ข้อมูลการบินพลเรือนเองก็ไม่ถือเป็นความลับอะไรอยู่แล้ว แม้ว่าจะเป็นเส้นทางของเครื่องบินส่วนตัว แต่ก็ไม่สามารถปกปิดจากเจ้าหน้าที่สนามบินและระบบจัดส่งของสนามบินได้

ดังนั้น เฉินจื๋อข่ายจึงพบข้อมูลบางอย่างอย่างรวดเร็ว และสรุปรายงานให้กับเย่เฉิน

ข้อมูลที่เฉินจื๋อข่ายตอบกลับมาหาเย่เฉินแสดงให้เห็นว่า มีเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวทั้งหมดสี่ลำ ที่จะบินจากโอซาก้าไปยังเมืองจงไห่ในคืนนี้

ในนั้นสองลำ เป็นเครื่องบินเจ็ตธุรกิจขนาดเล็กที่มีความจุผู้โดยสารน้อยมาก เครื่องบินทั้งสองลำมีความจุผู้โดยสารประมาณสิบคน เมื่อคำนึงถึงว่ามีผู้ยอดฝีมือจากตระกูลซูมาญี่ปุ่นหลายคน ไม่น่าจะใช้เครื่องบินประเภทนี้บินกลับไปได้ ดังนั้นเย่เฉินจึงกรองเครื่องบินสองลำนี้ออกไปโดยตรง

อีกสองลำที่เหลือ เป็นเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวที่ดัดแปลงจากเครื่องบินแอร์บัส A320 และจำนวนที่นั่งสำหรับเครื่องบินทั้งหมดนั้นมีประมาณสี่สิบถึงห้าสิบคน

ดังนั้น เย่เฉินสันนิษฐานว่า คนของตระกูลซูที่จะออกจากญี่ปุ่นจากโอซาก้าในคืนนี้ เครื่องบินที่จะใช้นั้นก็คือหนึ่งในเครื่องบิน A320 จากสองลำนี้

ดังนั้น เขาจึงขอให้เฉินจื๋อข่ายตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องบินทั้งสองลำอย่างละเอียด

เครื่องบินทั้งสองลำนี้จดทะเบียนอยู่ในประเทศจีน โดยหนึ่งลำจอดทอดสมออยู่ภายใต้ชื่อบริษัทการบินเอกชนในประเทศแห่งหนึ่ง แต่จริงๆ แล้วเป็นบริการตัวแทนของการท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์แห่งหนึ่ง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเที่ยวบินเช่าเหมาลำขาออกระดับไฮเอนด์ และเครื่องบินลำนี้พึ่งได้นำนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์กลุ่มสี่สิบคนมาจากทางใต้ของเมืองเซินในเมื่อวานนี้ และวันนี้ก็วางแผนที่จะรับสมาชิกกลุ่มทัวร์อีกกลุ่มหนึ่งกลับไปยังเมืองเซินอีกครั้ง

และอีกเครื่องหนึ่ง จดทะเบียนในชื่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเมืองจงไห่ เครื่องบินพึ่งได้มาถึงโอซาก้าด้วยเครื่องเปล่าจากเมืองจงไห่ในวันนี้เท่านั้น แผนการบินเดิมจะบินจากโอซาก้าไปยังเย่นจิง แต่แผนการบินพึ่งได้มีการเปลี่ยนแปลงไป และยื่นขอใบอนุญาตให้บินจากโอซาก้าไปยังเมืองจงไห่

ทันทีที่เย่เฉินเห็นเช่นนี้ เขาก็รู้ว่า เครื่องบินลำสุดท้าย ต้องเป็นลำที่ตระกูลซูจัดมาอย่างแน่นอน

จากการวิเคราะห์จนถึงตอนนี้ เย่เฉินก็เกิดความคิดที่ไม่ดีบางอย่างขึ้นมา

ดังนั้น มีรอยยิ้มที่เย็นชาเลื่อนผ่านมุมปากของเขา และหลังจากสั่งเฉินจื๋อข่ายเสร็จแล้ว ก็มีรอยยิ้มที่มุมปากของเขา กอดแขนและหรี่ตาพักผ่อนอยู่บนที่นั่งของเขา

ยี่สิบนาทีต่อมา เสียงที่อ่อนโยนดังก้องอยู่ในหูของเขา “ผู้โดยสารชั้นหนึ่งที่มีอุปการคุณทุกท่าน เที่ยวบินของคุณได้เริ่มการขึ้นเครื่องบินก่อนเป็นอันดับแรกแล้ว หากคุณต้องการขึ้นเครื่องล่วงหน้า โปรดไปที่ประตูทางขึ้นเครื่อง

เย่เฉินส่งเสียงฮัม และหางสายตาเหลือบมองไปที่ตำแหน่งของซูรั่วหลี เมื่อเห็นว่าซูรั่วหลีก็ยืนขึ้นเหมือนกัน เขาแอบคิดกับตัวเองว่า “ไม่นึกเลยว่านักฆ่าหญิงของตระกูลซูคนนี้ จะเป็นเที่ยวบินเดียวกับผมงั้นเหรอ”

หลังจากนั้น เขายืดเอว และถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ ของตัวเอง ก้าวออกจากห้องพักวีไอพีก่อนซูรั่วหลี

เย่เฉินมาถึงประตูทางออกขึ้นเครื่อง และหลังจากแสดงบัตรผ่านขึ้นเครื่องแล้ว ก็ได้ขึ้นเครื่องจากช่องวีไอพี ก่อนที่ผู้โดยสารชั้นประหยัดจะขึ้นเครื่อง

เนื่องจากเครื่องบินลำนี้บินในเที่ยวบินสั้นๆ หนึ่งชั่วโมงจากโตเกียวไปยังโอซาก้า ดังนั้นเครื่องบินจึงมีห้องโดยสารชั้นหนึ่งน้อยมาก โดยมีเพียงแปดที่นั่งเท่านั้น ที่นั่งของเย่เฉินอยู่ตรงแถวที่สองข้างหน้าต่างด้านขวา

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่อ่อนโยนเสนอให้ช่วยเขาวางกระเป๋าเดินทาง เย่เฉินกล่าวขอบคุณ แต่ก็ยังลงมือทำเอง และใส่กระเป๋าเดินทางไปในช่องเหนือศีรษะ

ทันทีที่เขานั่งลง ซูรั่วหลีก็เดินเข้ามาพร้อมกับผู้โดยสารชั้นหนึ่งสองสามคน

เมื่อเย่เฉินเห็นเธอเข้ามา ความคิดแรกของเขาก็คือหันศีรษะและไม่ไปมองเธอ เพื่อไม่ให้เธอพบถึงความผิดปกติ

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางแสงไฟที่กะพริบ จู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ถึงปัญหาเล็กๆ ข้อหนึ่งขึ้นมา

นักฆ่าหญิงดั่งซูรั่วหลี ความแข็งแกร่งและความสามารถในการรับรู้ แม้ว่าอาจไม่ได้แข็งแกร่งกว่าตัวเอง แต่ก็ต้องดีกว่าคนทั่วไปอย่างแน่นอน

อีกอย่างเธอมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามเช่นนี้ โดยปกติเธอจะต้องได้รับความสนใจจากผู้ชายธรรมดาทั่วไปไม่น้อยอย่างแน่นอน

หากตัวเองจงใจหลีกเลี่ยงการมองเธอ เป็นไปได้อย่างมากที่อาจจะทำให้เธอสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง

ดังนั้น เย่เฉินจงใจมองไปที่ซูรั่วหลีด้วยความประหลาดใจและแปลกใจ ราวกับว่าตัวเองตกใจกับความงามของเธอ และตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นเครื่องบินลำเดียวกันกับเธอ

ซูรั่วหลีรู้สึกถึงการจ้องมองที่แผดเผาของเย่เฉิน แต่เพียงแค่เหลือบมองเขาอย่างไม่ใส่ใจ และในหัวใจของเธอก็เต็มไปด้วยความรังเกียจในทันที

เธอแอบพูดในใจอย่างดูถูกว่า “เฮ้ เป็นยาจกอีกคนที่ทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้เห็นสาวสวยอีกแล้ว!”