เซียวชูหรันในตอนนี้ ซาบซึ้งน้ำตาไหลอาบหน้า

ย้อนนึกถึงช่วงเวลาหลายปีที่แต่งงานกับเย่เฉิน เบื้องลึกในใจของเธอ ความรู้สึกเปลี่ยนไปเยอะมาก

ตอนนั้น คุณปู่อยากให้เธอแต่งงานกับเย่เฉินมาก แต่เธอไม่เข้าใจ ทั้งครอบครัวก็คัดค้านอย่างรุนแรง แต่คุณปู่ใช้คำขู่ของเขา ให้เธอตอบตกลง

แต่ว่า การคลุมถุงชนทำให้เธอเข้าใจผิดเกี่ยวกับการแต่งงานในตอนแรก

หลังจากที่แต่งงานกับเย่เฉิน เธอคิดว่าการแต่งงานในครั้งนี้คือการทำตามความต้องการของคุณปู่ เมื่อเป็นภรรยาของเย่เฉิน ทั้งสองคนก็ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เหมาะสมหรือไม่ก็ไม่สำคัญ ชอบหรือไม่ก็ไม่สำคัญ

ดังนั้น ในช่วงเวลายาวนานนี้ทั้งสองคนต่างเคารพซึ่งกันและกัน ในระหว่างนี้ แม้ว่าจะเป็นสามีภรรยากันในนาม แต่ความจริงแล้วทั้งสองเป็นแค่คนแปลกหน้าที่มาอาศัยร่วมชายคากัน

โดยเฉพาะช่วงที่เพิ่งแต่งงานกันแรกๆ เซียวชูหรันได้รับความกดดันจากทั่วทุกสารทิศ เพราะตัวของเย่เฉิน

ในตอนนั้น ทุกคนต่างเอาแต่พร่ำบอกข้างหูเธอว่า :เย่เฉินไร้ประโยชน์ เป็นแค่คนธรรมดา เหมือนขยะชิ้นหนึ่ง เธอไม่ควรรักกับเย่เฉิน ต้องรีบหย่ากับเย่เฉิน

แต่สำหรับเธอในตอนนั้น ในเมื่อเลือกแต่งงานกับเขาแล้ว ไม่ว่าจะมาจากความเต็มใจหรือไม่ก็ตาม เธอก็ไม่คิดที่จะเลือกหย่าร้าง

เพราะถึงยังไง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เย่เฉินก็ไม่เคยทำอะไรผิด

ต่อมา ชีวิตหลังแต่งงานกับเย่เฉิน เธอก็ค่อยๆมองเห็นความเปล่งประกายบนตัวของเย่เฉิน ค่อยๆปลูกฝังความรู้สึกดีๆขึ้นมา

แต่ว่า เธอกลับไม่เคยเข้าใจ ว่าความรู้สึกรักและชอบมันแบบไหนกันแน่

เพราะเซียวชูหรันไม่เคยมีความรัก จึงไม่ค่อยเข้าใจเรื่องอะไรแบบนี้ เธอและเขาอยู่มาถึงวันนี้ท่ามกลางคลุมเครือ

และตอนนี้ เมื่อได้รับคำสารภาพสุดลึกซึ้งจากเย่เฉิน หัวใจของเธอก็เต้นเร็วขึ้นมาทันที ความรู้สึกนี้ทำให้เธอหายใจถี่เร็ว ศีรษะมึนเบลอตาพร่าเลือน

แน่นอน ว่ามันทำให้เธอซึ้งจนน้ำตาไหลอาบหน้าด้วยเช่นกัน

หม่าหลันที่มองฉากนี้อยู่ข้างๆ รู้สึกมีความสุขจากก้นบึ้งหัวใจ

ตอนนี้เธอพูดจากใจจริงเลยว่า เย่เฉินคือลูกเขยที่สามารถพึ่งพาได้คนหนึ่ง

พวกลูกเศรษฐีที่มาชอบเซียวชูหรันคนก่อนๆ แม้ว่าจะเอาอกเอาใจเธอดีเหมือนกัน แต่คนที่ทำได้เท่าเย่เฉิน แทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ

เมื่อหวนนึกถึงอดีตที่ตัวเองเคยทำกับเย่เฉิน ดูถูกดูแคลนเขาสารพัด แต่กระนั้นเย่เฉินก็ยังเคารพแม่ยายอย่างเธอเหมือนเดิม ตั้งแต่ตอนนั้นเขาเรียกเธอว่าแม่มาตลอด เอาแค่จุดนี้ เย่เฉินก็ถือเป็นชายหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งที่พึงชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ

ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่เธอประสบปัญหา สุดท้ายก็จะมีเย่เฉินเข้ามาช่วยทวงความยุติธรรมให้ ไม่เพียงแค่ช่วยเธอเอาไว้แค่หนึ่งครั้ง การกระทำเหล่านี้ยังเป็นแบบอย่างการเอาชนะความโกรธด้วยการละเว้นโกรธ

ที่สำคัญก็คือ ตอนนี้เย่เฉินก้าวหน้าแล้ว

คฤหาสน์Tomson Rivieraที่ราคาร้อยกว่าล้าน รถสปอร์ตสองคัน ล้วนแล้วแต่เป็นน้ำพักน้ำแรงที่มาจากความพยายามของเย่เฉินทั้งนั้น ทุกครั้งที่ออกไปดูฮวงจุ้ยให้คนอื่น ก็มักจะซื้อของขวัญกลับมาให้เธอเยอะมาก

ลูกเขยอย่างนี้ พูดตามตรงเป็นอะไรที่หายากจริงๆ

อีกอย่าง เขาปฏิบัติตัวดีและใส่ใจลูกสาวของเธอมากจริงๆ ข้อนี้ยิ่งหาได้ยากจากคนทั่วไป

ดังนั้น เธอจึงเอ่ยพูดกับเซียวชูหรันอย่างเร่งรีบว่า “ชูหรัน เย่เฉินนั่งเครื่องบินกลับมาดึกดื่นขนาดนี้ ต้องเหนื่อยมากแน่ๆ พวกแกรีบกลับเข้าห้อง อาบน้ำอาบท่าด้วยกันแล้วพากันเข้านอนเถอะไป!”

“คะ?” เซียวชูหรันนิ่งอึ้ง ใบหน้าพลันแดงซ่าน เอ่ยพูดอย่างเงอะงะว่า “แม่….แม่พูดเพ้อเจ้ออะไรเยี่ย….อาบน้ำด้วยกันอะไรล่ะ..”

หม่าหลันกล่าวพูดอย่างจริงจังว่า “ผัวเมียอาบน้ำด้วยกันมันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ? คฤหาสน์เรามีอ่างอาบน้ำสุดหรู สองคนลงไปแช่ด้วยกันได้พอดี แกจะได้ถูหลังให้เย่เฉินไง ดีจะตาย….”

เซียวชูหรันเขินอายจนอยากจะเอาหน้ามุดดินหนี

แม้ว่าตอนนี้เธอจะอายุยี่สิบกว่าๆแล้ว แต่ในความเป็นจริง เธอก็แค่สาวน้อยที่ไม่เคยมีความรักจริงๆจังๆเลยสักที

จู่ๆหม่าหลันมาบอกให้เธออาบน้ำด้วยกันกับเย่เฉิน แถมยังบอกให้เธอถูหลังให้เย่เฉินอีก เธอจึงทำตัวไม่ถูกขึ้นมาชั่วขณะ ทั้งเขินทั้งอาย