ค้างคาวเงินมีขนาดเท่าฝ่ามือ ปีกเป็นสีเงินยวง กรงเล็บที่คมกริบดุจเคียวเกี่ยวห้อยกลับหัว ซ่อนตัวอยู่กลางอากาศที่มืดมนนองเลือด ไม่สะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง

ทันทีที่สายตาของหลินสวินกวาดมองมา ค้างคาวเงินอึ้งไป คล้ายรู้สึกผิดคาด จากนั้นเงาร่างก็ไหววูบ กลายเป็นเด็กหนุ่มชุดเงินที่หล่อเหลาคนหนึ่ง

“ข้าวิวัฒน์มาจากสายเลือดค้างคาวเงินดึกดำบรรพ์ เชี่ยวชาญมรรคแห่งศาสตร์ดนตรีแต่กำเนิด หลายปีที่ผ่านมาอาศัยมรรคนี้ทำให้คนตายในจิตมารของตนเอง อย่างน้อยไม่ต่ำกว่าร้อยคน แต่ผู้ที่ไม่กลัวมรรคนี้ เจ้าเป็น… คนที่สอง”

เด็กหนุ่มชุดเงินรูปงามเดินเข้ามา นัยน์ตาเขาแผ่แสงแดงประหลาด ท่าทางเกียจคร้านเหมือนกำลังเดินเล่น ดูผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก

แต่นัยน์ตาหลินสวินกลับเผยแววจริงจังอย่างยากจะได้เห็น

กลิ่นอายของจักรพรรดิผีค้างคาวเงินนี้ อย่างน้อยต้องมีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นสาม!

“คนแรกเป็นใคร” หลินสวินกล่าวถามเรื่อยเปื่อย

เด็กหนุ่มชุดเงินยืนอยู่ตรงจุดที่ห่างจากหลินสวินสามพันจั้งยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว “อยากรู้หรือ เอาชนะข้าให้ได้แล้วจะบอกเจ้า”

หลินสวินก็ยิ้มแล้ว “ไม่กลัวข้าสังหารเจ้าหรือ”

เด็กหนุ่มชุดเงินกล่าวคล้ายขบคิด “ด้วยพลังปราณของเจ้า สามารถบุกมาถึงชั้นเจ็ดได้ต้องไม่ใช่ผู้ที่คนทั่วไปเทียบได้แน่ ในมือน่าจะยึดกุมไพ่ตายบางอย่างที่สามารถสู้กับระดับจักรพรรดิได้”

“แต่ระหว่างเจ้ากับข้า พลังปราณห่างชั้นกันลิบลับ ต่อให้มีไพ่ตาย ถ้าอยากสังหารข้าก็เกรงว่าคงไม่มีหวังเท่าไหร่”

“ลองดูไหม” หลินสวินกล่าว

นัยน์ตาแดงก่ำของเด็กหนุ่มชุดเงินวูบไหว จ้องมองหลินสวินครู่หนึ่งพลางกล่าว “เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าทำไมในชั้นที่เจ็ดนี้ นอกจากข้าแล้วถึงไม่มีวิญญาณร้ายตนอื่นอีก”

“เอาชนะเจ้าได้ก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ” หลินสวินกล่าว

เด็กหนุ่มชุดเงินหลุดหัวเราะ “เอาอย่างนี้ ขอแค่เจ้ามอบทวนไร้สวรรค์ครึ่งนั้นในตัวมา ข้าจะให้เจ้าจากไปทันที ไม่ว่าเจ้าจะไปชั้นที่แปดหรือกลับไปชั้นที่หก ข้ารับรองว่าจะไม่ขวางเจ้า”

“พูดมากขนาดนี้ ก็แค่พิสูจน์ว่าในใจเจ้าไม่มีความมั่นใจว่าจะชนะ”

หลินสวินกล่าวเรียบๆ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ขอพูดตามตรง นำทวนไร้สวรรค์ครึ่งนั้นในมือเจ้าออกมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

เด็กหนุ่มชุดเงินอึ้งไปสักพักแล้วชี้จมูกตัวเอง “เจ้า… คงไม่คิดว่าข้าต่อรองง่ายมากจริงๆ กระมัง”

เขารู้สึกผิดคาดมาก ถึงขั้นคาดไม่ถึงว่ามกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง ต่อให้ครอบครองวิธีต่อสู้กับระดับจักรพรรดิได้ ก็ไม่อาจกำเริบเสิบสานเช่นนี้กระมัง

“ข้าแค่มองออกว่าเจ้าคิดว่าข้ารังแกได้ง่าย” หลินสวินถอนหายใจเบาๆ

เด็กหนุ่มชุดเงินสูดหายใจเข้าลึกแล้วพลิกฝ่ามือ ตัวทวนที่ไม่สมบูรณ์ท่อนหนึ่งปรากฏออกมา แผ่คลื่นสะเทือนเร้นลับออกไป

ทวนไร้สวรรค์อีกครึ่งที่อยู่ในมือหลินสวินร้อนระอุขึ้นมาทันที เกิดการตอบสนอง

เด็กหนุ่มชุดเงินเผยรอยยิ้มสดใสราวปีศาจพลางกวักมือเรียก “เด็กดี มานี่”

ตูม!

แรงดึงที่น่าสะพรึงไร้ขอบเขตราวกับวังน้ำวน จับจ้องทวนไร้สวรรค์ครึ่งท่อนในมือหลินสวินแล้วฉุดลากไปทันใด

แต่ที่น่าอักอ่วนคือทวนไร้สวรรค์ครึ่งนั้นแน่นิ่งไม่ขยับ

รอยยิ้มของเด็กหนุ่มชุดเงินค้างแข็ง นัยน์ตาหดรัดเล็กน้อย ในใจค่อนข้างไม่สงบอยู่บ้าง แรงดึงนี้อย่าว่าแต่มกุฎกึ่งจักรพรรดิ ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิ หากตั้งตัวไม่ทันก็ไม่อาจต้านทานได้อย่างสิ้นเชิง

แต่ครั้งนี้กลับไม่ได้ผล!

“ดูเหมือนว่าสมบัตินี้จะไม่เชื่อฟังเจ้านะ” หลินสวินยิ้มเจือแววเหน็บแนม

นัยน์ตาของเด็กหนุ่มชุดเงินฉายแววดุร้าย สูดหายใจเข้าลึก จับคว้าผ่านอากาศอีกครั้ง ครั้งนี้เขาใช้อานุภาพที่แท้จริงแล้ว

ตูม!

พลันเห็นห้วงอากาศนั้นบิดเบี้ยวทรุดตัวลง เสียงระเบิดดังเสียดหู แค่คิดก็รู้แล้วว่าแรงดึงนี้ชวนตะลึงระดับใด

แต่ภาพที่น่าอักอ่วนก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ทวนไร้สวรรค์ครึ่งท่อนในมือหลินสวินยังคงแน่นิ่งไม่ขยับ…

หลินสวินอดยิ้มระรื่นยิ่งกว่าเดิมไม่ได้ นิ่งเงียบไม่พูดจา แววตาเจือความยั่วโทสะ

แต่สายตานั้นได้แทงเข้ากลางใจเด็กหนุ่มชุดเงินเหมือนมีดเฉือนแล้ว กระตุ้นจนเขาหน้าดำไปหมด ในแววตาเผยไอสังหารดุดันอย่างไม่อาจระงับ

ในตอนนี้เองหลินสวินก็กวักมือเช่นกัน “มานี่”

ก้อนทองแดงดำขลับอยู่กลางฝ่ามือของเขา กลิ่นอายต้นกำเนิดของเตามารดาหลอมสมบัติพรั่งพรูออกมา

เด็กหนุ่มชุดเงินเพียงรู้สึกว่าข้อมือสั่นอย่างรุนแรงทันที ตัวทวนครึ่งท่อนที่ถือไว้ในมือเหมือนม้าป่าหลุดจากบังเหียน เกิดแรงดิ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ฟุ่บ!

เด็กหนุ่มชุดเงินไม่ทันสังเกต ทำให้ตัวทวนครึ่งท่อนนั้นลอยหลุดจากมือไป

“บัดซบ!”

เด็กหนุ่มชุดเงินโกรธจัดทันที แปลงเป็นสายฟ้าสีเงินพุ่งเข้าไป

“ทะยาน!” ขณะเดียวกันหลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง

ตูม!

กลางฟ้าดินนี้พลันปรากฏดอกบัวใหญ่สีเขียวนับหมื่นพัน โบกไหวอ่อนโยน เบียดเสียดคับฟ้าดินเหมือนจะปกคลุมจนสิ้น

ดอกบัวเขียวมรกตแวววาวดอกแล้วดอกเล่าซัดกระบวนค่ายกลลายมรรคที่ลึกลับซับซ้อนออกมา แสงประกายเวียนวน แสงเทพพวยพุ่ง ส่องสะท้อนปวงสวรรค์

ทันใดนั้นเด็กหนุ่มชุดเงินพลันหน้าถอดสี ยามเขาเพิ่งหมายจะหยุดเท้าหลีกหลบก็ไม่ทันแล้ว เหมือนลูกอ๊อดตัวหนึ่งหลงเข้าไปในส่วนลึกของกอบัว

พอมองไปโดยรอบอีกครั้ง ทั้งสี่ด้านเวิ้งว้างกว้างใหญ่ ใบบัวเสียดฟ้าเขียวมรกตไร้สิ้นสุด ในเกสรของบัวเขียวแต่ละดอกล้วนมีมายาเหมือนทวยเทพนั่งบัญชาอยู่ภายใน ริมฝีปากท่องสวดคัมภีร์มรรค เผยไอสังหารสยบหล้า

‘ฆ่า!’ ‘ฆ่า!’ ‘ฆ่า!’…

เสียงคำรามระลอกแล้วระลอกเล่าสะท้อนไปทั่ว ดังกระหึ่มกึกก้องดุจเสียงคำรามของทวยเทพที่บันดาลโทสะ เด็กหนุ่มชุดเงินหูอื้อ เบื้องหน้าพร่าเลือน ร่างกายล้วนแข็งเกร็งขึ้นมาทั้งตัว

เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่อันตรายอย่างยิ่ง!

‘เจ้าคนบัดซบนั่นดันวางกระบวนค่ายกลใหญ่ไว้ก่อนแล้ว!’ เด็กหนุ่มชุดเงินหน้าคล้ำเขียว ในดวงตาเจือเพลิงโทสะล้นฟ้า

ร่างกายเขามีเพลิงเทพสีเงินน่าพรั่นพรึงไหลวน เค้นวิชาลับออกมาเต็มที่ ซัดฝ่ามือออกไป

พลังฝ่ามือนั้นเผาดอกบัวยักษ์สีเขียวต้นหนึ่งที่อยู่ใกล้ให้เป็นจุณได้โดยง่าย แต่เพียงพริบตาก็มีอีกดอกผุดขึ้นมาจากจุดเดิม

เด็กหนุ่มชุดเงินสีหน้าไม่น่าดู กวาดสายตามองโดยรอบ เริ่มตีฝ่าวงล้อมเต็มกำลัง เขาไม่ได้วิ่งพล่าน หากแต่บุกโจมตีไปในทิศทางเดียว

ตูม!

เพลิงเทพสีเงินแผ่กระจายออกมาจากตัวเขา สร้างอานุภาพดั่งเผาฟ้าผลาญดิน ริมฝีปากเขาส่งเสียงก้อง คลื่นเสียงดังกระหึ่มกลายเป็นดาบคมนับหมื่นพันฟาดฟันไปข้างหน้า

ดาบคมแต่ละสายล้วนประทับกฎเกณฑ์ระดับจักรพรรดิ อานุภาพน่ากลัวจนไม่อาจจินตนาการ

เพียงชั่วขณะฟ้าดินที่ปกคลุมด้วยบัวเขียวนี้ก็ถูกเด็กหนุ่มชุดเงิน ‘ไถ’ ทางยาวเป็นเส้นตรง เรียกได้ว่าอานุภาพไม่อาจต้าน

แต่ไม่นานเด็กหนุ่มชุดเงินก็พบว่าไม่ชอบมาพากล

โลกที่เหมือนบัวเขียวนี้ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ต่อให้เขาพุ่งทะยานไปข้างหน้าก็ไม่อาจตีฝ่าออกไปได้อย่างสิ้นเชิง!

ส่วนพลังกายของเขาก็หายไปสองส่วนจากการพุ่งโจมตีตลอดทางนี้นานแล้ว

“สหายน้อย ทวนไร้สวรรค์ครึ่งนั้นล้วนตกอยู่ในมือเจ้าแล้ว เอาอย่างนี้ ข้ายอมจำนน ไม่เป็นศัตรูกับเจ้าอีก เจ้าหยุดมือแค่นี้ได้หรือไม่”

เด็กหนุ่มชุดเงินเอ่ยเสียงขรึม เสียงดังกระหึ่มไปทั่วทิศราวกับระลอกคลื่น

เขากำลังลองจับตำแหน่งของหลินสวิน ขอแค่หลินสวินกล้าเอ่ยปาก ก็จะถูกคลื่นเสียงของเขาจับจุดได้ทันที!

แต่หลินสวินไม่ได้เอ่ยปาก

สิ่งที่ตอบเขาคือเคราะห์สังหารร้ายกาจที่มาจากกระบวนค่ายกลใหญ่

ตูม!

พลันเห็นว่าในโลกที่เหมือนบัวเขียวนี้ มายาคล้ายทวยเทพนับไม่ถ้วนกระโดดออกมา เงาร่างสูงใหญ่ราวกับเทพดึกดำบรรพ์ออกศึก พุ่งสังหารเข้ามา

แสงเทพไร้ใดเปรียบ ดุดันราวกระบี่มรรค เผด็จการเหมือนดาบศึก ม้วนซัดพลิกตลบแน่นหนา

เด็กหนุ่มชุดเงินสีหน้าแปรเปลี่ยนครั้งใหญ่ทันที

“เปิดทาง!”

เขาใช้อานุภาพทั้งหมดโดยไม่ลังเล เรียกสมบัติออกมาห้ำหั่นสุดกำลัง สำแดงอานุภาพออกมาเหมือนสัตว์ร้ายติดกับ สะท้านฟ้าสะเทือนดิน

หลินสวินที่ยืนอยู่นอกกระบวนค่ายกลใหญ่จับตามองทุกอย่างนี้อย่างใกล้ชิด

เมื่อครู่หลังจากสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวประหลาดเสี้ยวนั้นของทวนมหามรรคไร้สวรรค์ ก็ทำให้เขาชี้ชัดได้ในพริบตา ว่าจักรพรรดิผีค้างคาวเงินต้องอยู่ในชั้นเจ็ดนี้แน่

สาเหตุที่เขาไม่เลือกออกโจมตีก่อน หากแต่วางกระบวนค่ายกลอยู่จุดเดิม เป็นเพราะรู้ดีว่าขณะที่ตนรับรู้ถึงการมีอยู่ของอีกฝ่าย จักรพรรดิผีค้างคาวเงินที่ยึดกุมทวนมหามรรคไร้สวรรค์อีกครึ่งไว้ ย่อมต้องสังเกตเห็นการมาถึงของตนแล้วเช่นกัน!

จากนั้นก็มีสถานการณ์ ‘เฝ้ารอสมบัติ’ ครั้งนี้ขึ้น

สิ่งที่กักขังจักรพรรดิผีค้างคาวเงินไว้ยามนี้ ก็คือกระบวนสังหารไร้ชีพที่จัดอยู่ในอันดับเก้าของทั่วหล้า

ไม่เหมือนที่เคยสำแดงครั้งก่อน ครั้งนี้หลินสวินใช้ธงกระบวนวางกระบวนค่ายกลไว้ล่วงหน้า ใช้ผลึกมรรควางไว้ตาค่ายกล ทำหน้าที่เป็นพลังแหล่งกำเนิดกระบวนค่ายกล อานุภาพจึงแข็งแกร่งกว่าครั้งก่อนเกินเท่าตัว!

ตูม!

กระบวนสังหารไร้ชีพโคจร สะเทือนเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน ไอสังหารไร้ใดเปรียบโหมปล่อย ทำให้นรกอำพรางชั้นเจ็ดนี้ตกอยู่ในความปั่นป่วน

อานุภาพของกระบวนค่ายกลนี้สามารถสังหารจักรพรรดิ นี่คือสิ่งที่เคยถูกจักรพรรดิกระบวนลู่ยืนยันพิสูจน์ตั้งแต่สมัยบรรพกาล

กระบวนสังหารไร้ชีพที่หลินสวินวางทั้งหมด แม้ว่ายังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แต่ก็มีฤทธิ์เดชและอานุภาพประมาณเจ็ดส่วนแล้ว การล้อมสังหารระดับจักรพรรดิทั่วไปย่อมไม่ใช่เรื่องยาก

แต่เห็นชัดว่าจักรพรรดิผีค้างคาวเงินไม่ใช่ผู้ที่ระดับจักรพรรดิทั่วไปสามารถเทียบเทียม แม้เขาจะติดอยู่ในกระบวนค่ายกล แต่ยังคงห้ำหั่นสุดกำลัง ดูแข็งแกร่งหาใดเปรียบ

นัยน์ตาดำของหลินสวินล้ำลึกและนิ่งสงบ ควบคุมกระบวนค่ายกลใหญ่พลางสังเกตการใช้ผลึกมรรคที่เป็น ‘แหล่งกำเนิดกระบวนค่ายกล’ พวกนั้นไปด้วย

เกือบจะทุกหนึ่งพริบตา การโคจรของกระบวนสังหารไร้ชีพจะใช้ผลึกมรรคไปแสนเม็ด!

จนบัดนี้เพิ่งผ่านไปไม่นาน ผลึกมรรคที่กองพะเนินอยู่ใกล้แหล่งกำเนิดกระบวนค่ายกลถูกใช้ไปแล้วสามสิบล้านเม็ด ทั้งยังถูกผลาญไปอย่างต่อเนื่อง…

เพียงภาพนี้ล้วนสามารถทำให้ผู้ฝึกปราณคนใดก็ตามรู้สึกเจ็บปวด ในใจมีเลือดหลั่งริน

แต่หลินสวินไม่ใส่ใจอย่างสิ้นเชิง

บนตัวเขายังมีผลึกมรรคอีกนับไม่ถ้วน!

สิ่งเดียวที่ทำให้เขาขมวดคิ้วคือ กระบวนสังหารไร้ชีพที่เขาวางไว้ อานุภาพแม้จะน่าอัศจรรย์หาใดเปรียบ แต่คิดจะสังหารบุคคลที่อย่างน้อยมีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นสามอย่างจักรพรรดิผีค้างคาวเงิน กลับพลังไม่เพียงพออยู่บ้าง…

ตูม!

หนึ่งถ้วยชาผ่านไป กระบวนสังหารไร้ชีพสะเทือนสนั่นหวั่นไหว เกิดรอยแยกมหึมารอยหนึ่ง ร่างของเด็กหนุ่มชุดเงินพุ่งออกมาจากข้างในดุจเพลิงผลาญ

ทว่าเขากลับผมเผ้าสยายยุ่ง บาดเจ็บไปทั้งตัว ชุดคลุมเงินฉีกขาดเหมือนเศษผ้า ผิวหนังที่เผยออกมาเต็มไปด้วยรอยเลือดชวนสยอง

นัยน์ตาของเขาแดงก่ำ กลิ่นอายอำมหิตเหี้ยมเกรียมไปทั้งตัว แหงนมองฟ้าแล้วร้องคำราม “เจ้าสวะตัวจ้อย ไสหัวออกมารับความตายซะ!”

เขาเดือดดาลแล้ว ก่อนหน้านี้ถูกกระบวนค่ายกลใหญ่กำราบ ฟาดฟันจนเขาบาดเจ็บซ้ำซ้อน สะบักสะบอมหาใดเปรียบ หากไม่ใช่ว่าเขาครอบครองสมบัติลับ สำแดงวิชาต้องห้ามสุดชีวิต ก็เกือบจะถูกขังอยู่ในนั้นแล้ว

ต่อให้เป็นเช่นนั้น ยามฝ่ากระบวนค่ายกลนี้ออกมาได้ เขาก็บาดเจ็บสาหัส แทบจะถูกถลกหนังไม่เหลือ!

“เดรัจฉานเฒ่า เอ็ดตะโรอะไร”

พลันเห็นว่าไกลออกไปร่างต้นและร่างแยกทั้งห้าของหลินสวินต่างถือศาสตราจักรพรรดินานา พุ่งโจมตีเข้ามาพร้อมกัน ความรุนแรงในอานุภาพ สะท้านฟ้าสะเทือนดิน

ทำไมกลายเป็นหกคนเล่า

เด็กหนุ่มชุดเงินตกตะลึง เกือบจะคิดว่าตนเองตาลายจนเกิดภาพหลอนเสียแล้ว