เพราะว่าเย่ฉางอิงมีคู่หมั้น แต่ยังไม่ได้แต่งงาน ตู้ไห่ชิงยังคงรู้สึกว่ามีความหวังริบหรี่ และยังไม่อยากยอมแพ้

เขาขอผู้หญิงคนหนึ่งแต่งงาน แต่ผู้หญิงคนนั้นพูดในที่สาธารณะว่าเธอรอคนอื่นอยู่ ซูโสว่เต้ายังคงจำความหน้าอายแบบนั้นได้จนถึงทุกวันนี้

ตั้งแต่นั้นมา เขาเกลียดเย่ฉางอิงอย่างสุดซึ้ง

ต่อมา เย่ฉางอิงแต่งงานในเย่นจิง

คืนนั้นตู้ไห่ชิงร้องไห้จนน้ำตาหมด และปิดประตูไม่ออกมาไว้เป็นเวลาหนึ่งเดือน

ซูโสว่เต้านำดอกไม้มาที่บ้านตู้ทุกวันเพื่อขอพบ เขายืนกรานอยู่สามสิบเก้าวัน และใช้กุหลาบสามสิบเก้าช่อ กว่าจะเปิดประตูหัวใจของตู้ไห่ชิงได้

ตู้ไห่ชิงที่ผอมลงเกือบ20โลเดินออกจากห้อง เดินออกจากบ้าน และพูดกับซูโสว่เต้าที่ถือดอกไม้อยู่นอกประตู

เธอถามซูโสว่เต้าว่า ถ้าเธอไม่สามารถลืมเย่ฉางอิงได้ตลอดชีวิตที่เหลือของเธอ ซูโสว่เต้าจะแต่งงานกับเธออีกไหม

ซูโสว่เต้ากัดฟันตอบตกลง

จากนั้น ตู้ไห่ชิงและซูโสว่เต้าก็หมั้นกันแบบฟ้าแลบ และอีกหนึ่งเดือนต่อมา ก็แต่งงานกันแบบฟ้าแลบ

ตอนที่เพิ่งแต่งงานกัน ซูโสว่เต้านอนหลับด้วยความวิตกกังวล และความกลัวทุกคืน

เขากลัวว่าภรรยาที่ข้างๆเขา จะเรียกชื่อเย่ฉางอิงในความฝันอย่างกะทันหัน

ความกังวลจะกลายเป็นจริงในไม่ช้า

ไม่กี่วันหลังงานแต่งงาน ซูโสว่เต้าได้ยินเสียงตู้ไห่ชิงคร่ำครวญในปากและตะโกนชื่อเย่ฉางอิงทุกวัน ในขณะที่กึ่งหลับกึ่งตื่น

ในช่วงเวลานั้น ซู่โสว่เต้าแทบจะล้มลง

ต่อมา ซูจือเฟยลูกชายคนโตก็เกิด

ในที่สุด ตู้ไห่ชิงก็เปลี่ยนโฟกัสจากเย่ฉางอิงเป็นลูกชายของเขา

ตั้งแต่นั้นมา ในที่สุดซู่โส่วเต้าก็สามารถนอนหลับได้อย่างสบาย

เสียงร้องดังของลูกชายกลางดึกกลายเป็นเพลงกล่อมเด็กที่สวยงามที่สุดสำหรับเขา

เขาสามารถนอนหลับอย่างสงบสุขด้วยเสียงร้องของลูกชายของเขา แต่เขาไม่สามารถฟังครางชื่อเย่ฉางอิงเบาๆ ในตอนนอนหลับของภรรยาได้ เพราะเย่ฉางอิงสามคำนี้ เป็นฝันร้ายของเขา!

เมื่อนึกถึงความอัปยศในอดีต ซูโสว่เต้าก็รู้สึกโกรธมาก

แม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านไปกว่ายี่สิบกว่าปีแล้ว แม้ว่าเย่ฉางอิงจะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่เขาก็ยังยอมไม่ได้

จ้าวอีหมิงรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่เย็นชาของเขา กำหมัดแน่น และฟันที่สั่นเทา

เขารับใช้อยู่ข้างๆซูโสว่เต้ามาเป็นเวลาหลายปี และรู้ว่าท่าทางแบบนี้ของซูโสว่เต้า มักจะโกรธถึงขีดสุด

เมื่อได้ยินว่ามัตสึโมโตะ โยชิจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวซูจือเฟยและซูจือหยู สีหน้าของเขาก็ไม่ต่างจากตอนนี้

จ้าวอีหมิงอดไม่ได้ที่จะแอบสงสัยในใจ:”เย่ฉางอิงคนนี้ ทำอะไรให้คุณท่านโกรธขนาดนี้กันแน่?”

เมื่อคิดเช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า:”คุณท่าน ชายผู้นั้นดูคล้ายกับเย่ฉางอิงงั้นเหรอ?”

“คล้ายกัน”ซู่โสว่เต้าพยักหน้าและพูดว่า:”แต่กลิ่นอายของเขาค่อนข้างต่ำ บางทีอาจจะเพราะว่าแต่งตัวสบายๆไปหน่อย เย่ฉางอิงในตอนนั้นพูดได้เต็มปากว่าเต็มไปด้วยสไตล์ เดินไปมีลม และน่าทึ่งมาก!”

จ้าวอีหมิงถามอีกครั้ง:”เด็กคนนั้นเป็นลูกของเย่ฉางอิงรึเปล่า?”

“เป็นไปไม่ได้”ซู่โสว่เต้าพูดอย่างเย็นชา:”ลูกหลานของเย่ฉางอิงได้หายไปนานแล้ว ตายไหมก็ยังไม่แน่นอน ตระกูลเย่หาเองยังไม่เจอเลย คาดว่าพวกเขาคงตายอยู่ข้างนอกตั้งนานแล้ว ”

ขณะที่เขาพูด ซูโสว่เต้ายิ้มอย่างมืดมนและพูดเยาะเย้ย:”เย่ฉางอิงสร้างศัตรูทุกหนทุกแห่ง และทำให้ตระกูลรอธส์ไชลด์ในยุโรปและสหรัฐอเมริกาขุ่นเคือง นอกจากนี้เขายังตกเป็นเป้าหมายของคนทุกประเภทในจีน เพราะความแหลมคมของเขา คนที่ต้องการจะฆ่าเข่ามันมากเกินไปจริงๆ”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซูโสว่เต้าจุดบุหรี่ และพูดเบา ๆ ว่า:”แม้ว่าเด็กเมื่อกี้จะดูเหมือนเขามาก แต่ฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนญี่ปุ่น อาจจะแค่คล้ายเฉยๆเท่านั้นแหละ”

จ้าวอีหมิงพยักหน้าเบา ๆ และถามเขาว่า:”คุณท่าน เราจะไปไหรต่อ? กลับไปที่โรงแรมหรือว่า?”

“ไม่กลับโรงแรมแล้ว”ซูโสว่เต้าพูดอย่างเย็นชา:”ถ้ากรมตำรวจนครบาลโตเกียวจับพวกรั่วหลีไม่ได้ จะต้องหาวิธีที่จะทำให้ฉันลำบากใจอย่างแน่นอน ฉันออกจากโตเกียวให้ไวก่อนดีกว่า!”

พูดจบ ซูโสว่เต้าสั่งเขาว่า:”ห้องพักในโรงแรมปล่อยทิ้งไว้นั่นแหละ พวกเราขับรถไปทางเหนือและไปที่จังหวัดจังหวัดอาโอโมริ ซึ่งอยู่ทางเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น ไปแช่น้ำพุร้อนเป็นเวลาสองวัน ผ่อนคลายแล้วค่อยไป”