บทที่ 1878

The king of War

บทที่ 1878
เป็นพวกสวะ
ใบหน้าของ ไป๋หลี่ซวน น่าเกลียดอย่างยิ่งทันที นั่นเพราะเขาสัมผัสได้ถึงออร่าบู๊ที่หยางเฉินปล่อยออกมา และรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหยางเฉินซึ่งอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง
นักบู๊โลกฆราวาสกลายเป็นปีศาจไปตั้งแต่เมื่อไร?
ครั้งนี้ที่เขามายังโลกฆราวาส เขารู้แค่ว่าหยางเฉินนั้นแข็งแกร่งมาก อีกทั้งยังสังหารไป๋หลี่ฉางคงที่ครอบครองพลังกึ่งแดนหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นได้
ในความเห็นของเขา ไม่ว่าหยางเฉินจะแข็งแกร่งเพียงใด แดนบูโดของเขาก็สามารถไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นได้ก็ถือว่าไม่ธรรมดามากแล้ว แต่กลับไม่คิดเลยว่า แดนบูโดของเขาจะเป็นถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง
หากเขารู้ว่า หยางเฉินเพิ่งจะเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางในแค่ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ เขาจะยิ่งรู้สึกอย่างไร?
“บังอาจ!”
หนึ่งในสองชายผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายที่ติงเหวินจัวพามาตะโกนใส่หยางเฉินว่า “นายนับเป็นตัวอะไร? กล้ามาพูดจาสามหาวกับนายท่านตระกูลไป๋หลี่ของเรา?”
ผู้แข็งแกร่งอีกคนของตระกูลไป่หลี่ก็เอ่ยอย่างโกรธเคือง “ไปพูดจาไร้สาระกับเขาอีกทำไม? พวกเราร่วมมือกันฆ่าเขาซะ”
มุมปากของอีกฝ่ายผุดขึ้นอย่างเย็นชา “ตามที่อยากทำพอดี!”
หลังจากพูดจบ นักบู๊แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายสองคนของตระกูลไป๋หลี่ก็พุ่งเข้าหาหยางเฉินพร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับไม่ได้ใช้ความเร็วเต็มที่และจงใจชะลอความเร็วเพื่อพุ่งเข้าหาหยางเฉิน
พวกเขารู้ว่าความแข็งแกร่งของหยางเฉินนั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้ แต่กลับยังต้องการจะฆ่าหยางเฉินก็เพียงเพราะอยากจะแสดงผลงานต่อหน้าไป๋หลี่ซวนพวกเขารู้ดีเช่นกันว่าไป๋หลี่ซวนจะไม่ปล่อยให้พวกเขาตายอย่างแน่นอน
“ไสหัวกลับมาเดี๋ยวนี้!”
ไป๋หลี่ซวนรู้ดีถึงความแข็งแกร่งของหยางเฉินและตะโกนขึ้นทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาตะโกนออกไปและเตรียมที่จะช่วยเหลือ ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว
ขณะที่เขาพูด หยางเฉินก็ได้เคลื่อนไหวแล้ว
“ปึง!”
“ปึง!”
สองผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายที่เมื่อกี้ยังมีท่าทางดุดัน มาตอนนี้ราวกับถูกรถบรรทุกชนอย่างหนักชนและกระอักเลือดออกมาก่อนจะกระเด็นไปในอากาศ
ก่อนที่คนจะตกลงพื้น พลังชีวิตของพวกเขากลับสูบสลายไปทันที
ตึง!
หลังจากที่คนตายไป ร่างของเขาก็ตกลงกับพื้นอย่างแรง
ผู้แข็งแกร่งในที่เกิดเหตุต่างตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์
ก่อนที่ ไป๋หลี่ซวน และ หยางเฉินจะปรากฏตัว สองผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายนั้นแข็งแกร่งอย่างมากจนแทบจะเปลี่ยนหัวหน้าสมาคมสมาพันธ์บูโดไปได้แล้ว
แต่กลับไม่นึกเลยว่านักบู๊ของตระกูลไป๋หลี่ที่แข็งแกร่งมากขนาดนี้กลับถูกหยางเฉินฆ่าลงพร้อมกันเพียงชั่ววินาที
สีหน้าของ ไป๋หลี่ซวน โกรธมากจนกู่ไม่กลับ เขาจ้องไปที่หยางเฉินและตะโกนอย่างโกรธเคือง “นายมันกล้าดีนัก ถึงกับกล้าฆ่านักบู๊ของตระกูลไป๋หลี่ต่อหน้าฉัน ต่อให้พวกเขาจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นในตระกูลไป๋หลี่ แต่ก็ถือว่าเป็นนักบู๊ของตระกูลไป๋หลี่เช่นกันวันนี้ ฉันจะบดนายให้เป็นผุยผง! ให้นายได้รู้ว่า ผลของการหาเรื่องตระกูลไป๋หลี่มีผลที่ตามมาร้ายแรงมากขนาดไหน!”
ในดวงตาของหยางเฉินมีรังสีสังหารวาบผ่าน สำหรับตาแก่บัดซบที่อยู่ตรงหน้า เขามีก็แค่จิตสังหารอย่างแรงกล้าเท่านั้น
เนื่องจากอีกฝ่ายพุ่งเข้ามาหาเขา ดังนั้นเขาจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเมตตา
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลไป๋หลี่ยังมีความบาดหมางกับหม่าชาว ในฐานะพี่น้องที่ดีของหม่าชาว หยางเฉินย่อมไม่มีความรู้สึกดีเลยสักนิดต่อผู้คนในตระกูลไป่หลี่
ดวงตาของหยางเฉินเป็นประกายเยียบเย็น จากนั้นก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ฉันกลับอยากลองดูสักหน่อย ว่าผลที่ไปหาเรื่องตระกูลไป๋หลี่มันจะร้ายแรงสักขนาดไหน”
ปึง!
ออร่าบู๊อันน่าทึ่งเกิดระเบิดขึ้นมาจากตัวของ ไป๋หลี่ซวน
หยางเฉินพูดเสียงดัง “ทุกคน ถอยไปเดี๋ยวนี้!”
การต่อสู้ระดับนี้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งธรรมดาทั่วไปก็ยากจะรับต่อแรงกดดันบู๊ได้
นักบู๊ที่ติงเหวินจัวนำมาและนักบู๊ของสมาพันธ์บูโดต่างก็ถอยห่างออกไปหลายสิบเมตร
ตอนนี้ดวงตาของหม่าชาวเต็มไปแววอาฆาต เขาจ้องไปที่ ไป๋หลี่ซวน และกำหมัดแน่น เขาอยากต่อสู้กับ ไป๋หลี่ซวน ด้วยตัวเองอย่างยิ่ง แต่ตนอ่อนแอเกินไปและเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ ไป๋หลี่ซวน เลย
“พี่เฉิน ระวังด้วย”
หลังจากบอกหยางเฉิน หม่าชาวก็ถอยกลับ
หยางเฉิน และ ไป๋หลี่ซวน ยืนเผชิญหน้ากัน บนตัวทั้งสองต่างมีออร่าบู๊ที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมา แม้กระทั่งพื้นคอนกรีตแข็งก็ยังทนรับแรงกดดันนี้ไม่ได้และมีรอยแตกออกขนาดเท่ากับนิ้วแผ่ออกไปราวใยแมงมุม
หยางเฉินไม่ได้ดูถูกศัตรูเลยสักนิด เขากระตุ้นสายเลือดคลั่งในตัวของเขาทันที วิถีบู๊ของเขายังอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางแต่ไป๋หลี่ซวนที่อยู่ตรงหน้ากลับอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายแล้ว
แม้ว่าทั้งสองจะมีแดนบูโดที่แตกต่างกันเพียงแดนเดียว และหยางเฉินที่อยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นก็เคยได้ฆ่าทิคาโนะ ทาเคชิที่อยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายมาแล้ว แต่ว่า นั่นเป็นเพราะทิคาโนะ ทาเคชิดูถูกศัตรูจนทำให้เขาสบโอกาส และใช้พลังแห่งธาตุน้ำควบแน่นออกมาเป็นดาบโลหิต ทำให้ทิคาโนะ ทาเคชิตาบอด จากนั้นจึงฉวยโอกาสฆ่าเขา
โอกาสแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ทุกครั้งนักบู๊ต่อสู้จะมีได้
ไป๋หลี่ซวนเองก็ไม่ได้ดูถูกหยางเฉินเช่นกัน เขาระเบิดพลังสถานะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมาโดยตรงเพราะรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากหยางเฉิน ซึ่งเป็นแรงกดดันจากสายเลือดคลั่ง
เขาที่มีอายุมาปูนนี้ พบเห็นอะไรมามาก ดังนั้นจึงพอมีความรู้เรื่องความลับของสายเลือดคลั่งมากกว่าคนทั่วไป
ทั้งสองยังไม่ได้เริ่มลงมือแต่อย่างใด ต่างฝ่ายต่างมองน้ากัน มีก็เพียงวิถีบู๊อันน่าสะพรึงกลัวที่ปลดปล่อยออกมาที่ทำให้ผู้คนรู้ว่าสงครามกำลังใกล้เข้ามา
“ปึง!”
ทันใดนั้น ไป๋หลี่ซวนก็ขยับเท้าและเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน ทันทีที่เขาขยับ พื้นคอนกรีตที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาก็แตกออก
หยางเฉินที่เตรียมตัวไว้ก่อนแล้วก็เคลื่อนไหวในขณะที่ไป๋หลี่ซวนเริ่มการโจมตีเช่นกัน
หนึ่งผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง หนึ่งผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย ต่างก็มีกำลังการต่อสู้ชั้นยอด ทั้งสองพุ่งเข้าใส่กันและร่างกายของพวกเขาก็ชนเข้าด้วยกันแทบจะในทันที
“เพี๊ยะ!”
ออร่าอันน่าสะพรึงกลัวกระจายออกไปทุกทิศทุกทางโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่คนทั้งสอง
ไม่ว่าออร่านี้จะไปที่ไหน มันก็จะสร้างพลังทำลายล้างครั้งใหญ่
“ปึงปึงปึง!”
พื้นดินในระยะสิบเมตรรอบๆ คนทั้งสองกลายเป็นผุยผง ฝุ่นที่อยู่รอบๆ ก็ลอยปลิวว่อน
แม้แต่ผู้แข็งแกร่งซึ่งยืนอยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตรก็ยังรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างหนักในตอนที่พวกเขาชนเข้าใส่กัน ส่วนเหล่าผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าลงไป แต่ละคนล้วนรู้สึกราวหน้าอกถูกกระแทกอย่างแรงด้วยออร่าอันน่าตะลึงนี้จนต้องถอยห่างออกไปหลายเมตร
“นี่…”
ในเวลานี้ นักบู๊แดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดขั้นแปดที่ชอบโอ้อวดว่าตนเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งต่างก็ตกตะลึงจนกู่ไม่กลับ เมื่อพวกเขาได้เห็นผู้แข็งแกร่งระดับนี้สู้กัน ถึงค่อยเข้าใจว่าพวกเขาอ่อนแอแค่ไหน
ดวงตาของหม่าชาวเต็มไปด้วยความคาดหวัง เขากำหมัดแน่นและรู้ว่าช่องว่างระหว่างตัวเขากับหยางเฉินกำลังเพิ่มมากขึ้นไปอีก ถ้าแดนบูโดของตนยังหยุดอยู่กับที่ สักวันหนึ่ง เขาก็อาจจะไม่มีวันตามหยางเฉินได้ทัน
ในสนามรบ หลังจากที่หยางเฉินและไป๋หลี่ซวน ปะทะกัน ทั้งสองต่างก็ยืนอยู่ที่เดิมไม่มีใครล่าถอย
ในใจของ ไป๋หลี่ซวน เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขารู้ว่าหยางเฉินแข็งแกร่งและรู้สึกถึงความแข็งแกร่งของหยางเฉินจากออร่าบู๊ที่เขาปล่อยออกมา
อย่างไรก็ตาม เขากลับคิดไม่ออกเลยว่า อาศัยพลังในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายอย่างเขาที่ทำการโจมตีอย่างเต็มที่กลับไม่สามารถทำให้หยางเฉินล่าถอยได้
อย่างนั้นก็อาจกล่าวได้ว่า ความแข็งแกร่งของหยางเฉินได้มาถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายแล้ว
อย่างไรก็ตาม หยางเฉินยังเด็กมากขนาดนี้ก็มาถึงขั้นนี้ได้แล้ว หากให้เวลาเขาอีกไม่กี่ปี เขาจะแข็งแกร่งไปได้ถึงขั้นไหน?
ก่อนหน้านี้ เขามักจะคิดว่าหลานชายของเขาไป๋หลี่เยว่เมื่ออายุ 35 ปี ก็สามารถก้าวไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางได้ถือเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะแล้ว จนเมื่อเขาได้พบกับหยางเฉิน เขาก็ตระหนักได้ว่าหยางเฉินที่อายุยังไม่ถึงสามสิบปีเมื่อเอาไป๋หลี่เยว่มาเทียบแล้วเขา ไป๋หลี่เยว่ก็เป็นเพียงสวะไปทันที