บทที่ 1884

The king of War

รอฉันที่บ้าน

หลังจากออกจากสำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์บูโดแล้ว หยางเฉินก็กลับไปยังยอดเมฆาพร้อมหม่าชาวและสองพี่น้องตระกูลซ่ง

การกลับมาของหยางเฉินทำให้ทุกคนมีความสุขมาก เมื่อสามวันก่อนหลังจากสิ้นสุดการต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายของหยางเฉินและทิคาโนะ ทาเคชิเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และคนเหล่านี้ที่ใกล้ชิดกับหยางเฉินก็กังวลมาเป็นเวลาสามวันแล้วเช่นกัน

“เสียวหว่าน ฉันไม่เป็นไรจริงๆ เธอวางใจได้”

หยางเฉินมองไปที่เฝิงเสียวหว่านซึ่งกำลังตรวจสอบร่างกายของตนและกล่าวว่า “เธอช่วยตรวจสอบร่างของผู้อาวุโสด้านซ้ายและขวาทั้งสองก่อนเถอะ พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส”

สองพี่น้องตระกูลซ่งเกือบถูกฆ่าตายในสำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์บูโด กล่าวคือพวกเขาอ่อนแอเกินไป ดีที่ไม่มีใครเล็งเป้ามาเล่นงาน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงตายไปแล้ว

เฝิงเสียวหว่านไม่สนใจหยางเฉิน หลังจากตรวจสอบหยางเฉินอย่างละเอียดแล้วเธอก็โล่งใจในที่สุด

เฝิงเสียวหว่านถามทันที “พี่หยาง คุณรู้สึกบ้างไหมว่าหลังจากการพัฒนาแดนบูโดของคุณในครั้งนี้ ความแข็งแกร่งของคุณออกจะเพิ่มขึ้นมากไปหน่อย?”

หยางเฉินชะงักไปชั่วครู่ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมีความคิดแบบนี้มาก่อน แต่มาตอนนี้ หลังจากฟังคำพูดของเฝิงเสียวหว่าน เขาก็รู้สึกว่ามันดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง

ยิ่งมีพลังแข็งแกร่ง ก็จะยิ่งเป็นการยากที่จะข้ามแดนไปฆ่าศัตรู โดยเฉพาะอย่ายิ่งเมื่อแดนบูโดมาถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นก็ยิ่งยากที่จะข้ามแดนบูโดเพื่อฆ่าศัตรู

ตอนนี้เขาอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง สามารถระเบิดพลังแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายได้ก็น่าจะเป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว แต่ว่า อาศัยความช่วยเหลือของของอาถรรพ์อย่างมีดโลหิต เขากลับสามารถฆ่าไป๋หลี่ซวน ที่มีความแข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายได้อย่างง่ายดาย

ท้ายที่สุด ไป๋หลี่ซวน ก็มาจากตระกูลบู๊โบราณ แต่เดิมก็มีพลังต่อสู้ที่แย่มาก มีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายทั่วไปในโลกฆราวาสน้อยคนนักที่จะสามารถต่อกรกับเขาได้

อย่างไรก็ตาม ไป๋หลี่ซวน กลับถูกเขาฆ่าอย่างง่ายดาย

อย่างนั้นก็เท่ากับว่า เขาในตอนนี้ หากระเบิดพลังออกมาทั้งหมด ก็เท่ากับสามารถต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นยอดได้?

หากเป็นแบบนั้นจริงๆ เมื่อแดนบูโดของเขาเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายเมื่อไหร่ ตนก็เท่ากับไร้ศัตรูในแดนเหนือมนุษย์ลงไปแล้วไม่ใช่หรือ?

ก็เหมือนที่เฝิงเสียวหว่านเอ่ยถาม หลังจากทะลวงแดนบูโดในครั้งนี้ไปแล้ว ประสิทธิภาพการต่อสู้ของหยางเฉินเพิ่มขึ้นมากเกินไปอยู่บ้าง

หยางเฉินเอ่ยถาม “เสียวหว่าน เธอรู้ไหมว่านี่คือสถานการณ์อะไร?”

เฝิงเสียวหว่านกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ฉันรู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งมากในจุดตันเถียนของคุณ และก็แน่ใจมากว่าก่อนหน้านี้จุดตันเถียนของคุณไม่มีพลังนี้ ดังนั้น พลังนี้ เป็นพลังที่ได้มาหลังจากที่คุณทะลวงขั้นขึ้นไปในครั้งนี้”

“ในตอนนี้ ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่าพลังนี้เป็นอันตรายต่อร่างกายของคุณหรือไม่ แต่คุณก็ควรระวังเอาไว้ ถ้าร่างกายรู้สึกไม่สบายขึ้นมา ต้องรีบบอกฉันทันที”

หยางเฉินตกใจมาก ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดของเฝิงเสียวหว่าน เขาก็คงจะไม่รู้จริงๆ ว่ามีพลังมหาศาลในจุดตันเถียนของเขาเอง

หรือว่า จะเป็นยาที่ฉินยีป้อนให้เขา?

ก่อนหน้านี้หยางเฉินหมดสติไปเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เมื่อฟื้นคืนสติในภายหลัง แต่เขาก็ยังไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ หลังจากที่ฉินยีป้อนยาให้ เขาที่อยู่ในอาการหมดสติกลับสามารถทะลวงแดนบูโดและฟื้นขึ้นมา

การทะลวงแดนในครั้งนี้ง่ายกว่าครั้งก่อนมาก ทุกอย่างล้วนไม่ปกติอย่างยิ่ง

หยางเฉินพูดอย่างจริงจัง “ไม่ต้องกังวล ถ้ามีอะไรผิดปกติ ฉันจะบอกเธอในทันที”

เมื่อเห็นคำสัญญาของหยางเฉิน เฝิงเสียวหว่านก็ค่อยวิ่งไปรักษาคนอื่นๆ

อันดับแรก เธอตรวจร่างกายของสองพี่น้องตระกูลซ่ง ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บสาหัสภายใน แม้แต่เฝิงเสียวหว่านก็ไม่สามารถทำให้พวกเขาฟื้นตัวได้ในเวลาอันสั้น ดังนั้นจึงได้แต่ต้องรักษาตัวอีกระยะหนึ่งเท่านั้น

สุดท้ายก็คือตรวจดูหม่าชาว

ไม่นานนัก ใบหน้าของเฝิงเสียวหว่านก็เคร่งขรึมอย่างมาก อ้ายหลินเองก็กังวลขึ้นมาทันที เธอติดตามเฝิงเสียวหว่านมาเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงเข้าใจทุกการแสดงออกของเฝิงเสียวหว่าน

หยางเฉินเองก็กังวลเกี่ยวกับหม่าชาวเช่นกัน

การตรวจดูครั้งนี้ผ่านไปถึงห้านาทีเต็มๆ ก่อนจะหยุดลง

อ้ายหลินรีบถาม “เสียวหว่าน หม่าชาวเป็นอย่างไรบ้าง?”

เฝิงเสียวหว่านไม่ได้พูดอะไร เธอลังเลและไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามนี้หรือไม่ อีกทั้งกำลังคิดว่าจะอธิบายอย่างไรดี

นี่กลับยิ่งทำให้ทุกคนเป็นห่วงมากขึ้น

หม่าชาวดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างและพูดด้วยรอยยิ้ม “ร่างกายของฉัน ฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นตอนที่ฉันกำลังต่อสู้กับไอ้สารเลว ว่านฉีเมื่อกี้นี้และได้รับบาดเจ็บภายใน รักษาตัวอีกสักพักก็ไม่เป็นอะไรแล้ว เสียวหว่านฉันพูดถูกไหม?”

เขากำลังจะตามหยางเฉินไปยังสนามรบนอกเขตอย่างภูเขาวมารแล้ว ในเวลานี้เขาจะให้อ้ายหลินกังวลเกี่ยวกับตัวเองไม่ได้

อ้ายหลินเข้าใจความหมายของหม่าชาว และตะโกนทันที “หุบปาก!”

หม่าชาวลูบจมูกของตนและยิ้มเก้อๆ

อ้ายหลินมองไปที่เฝิงเสียวหว่านและถามว่า “เสียวหว่าน เกิดอะไรขึ้นกับเขา? ช่วยบอกฉันที”

เฝิงเสียวหว่านเหลือบมองหม่าชาว จากนั้นก็มองไปที่อ้ายหลินและพูดว่า “พี่อ้ายหลิน พี่หม่าได้รับบาดเจ็บภายในซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับรากฐานวิถีบู๊ของเขา แต่ว่าคุณไม่ต้องกังวล ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อไม่ให้รากฐานวิถีบู๊ของเขาเกิดความเสียหาย”

หลังจากได้ยินคำพูดของเฝิงเสียวหว่าน อ้ายหลินก็โล่งใจ เธอถลึงตาใส่หม่าชาวและพูดว่า “นายแข็งแก่รงไม่พอแต่ยังทำตัวอวดเก่งอยู่อีก สมควรแล้วที่ได้รับบาดเจ็บภายใน”

หม่าชาวยิ้มๆ และเข้าไปกอดอ้ายหลินก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ภรรยา คราวนี้ฉันได้รับบาดเจ็บก็เพราะช่วยพี่เฉินต่างหาก ต่อให้จะโทษ ก็ต้องโทษพี่เฉินสิ ใครใช้ให้เขาซ่อนตัวอยู่ในสำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์บูโดแล้วไม่บอกพวกเราสักคำ? ทำเอาพวกเราเกือบจะไปขัดแย้งกับผู้แข็งแกร่งของสมาพันธ์บูโด”

อ้ายหลินค้อนใส่หม่าชาวรอบหนึ่ง

หม่าชาวมองหยางเฉินอย่างมีความสุขและกล่าวว่า “พี่เฉิน ต้องโทษคุณใช่ไหม?”

ในใจของหยางเฉินรู้สึกไม่ดีอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าเฝิงเสียวหว่านกลัวว่าอ้ายหลินจะกังวล ดังนั้นเธอจึงซ่อนอะไรบางอย่างไว้ แต่เขารู้ดีว่าหม่าชาวจะต้องมีปัญหาใหญ่แน่ๆ

เขายิ้มและพยักหน้าก่อนจะพูดกับอ้ายหลินว่า “พี่อ้ายหลิน คราวนี้ต้องโทษผม ผมเก็บตัวทะลวงแดนอยู่ในสมาพันธ์บูโดจนลืมเวลา ทำให้การติดต่อกับพวกคุณล่าช้า”

อ้ายหลินรีบพูด “พี่เฉิน ฉันไม่ได้โทษคุณหรอก”

หยางเฉินยิ้มและพยักหน้า

ระหว่างทางกลับ หยางเฉินและหม่าชาวตกลงกันแล้วว่าจะไม่บอกอ้ายหลินถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น

หยางเฉินมองไปที่หวยหลันและถามว่า “คนของสามสายตระกูลบูโดชั้นนำของประเทศซัน ล่าถอยออกไปจากเยี่ยนตูแล้วหรือยัง?”

หวยหลันและพยักหน้า “ล่าถอยออกไปหมดแล้ว ยังมีอุตสาหกรรมของพวกเขาในเยี่ยนตูก็กลายเป็นอุตสาหกรรมของกลุ่ม เยี่ยนเฉินกรุ๊ป พี่เฉิน ลั่วปิง ผู้จัดการใหญ่ของคุณเก่งมาก ครั้งนี้ผมเพิ่งจะเอ่ยขึ้นไปไม่กี่คำและแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย ลั่วปิงก็เก็บเกี่ยวอุตสาหกรรมในเยี่ยนตูของ สามสายตระกูลบูโดชั้นนำของประเทศซันจนหมดแล้ว

“ส่วนเรื่องการต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายระหว่างคุณกับทิคาโนะ ทาเคชิ เมื่อสามวันก่อน ผมได้จัดการให้ผู้คนไปเผยแพร่มันแล้ว ครีมยั้งอายุก็อาศัยข่าวนี้จนโด่งดังไปทั่วโลก ผมเชื่อว่าเยี่ยนเฉินกรุ๊ปจะได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกเร็ว ๆ นี้!”

หลังจากฟังคำพูดของหวยหลัน หยางเฉินเองก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้างเช่นกัน เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเป็นสิ่งต่างหน้าเพียงอย่างเดียวที่แม่ของเขาทิ้งเอาไว้ในโลกนี้ ในที่สุดเยี่ยนเฉินกรุ๊ปก็กำลังไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกแล้ว?

หลังจากพูดเรื่องอื่นๆ แล้ว หยางเฉินก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “อีกเดี๋ยวฉันและหม่าชาวจำต้องไปจากเยี่ยนตูสักหน่อย บอกทุกคนเอาไว้ก่อน!”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็ประหลาดใจ

อ้ายหลินรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที “พี่เฉิน พวกคุณจะไปไหน?”

หยางเฉินเอ่ย “พวกเราต้องไปทำภารกิจลับงานหนึ่ง ส่วนเนื้อหาของภารกิจนั้นไม่สะดวกที่จะพูด!”

นี่คือสิ่งที่พวกเขาคุยกันก่อนที่จะกลับมาถึง

หม่าชาวรีบพูด “หลินหลิน เธอไม่ต้องกังวล มีพี่เฉินอยู่ ฉันไม่เป็นไรแน่ เธอและเสี่ยวจิ้งอันรอฉันอยู่ที่บ้านดีๆ”