกายเทพไหลผ่าน น่าหวาดหวั่นหาใดเทียบ

“หลี่ว์เสียน!”

จี้เหลิ่งหน้าเปลี่ยนสีทันควัน มีหรือเขาจะจำไม่ได้ ชายชุดขาวคนนี้ก็คือหนึ่งในมือซ้ายมือขวาที่มากความสามารถที่สุดใต้อาณัติเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต เป็นคนน่าสะพรึงที่มีปราณระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง!

และยามมองเห็นกลุ่มคนที่ติดตามหลี่ว์เสียนมาชัดถนัดตา หัวใจของจี้เหลิ่งก็จมดิ่ง นั่นเป็นถึงระดับกึ่งจักรพรรดิทั้งกลุ่มทีเดียว!

มียี่สิบเก้าคนเต็มๆ!

“ในที่สุดก็หาพวกเจ้าพบเสียที…”

สีหน้าของหลี่ว์เสียนเย็นชาจนน่ากลัว นัยน์ตาจับจ้องที่หลินสวินทันที

ตั้งแต่ได้รับคำสั่งของเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต เขาก็นำคนตามหาร่องรอยของหลินสวิน

ระหว่างทางนี้ร่องรอยของหลินสวินไม่แน่นอน แต่ละครั้งล้วนทำเอาหลี่ว์เสียนคว้าน้ำเหลว ในใจสั่งสมไอสังหารและความเดือดดาลที่เดือดพล่านไว้นานแล้ว

ถึงแม้จะไม่เคยเจอมาก่อน แต่หลี่ว์เสียนมองปราดเดียวก็ระบุได้ทันทีว่าชายหนุ่มที่สะพายกล่องกระบี่เก่าใบหนึ่ง หิ้วน้ำเต้าเปลือกเขียวดื่มสุราคนนั้นก็คือมารกระบี่เต้ายวน!

“พวกเจ้ามากันช้าซะจริง”

หลินสวินเหลือบมองพวกเขาปราดหนึ่ง สีหน้าผ่อนคลาย

ปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ของเขาทำให้หลี่ว์เสียนอดขมวดคิ้วไม่ได้ ฝืนข่มไอสังหารในใจที่จวนจะระงับไว้ไม่อยู่กล่าวว่า

“เต้ายวน ข้าอยากรู้นักว่าใครให้ความกล้ากลับเจ้า ทำให้เจ้าไม่ต้องการแม้กระทั่งชีวิตเชียวหรือ”

หลินสวินให้เหตุผลข้อหนึ่งง่ายๆ “ข้าในฐานะบริวารของใต้เท้าคีรีดำ ย่อมต้องถวายชีวิตทำงานเพื่อใต้เท้าคีรีดำ”

หลี่ว์เสียนอดหัวเราะเยาะหยันไม่ได้ “ทำงานถวายชีวิต? เจ้าแคว้นคีรีดำให้เจ้าไปตาย เจ้าก็จะพลีชีพให้หรือ”

หลินสวินหัวเราะทันควัน กล่าวว่า “ช่วยไม่ได้ ภายหน้าคนทั่วโลกก็จะเข้าใจเอง ว่าข้าเต้ายวนจงรักภักดีต่อใต้เท้าคีรีดำปานใด”

มุมปากของจี้เหลิ่งที่อยู่ข้างๆ กระตุกอีกครั้ง

หลี่ว์เสียนเองก็อึ้งไป จากนั้นสีหน้าพลันขรึมลง “ใกล้ตายรอมร่อ ข้าล่ะอยากดูนักว่าเจ้าเต้ายวนจะจงรักภักดีปานใด!”

เสียงยังไม่ทันสิ้นสุดเขาก็ลงมือแล้ว

ตูม!

ทวนสำริดเล่มหนึ่งที่มีประกายเทพเจิดจ้าไหลเวียนปรากฏขึ้นในมือหลี่ว์เสียน และอานุภาพของเขาก็พลอยเปลี่ยนไปด้วย ทำให้ฟ้าดินแถบนี้ล้วนสั่นสะเทือน ภูผาธาราละแวกใกล้เคียงต่างพังครืน ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไม่หยุด

“ฆ่า!”

เขาส่งเสียงตวาดดังลั่น อานุภาพดุจเทพ โบกสะบัดทวนศึกเข้าโจมตี อานุภาพของมกุฎกึ่งจักรพรรดิสำแดงเดชออกมาในยามนี้เต็มที่

“ฆ่า!”

บรรดากึ่งจักรพรรดิเหล่านั้นที่มาพร้อมกับหลี่ว์เสียนก็ลงมืออย่างไม่ลังเลเช่นกัน

คนพวกนี้ล้วนเป็นพวกร้ายกาจที่ระหกระเหินอยู่ในโลกมืดนานปี แต่ละคนผ่านประสบการณ์นองเลือดนับไม่ถ้วน ฝีมือกร้าวแกร่งและน่ากลัวอย่างไม่เป็นที่กังขา

ยามพวกเขาโจมตีร่วมกัน ฟ้าดินแถบนี้ล้วนโกลาหล สุริยันจันทราหม่นแสง ห้วงอากาศปั่นป่วน จมสู่การสั่นสะเทือนครั้งใหญ่

จี้เหลิ่งสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ตกใจจนสีหนาซีดขาว เกือบทรุดนั่งกับพื้น

เขาเป็นเพียงมกุฎมหาอริยะคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อเทียบกับกึ่งจักรพรรดิล้วนไม่มีพลังต้านทานใดๆ อย่างสิ้นเชิง หากไม่ใช่เพราะมีหลินสวินอยู่ด้วย ป่านนี้เขาคงถูกซัดร่วงไปนานแล้ว…

และตอนนี้เขาก็ได้แต่ฝากความหวังว่าจะรอดชีวิตไว้กับหลินสวิน เพียงแต่ภายในใจเขากลับไม่มั่นใจอย่างยิ่ง…

มกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง รวมกับกึ่งจักรพรรดิทั้งกลุ่ม ในแคว้นหนาวเหน็บพลังระดับนี้สามารถทำให้ใครก็ตามสิ้นหวังได้แล้ว!

“ขี้ขลาดขนาดนี้ ภายหน้าจะเป็นเจ้าแคว้นได้อย่างไร”

เสียงของหลินสวินดังขึ้น ทำให้จี้เหลิ่งอึ้งค้างไประลอกหนึ่ง เกือบลมจับ เวลาไหนแล้ว ผู้อาวุโสอย่างท่านยังคุยเรื่องพวกนี้ไปทำอะไรกัน

และยามที่เสียงนี้ดังขึ้น หลินสวินก็ลงมือแล้ว

เขาสีหน้าผ่อนคลาย ย่างเท้ากลางอากาศ เหยียบย่างแผ่วเบา

ครืน!

ฟ้าดินปั่นป่วน ห้วงอากาศของพื้นที่แถบนี้ราวกับพบเจอการกำราบของเทพสวรรค์ พังครืนลงมาทันควัน

กึ่งจักรพรรดิทั้งกลุ่มที่พุ่งเข้ามา เงาร่างล้วนสั่นสะท้านรุนแรงราวกับถูกกดทับ อานุภาพการบุกโจมตีก็ปรากฏเค้าลางปั่นป่วนขึ้นมาบางส่วนด้วย

มีเพียงการโจมตีของหลี่ว์เสียนที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ทวนสำริดฉีกทึ้งห้วงอากาศ บุกเข้ามาด้วยอานุภาพดุจผ่าลำไผ่ อานุภาพดุดันไร้ทัดเทียม

หลินสวินไม่หลบไม่หลีก ยามทวนศึกบุกโจมตีเข้ามา เขายื่นมือหนึ่งออกไปคว้า ทวนสำริดมีอานุภาพน่าสะพรึงไหลหลั่งก็ถูกคว้าจับอย่างแน่นหนา ประหนึ่งงูที่ถูกบีบจุดตายเอาไว้

หลี่ว์เสียนนัยน์ตาหดรัด ส่งเสียงตะโกนลั่น กระตุ้นพลังแห่งตนสุดความสามารถ บนทวนสำริดปรากฏประกายศักดิ์สิทธิ์ลายมรรคนองเลือดอันน่าสะพรึง พร่าตาหาใดเปรียบ

เพียงแต่ไม่ว่าเขาจะทุ่มกำลังสุดชีวิต ทวนสำริดเล่มนี้ก็ยังคงไม่สามารถหลุดออกจากมือหลินสวินได้!

“มรรควิถีเท่านี้หรือ มิน่าจนป่านนี้ก็ยังได้แต่อุทิศชีวิตอยู่ข้างกายเจ้าแคว้นแห่งหนึ่ง”

หลินสวินทอดถอนใจอย่างผิดหวังอยู่บ้าง

สีหน้าหลี่ว์เสียนเปลี่ยนไปทันควัน รู้สึกเพียงพลังน่าสะพรึงประหนึ่งภูผาถล่มคลื่นยักษ์โหมซัดสายหนึ่งแผ่เข้ามาตามทวนศึก แล่นไปตามแขนขวาของเขาแล้วพุ่งเข้าสู่ภายในร่าง

ตูม!

ครู่ต่อมาเขาเลือดออกเจ็ดทวาร ร่างกายถูกซัดกระเด็นออกไปอย่างจัง

ยังไม่รอให้ยืนทรงตัว อานุภาพกดข่มอันน่าสะพรึงสายหนึ่งก็หอบม้วนเข้ามา กดดันจนเขาคุกเข่าลงกลางห้วงอากาศเสียงดังปึงตรงๆ!

อึดใจนี้ในหัวของเขาว่างเปล่า ดวงตาเต็มไปด้วยแววตกใจกลัวเต็มเปี่ยม นี่… นี่เป็นไปได้อย่างไร

เขาในฐานะมกุฎกึ่งจักรพรรดิทระนงตนเรื่อยมา คนทั่วไปเขาไม่เห็นในสายตาสักนิด ทว่ายามนี้กลับถูกคนกำราบในคราเดียว!

ไกลออกไปในใจพวกกึ่งจักรพรรดิเหล่านั้นขนลุกซู่ หนังหัวชาหนึบ พวกเขาก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าคนระดับหลี่ว์เสียนจะถึงกับด้อยน้ำยาปานนี้

“หนี!”

พวกเขาเลือกหนีตามจิตใต้สำนึกอย่างไม่ลังเล

หลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง

ปราณกระบี่เจิดจ้าไร้ขอบเขตพุ่งทะยานออกไป กลายเป็นฝนกระบี่โปรยปรายกลบฟ้าบังตะวัน ลุกโชนเจิดจรัส ทำให้ภูผาธาราแถบนี้พลอยหม่นแสงไปด้วย

จี้เหลิ่งเคยเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้

ตอนนั้นที่นอกเมืองผีครอบงำ นักเชือดเมิ่งนำคนใต้อาณัติทั้งกลุ่มบุกเข้ามาอย่างทรงพลัง ทว่าเพียงพริบตาก็ถูกฝนกระบี่ที่แผ่ครอบฟ้าดินปกคลุมเอาไว้

ตอนที่ปราณกระบี่เลือนหาย ขบวนของพวกนักเชือดเมิ่งล้วนกลายเป็นหยาดเลือดเต็มผืนดินกว้าง

ครั้งนี้ก็มีฝนกระบี่ไร้สิ้นสุดปรากฏขึ้นเช่นเดียวกัน เพียงแต่เป้าหมายที่ต้องการสังหาร แต่ละคนล้วนแข็งแกร่งยิ่งกว่านักเชือดเมิ่งไม่รู้ตั้งเท่าไหร่

ทว่าผลลัพธ์…

กลับเหมือนกัน

เมื่อฝนกระบี่เต็มฟ้านั่นเลือนหาย ผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิยี่สิบเก้าคนใต้อาณัติเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตเหล่านั้นต่างกลายเป็นละอองเลือดระฟ้า ร่วงโปรยปรายในห้วงอากาศ เปียกชุ่มผืนดิน

ไม่ได้แตกต่างจากจุดจบของพวกนักเชือดเมิ่งเลยจริงๆ

แต่จี้เหลิ่งก็ยังอึ้งงัน สีหน้าแข็งทื่อ ภายในใจหวาดผวา

อริยะไม่ไหว กึ่งจักรพรรดิ… ก็ไม่ไหวด้วย!

หลี่ว์เสียนที่เดือดดาลแทบคลั่งคุกเข่าอยู่กลางห้วงอากาศ เวลานี้ก็เหมือนถูกสายฟ้าฟาด ม่านตาเบิกกว้าง ขวัญกระเจิงยิ่ง

กึ่งจักรพรรดิยี่สิบเก้าคน ถูกสังหารเกลี้ยงในพริบตา!

บนโลกนี้นอกจากระดับจักรพรรดิแล้ว ยังมีใครทำได้อีกบ้าง

แต่หลี่ว์เสียนกล้าฟันธง มารกระบี่เต้ายวนนี่ไม่ใช่ระดับจักรพรรดิเด็ดขาด กลิ่นอายของเขาถึงแม้จะลึกล้ำสุดหยั่ง แต่กลับไร้ซึ่งอานุภาพที่เป็นของระดับจักรพรรดิ!

นี่พิสูจน์ได้เพียงว่า อีกฝ่ายก็เป็นมกุฎกึ่งจักรพรรดิเช่นเดียวกับตน แต่พลังต่อสู้ที่มีอยู่แข็งแกร่งยิ่งกว่า น่ากลัวยิ่งกว่า

“จี้เหลิ่ง เจ้าคิดว่าหากจู่ๆ หลี่ว์เสียนนี่กลายเป็นคนทรยศขึ้นมา เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตจะโกรธปานใด”

เสียงของหลินสวินดังขึ้น ปลุกจี้เหลิ่งที่จมสู่ความหวาดผวาสะดุ้งตื่นขึ้นมา

เขาหลุดปากเอ่ยว่า “หากเป็นเช่นนี้ เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตต้องบ้าคลั่งเป็นแน่”

กล่าวจบจี้เหลิ่งถึงเพิ่งตระหนักได้ว่าหลินสวินคิดจะทำอะไร สายตาที่มองไปยังหลี่ว์เสียนที่อยู่ไกลๆ เจือแววเวทนาขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง

เจ้าหมอนี่… ต่อไปเกรงว่าคงจะใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงาทะมึนแห่งความหวาดกลัวต่อผู้อาวุโสเต้ายวนเท่านั้นแล้ว…

“อยากให้ข้ายอมจำนนหรือ? ฝันไปเถอะ!”

เสียงของหลี่ว์เสียนเด็ดเดี่ยว สีหน้าหนักแน่น เผยแววเหี้ยมโหด

เพียงแต่ครู่ต่อมา

เขาก็คุกเข่าอยู่ตรงนั้นอย่างเคารพนบนอบ เชื่อฟังเหมือนสัตว์ที่ถูกฝึกให้เชื่อง สีหน้าแต้มแววยำเกรงและหวาดกลัวต่อหลินสวิน

ก่อนหน้ากับตอนนี้แตกต่างกันเกินไปแล้ว ทำเอาจี้เหลิ่งมองจนปากอ้าตาค้าง

นี่เป็นถึงมกุฎกึ่งจักรพรรดิ แต่ก็ยังหนีไม่พ้นอำนาจควบคุมของ ‘มายามแห่งความหวาดกลัว’ หรือ

หลินสวินยืนกลางอากาศ อาภรณ์โบกสะบัด ยิ้มพลางเอ่ยถามว่า

“จี้เหลิ่งเจ้าดูสิ พวกเราทำเพื่อใต้เท้าคีรีดำมากมายขนาดนี้แล้ว หากเจ้าเป็นใต้เท้าคีรีดำ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยังจะข่มใจไม่ถือโอกาสเคลื่อนไหวได้หรือ”