บทที่ 1870

The king of War

บทที่ 1870
สู้จนตัวตาย
เมื่อเห็น เฉินยวี่ เดินไปทางหม่าชาว หนิงเทียนเหอ ก็โกรธจัด “เฉินยวี่ นายกล้า!”
เขาถูกผู้อาวุโสว่านขวางเอาไว้ และไม่มีทางที่จะไปช่วยหม่าชาว เฉินยวี่ เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้น อีกทั้งยังมีผู้อาวุโสอีกสองคนที่ล้วนไม่รู้จะทำยังไงดี
พวกเขาจะไม่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างไร? ผู้อาวุโสว่าน และ เฉินยวี่ เป็นพวกเดียวกัน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าทั้งสองคนมีการพูดคุยกันมาก่อนแล้วว่าจะก่อเรื่องขึ้น เพียงแต่ก่อนหน้านี้มีตู้จ้งอยู่ ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาส
ตอนนี้ตู้จ้งออกจากสมาพันธ์บูโดไป ผู้อาวุโสว่าน และ เฉินยวี่ ร่วมมือกันแล้วแบบนี้ หนิงเทียนเหอ ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย
เฉินยวี่ ไม่สนใจ หนิงเทียนเหอ เขาเดินไปหาหม่าชาวทีละก้าวๆ
หม่าชาวในเวลานี้ กำลังฝืนบังคับตัวให้ยืนอยู่ที่นั่น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรง พลังของลูกแก้วดูดเลือดทำให้ร่างกายของเขาเจ็บปวดอย่างมาก
ท้ายที่สุด เขาก็มีพลังแค่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าขั้นต้นเท่านั้น สามารถระเบิดพลังออกมาได้เทียบเท่ากับแดนเหนือมนุษย์ชั้นยอดขั้นเจ็ดก็ถือว่าเป็นขีดจำกัดสูงสุดแล้ว
ลูกแก้วดูดเลือดที่แต่เดิมถูกผนึกไว้ ก็กำลังระเบิดพลังออกมาอย่างผิดปกติและกำลังพุ่งโจมตีผนึกอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อผนึกถูกคลายออก เกรงว่าหม่าชาวคงต้องระเบิดและตายทันที
อาจกล่าวได้ว่า ตอนนี้เมื่อเขาปล่อยพลังของลูกแก้วดูดเลือดออกมาก็เท่ากับกำลังขุดหลุมฝังศพให้ตัวเอง นั่นเพราะลูกแก้วดูดเลือดนั้นถูกปิดผนึกไว้ และศัตรูของเขาแข็งแกร่งเกินไป ถ้าเขาต้องการเอาชนะศัตรู เขาก็ต้องฉีกผนึกออก
“ยังไม่พอ!”
หม่าชาวกัดฟันแน่นและพูดด้วยเสียงต่ำ
ถ้าเขาอยากได้พลังมากกว่านี้ เขาต้องทำให้รอยร้าวของผนึกใหญ่ขึ้นและปล่อยให้ลูกแก้วดูดเลือดปลดปล่อยพลังออกมามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยิ่งรอยร้าวของผนึกใหญ่ขึ้นเท่าใด ก็เท่ากับโอกาสที่ผนึกจะถูกทำลายด้วยลูกแก้วดูดเลือดก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
หนิงเทียนเหอ ซึ่งถูกผู้อาวุโสว่านขวางเอาไว้ ในเวลานี้กำลังร้อนรนอย่างมาก เขารีบตะโกนใส่ผู้อาวุโสอีกสองคน “ผู้อาวุโสหง!ผู้อาวุโสเว่ย!พวกคุณรีบหยุด เฉินยวี่ เขาต้องการฆ่าพี่น้องที่ดีที่สุดของหัวหน้าสมาคม”
ผู้อาวุโสหงและผู้อาวุโสเว่ยล้วนมีสีหน้าลังเล พวกเขาทำให้ หนิงเทียนเหอ ไม่ได้และก็ไม่สามารถทำให้ผู้อาสุโสว่านขุ่นเคืองได้เช่นกัน
ออร่าบู๊บนตัวของผู้อาวุโสว่านนั้นน่าหวาดกลัวอย่างมาก เกรงว่าเขาใกล้จะไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายแล้ว และสมาพันธ์บูโดในตอนนี้ หยางเฉินก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติไปแม้ว่าเขาจะตื่นขึ้นมา แต่ก็อาจจะกลายเป็นคนพิการคนหนึ่งเท่านั้น
หากไม่มีหยางเฉิน ตู้จ้งก็จะเป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดและตอนนี้ก็อยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายแล้ว
เมื่อผู้อาวุโสว่านเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายเมื่อไหร่ อย่างนั้นต่อให้เป็นตู้ตงก็คงจนปัญญากับผู้อาวุโสว่านเช่นกัน
“ผู้อาวุโสเว่ย! ผู้อาวุโสหง! พวกคุณรีบหยุด เฉินยวี่! ถ้าพี่น้องที่ดีที่สุดของหัวหน้าสมาคมเราถูกฆ่า อย่างนั้นเมื่อหัวหน้าสมาคมฟื้นขึ้นมา พวกคุณลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”
หนิงเทียนเหอ เอ่ยเสียงดัง แต่ทั้งสองคนกลับยังไม่ลงมือใดๆ และไม่กล้าที่จะเข้าไปหยุด
ผู้อาวุโสว่านพูดด้วยรอยยิ้ม “หยางเฉินใกล้จะตายอยู่แล้ว ต่อให้เขาฟื้นขึ้นมาตอนนี้ แล้วเขาจะทำอะไรได้?”
หลังจากนั้น ผู้อาวุโสว่านก็มองไปที่ผู้อาวุโสเว่ยและผู้อาวุโสหงและพูดด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสเว่ย! ผู้อาวุโสหง! พวกคุณล้วนเป็นคนฉลาดควรเข้าใจได้ว่า ตอนนี้หยางเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัสแม้ว่าเขาจะรอดมีชีวิตมาได้ แต่ก็เท่ากับเป็นปาฏิหาริย์แล้ว นับประสาอะไรกับการฟื้นตัวกลับสู่สภาพที่สมบูรณ์ของเขา”
“ดังนั้นฉันเลยคิดว่า ตำแหน่งหัวหน้าสมาคมของเขาควรถูกปลดออกซะ เนื่องจากสมาพันธ์บูโดของพวกเราเป็นสมาพันธ์ที่ก่อตั้งขึ้นจากนักบู๊โลกฆราวาสในจิ่วโจว อย่างนั้นมันก็ควรจะถูกครอบครองโดยผู้ที่มีความสามารถ ทั้งสองคนคิดอย่างไร?”
ตาของผู้อาวุโสว่านหรี่ลง แต่ใบหน้าของเขากำลังยิ้ม
ผู้อาวุโสเว่ยและผู้อาวุโสหงต่างก็ตัวสั่นสะท้าน พวกเขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากผู้อาวุโสว่าน พวกเขาไหนเลยจะไม่เข้าใจว่าผู้อาวุโสว่านกำลังบีบบังคับให้พวกเขาเลือกข้าง
หากพวกเขาปฏิเสธ พวกเขาก็จะไม่สามารถรับประกันได้ว่าผู้อาวุโสว่านจะไม่ลงมือกับพวกเขา
หนิงเทียนเหอ โกรธถึงขีดสุดมานานแล้ว พลังในแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลางระเบิดออกมาทันที เขาจ้องไปที่ผู้อาวุโสว่านแล้วตะคอกขึ้น “ว่านฉีนายรู้ไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่?”
ว่านฉีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทั้งหมดที่ฉันทำไปนี้ก็ล้วนเพื่อประโยชน์ของสมาพันธ์บูโด หวังว่ารองหัวหน้าหนิงจะเข้าใจ!”
“ว่านฉีฉันขอพูดในที่นี่วันนี้ ถ้า เฉินยวี่ กล้าลงมือ อย่างนั้นวันนี้ต่อให้ฉันต้องเอาชีวิตเข้าแลกก็ต้องให้เขาต้องจ่ายค่าตอบแทนหนักๆ ออกมา!”
ดวงตาสีแดงเลือดของหนิงเทียนเหอจ้องไปที่ ว่านฉีและพูดกัดฟันแน่นว่า “นายอยากเป็นหัวหน้าสมาคมไม่ใช่หรือไง? ฉันก็อยากจะเห็นสักหน่อย ว่าถ้าฉันเล่นงานนายอย่างหนัก นายยังจะมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นหัวหน้าหรือไม่?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของ ว่านฉีหายไปในทันใด ในดวงตาของเขาฉายแววคมปลาบ เขาหรี่ตามอง หนิงเทียนเหอ และพูดว่า “หนิงเทียนเหอ นี่นานยกำลังขู่ฉันอยู่หรือไง?”
หนิงเทียนเหอ ไม่กลัวเลยสักนิด เขาเผชิญหน้ากลับไป “นายจะคิดว่าฉันกำลังขู่นายก็ได้!”
จู่ๆว่านฉีก็ยิ้มขึ้น “ฮ่าฮ่า ดีมาก! นายแน่มาก! คนที่กล้ามาขู่ฉันนายถือเป็นคนแรก!”
ทันใดนั้นเอง ทั่วท้องฟ้าก็ถูกปกคลุมไปด้วยออร่าบู๊อันน่าสะพรึงกลัว
ว่านฉียังคงปล่อยออร่าบู๊ของตนออกมา ในชั่วพริบตา เขาก็ไปถึงจุดสูงสุดของแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลาง ซึ่งอยู่ห่างจากชั้นยอดของแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดอีกเพียงแค่คืบเท่านั้น
แม้ว่าออร่าบู๊ขอ หนิงเทียนเหอ เองก็จะอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลางด้วยเช่นกัน แต่เขาก็ยังอยู่ห่างจากแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอดไปอีกไกล
จนกระทั่งเวลานี้เองที่คนในสมาพันธ์บูโดถึงค่อยตระหนักได้ว่า ว่านฉีได้เก็บซ่อนฝีมือเอาไว้อย่างลึกล้ำ ความแข็งแกร่งของเขาเกรงว่าอาจเหนือ หนิงเทียนเหอไปแล้ว?
เฉินยวี่ ก็ตกใจกับคำพูดขอ หนิงเทียนเหอ เขายืนอยู่หน้าหม่าชาวและไม่กล้าลงมือ
เขากลัวว่าหากตนลงมือ หนิงเทียนเหอ ก็อาจจะฆ่าตนจริงๆ
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นเพียงผู้แข็งแกร่งในแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้นเท่านั้น อาศัยความแข็งแกร่งขอ หนิงเทียนเหอ การฆ่าเขาถือเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก
ผู้อาวุโสเว่ยและผู้อาวุโสหงเองก็มีสีหน้าเคร่งขรึม พวกเขาไม่กล้าเลือกฝั่งอย่างมั่วๆ หากเลือกผิดขึ้นมาก็อาจจะต้องชดใช้มันด้วยชีวิต
หม่าชาวเองก็ไม่ได้กระทำการใดๆ เขาพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมผนึกสะกดลูกแก้วดูดเลือดไม่ให้แตกออก ในเวลาเดียวกัน เขาก็ต้องรักษาสถานะแดนเหนือมนุษย์ชั้นยอดขั้นเจ็ดเอาไว้
สองพี่น้องตระกูลซ่งผู้ซึ่งถูก เฉินยวี่ โจมตีอย่างแรงจนหมดสติไปในเวลานี้ก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว จากนั้นก็รีบไปยังข้างๆหม่าชาวและจ้องมอง เฉินยวี่ อย่างไม่วางตา
นอกจากคนเหล่านี้แล้ว ยังมีนักบู๊อีกหลายสิบคนที่ยังคงอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์บูโด สีหน้าของพวกเขาในเวลานี้ล้วนแต่ดูเคร่งเครียด
ออร่าบู๊ของ ว่านฉีนั้นแข็งแกร่งมาก แม้ว่า หนิงเทียนเหอ จะด้อยกว่า ว่านฉีแต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่ามากนัก
หากทั้งสองต่อสู้กันจริงๆ ต่อให้ท้ายที่สุด หนิงเทียนเหอจะพ่ายแพ้แต่ ว่านฉีก็ต้องมีราคาที่ต้องชดใช้อย่างหนักเช่นกัน
ว่านฉีเองก็ลังเลว่าเขาควรจะลงมือกับ หนิงเทียนเหอ หรือไม่ หากเขาลงมืออย่างนั้นก็จะไม่มีทางย้อนกลับได้อีก
เมื่อเวลาผ่านไป ว่านฉีและ หนิงเทียนเหอ ก็ยังไม่เริ่มลงมือ อีกทั้งหม่าชาว และเฉินยวี่ก็เผชิญหน้ากันมาตลอด บรรยากาศเต็มไปด้วยความมาคุอย่างรุนแรง
ผู้อาวุโสเว่ยและผู้อาวุโสหงเองก็มีสีหน้าเคร่งขรึม พวกเขาไม่กล้าเลือกฝั่งอย่างมั่วๆ หากเลือกผิดขึ้นมาก็อาจจะต้องชดใช้มันด้วยชีวิต
จู่ๆหนิงเทียนเหอ ก็เปิดปากขึ้นมาว่า “ว่านฉี สมาพันธ์บูโดเพิ่งก่อตั้งขึ้นมาตอนนี้ก็เกิดความขัดแย้งภายในแล้ว นี่จะทำให้สมาพันธ์บูโดอ่อนแอลง ในเมื่อนายต้องการเป็นหัวหน้าของสมาพันธ์ ก็คงไม่อยากให้สมาพันธ์ของเราอ่อนแอลงหรอกใช่ไหม?”
“ถ้าคุณต้องการเป็นหัวหน้าสมาคม ก็ได้! แต่ไม่ใช่ในตอนนี้ ต่อให้ปลดตำแหน่งหัวหน้าสมาคมของคุณหยางก็ต้องรอให้รองหัวหน้าตู้กลับมาก่อน”
ว่านฉีพูดอย่างเย็นชา “แล้วถ้าฉันต้องการจะเป็นหัวหน้าสมาคมในวันนี้ล่ะ?”
หนิงเทียนเหอ พูดอย่างจริงจัง “ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะสู้ตายกับนาย!”