บทที่ 1914 ห้ามฆ่าฉัน

The king of War

หลังจกที่เนี่ยชิวสัมผัสถึงแรงกดันวิถีบู๊ที่แข็งแกร่งแล้ว สีหน้าก็ซีดเซียวอย่างถึงที่สุด ตอนแรกเขาคิดว่า ครั้งนี้ฝ่ายที่ตามล่าเขาคือกามิ กาโสะกับสำนักบู๊สองกองกำลังระดับสูงสุดของภูเขาวมาร แต่นึกไม่ถึงว่าตอนนี้จะมีสำนักมารที่ลึกเกินหยั่งถึงเพิ่มขึ้นมาอีก

แม้แต่ผู้นำแห่งสำนักมารลี่เฉินยังมาเอง นี่มันตั้งใจเอาเขาให้ถึงตายยจริงๆ!

ในตอนนี้ รังสีวิถีบู๊ในตัวหม่าชาวบ้างคลั่งอย่างถึงที่สุด ห่างจากแดนเหนือมนุษย์ขันเก้าชั้นสุดยอดไม่ไกลแล้ว แต่แดนวิถีบู๊ที่เพิ่มพูนในตัวเขา ได้หยุดลงแล้ว แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย เป็นพลังสูงสุดที่เขาสามารถดึงออกมาจากลูกแก้วดูดเลือดแล้ว

สติของหม่าชาวได้หายไปอย่างสมบูรณ์ สภาพของเขาดูสยดสยองมาก ลำพังแค่ร่างเนื้อของเขา ไม่สามารถทนรับพลังของแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายได้

ถึงจะมีลูกแก้วดูดเลือดปกป้องร่างกาย แต่พลังของแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายห่างไกลจากแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นสุดยอดของเขาไปมาก จากความแตกต่างที่มากมายของแดนวิถีบู๊ขนาดนี้ ร่างกายของเขาจะระเบิดออก

ไม่มีใครรู้ว่าหม่าชาวในตอนนี้ กำลังเผชิญกับความเจ็บปวดที่มากมายขนาดไหน

“โห่โห่…”

ส่วนลึกในคอของหม่าชาว ได้ส่งเสียงคำรามอันน่าสยดสยองออกมา สีหน้าบิดเบี้ยวจากความเจ็บปวด

ร่างเนื้อของเขาเริ่มเน่าเปื่อยแถมยังอ้วนขึ้นกว่าเมื่อก่อน เหมือนในเวลาสั้นๆ จากหุ่นที่จัดอยู่ในระดับกลางๆ กลายเป็นคนอ้วน

ลี่เฉินขมวดคิ้วทันที ตอนแรกเขาตั้งใจจะจัดการเนี่ยชิวก่อน แต่ตอนนี้สถานการณ์ของหม่าชาวค่อนข้างหนัก ร่างกายกำลังจะระเบิดเพราะทนรับพลังจากแดนวิถีบู๊ที่สูงกว่าของตัวเองได้

“ตุบ!”

เขาหมุนตัวอย่างกะทันหัน ยื่นมือขวาออกไป แบเป็นฝ่ามือ แล้วล็อกไปบนหัวของหม่าชาว ทันใดนั้น พลังผนึกที่แข็งแกร่งระเบิดออกจากฝ่ามือของลี่เฉิน ทะลุไปทั่วร่างหม่าชาว

รังสีที่กำลังคลั่งในตัวหม่าชาว พริบตาเดียวก็ถูกกดลงไป

รางเนื้อของหม่าชาว กำลังกลับเป็นขนาดปกติด้วยความเร็วที่สามารถมองตามได้ด้วยตา

รูม่านตาของเนี่ยชิวหดเล็กลง ลี่เฉินใช้พลังในการผนึกได้คล่องแคล่วถึงขนาดนี้ เขารู้ดีว่า ถ้าให้เขามาผนึกพลังในตัวหม่าชาวอย่างน้อยต้องใช้พลังกว่าครึ่ง ยังไงก็ต้องใช้เวลาสิบนาที

แต่ลี่เฉิน แทบจะในพริบตา ก็ผนึกพลังในตัวหม่าชาวได้แล้ว

จนถึงตอนนี้ เขาถึงได้รู้ว่า ถึงตัวเขาจะเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดในภูเขาวมาร แต่เมื่อเทียบกับลี่เฉินแล้ว เขายังอ่อนแออยู่มาก

เขายังได้รู้อีกว่า ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งที่เข้าใกล้แดนนภาพวกนั้น ก็ยังห่างกันอีกไกล

มันจึงเป็นเครื่องยืนยันว่า ถ้าคิดจะบรรลุถึงแดนนภา มันเป็นเรื่องที่ยากเย็นแค่ไหน

ตอนนี้ ลี่เฉินได้ผนึกพลังในตัวหม่าชาวเรียบร้อยแล้ว ส่วนหม่าชาวก็ตาเหลือกแล้วสลบไปเลย

ออร่าบนตัวลี่เฉินก็เหมือนจะอ่อนไปบ้าง แต่ลงไปเท่าไหร่ เนี่ยชิวเองก็ไม่รู้

จู่ๆ เนี่ยชิวก็มองไปที่ ลี่เฉินแล้วถามว่า “ประมุขลี่ ระหว่างคุณกับผมคงไม่มีความแค้นอะไรต่อกันใช่มั้ย?”

ลี่เฉินพูดกับเนี่ยชิวด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจ “เมื่อก่อนไม่มี แต่ว่าตอนนี้ มีแล้ว!”

เนี่ยชิวสีหน้าบึ้งตึง กัดฟันแล้วถามไปว่า “ทำไม?”

ลี่เฉินหันมองหม่าชาวที่หมดสติ แล้วมองไปที่เนี่ยชิว จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “เพราะว่าแกปล้นจี้บุตรแห่งปีศาจของสำนักมารแถมยังคิดจะฆ่าเขา แกว่า แบบนี้มันถือเป็นความแค้นมั้ยล่ะ?”

พอได้คำพูดของลี่เฉิน เนี่ยชิวก็ขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ระหว่างพวกคุณไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลยใช่มั้ย? แบบนี้มันไม่จงใจหาเรื่องกันหน่อยเหรอ? ถ้าประมุขลี่อยากลงมือกับผม ก็เข้ามาได้เลย ทำไมต้องหาเหตุผลลอยๆ มาอ้างด้วย?”

ลี่เฉินแสดงแววตาที่อาฆาตออกมา จิตสังหารอันรุนแรงแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา จ้องมองเนี่ยชิวอย่างไม่ชอบใจแล้วพูดไปว่า“แกคิดว่าฉันไม่กล้าฆ่าแกใช่มั้ย?”

เนี่ยชิวยิ้มเยาะ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ประมุขลี่ คุณไม่ต้องมาขู่ผมหรอก คุณอยู่กึ่งแดนนภา ผมเองก็เป็น! ถ้าคุณจะเล่นงานผมจริงๆ ผมก็พร้อมสู้ด้วยเต็มที่!”

“ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าประมุขลี่จะแน่สักแค่ไหน แข็งแกร่งพอที่จะฆ่าผมในทีเดียวได้มั้ย ถ้าไม่ ประมุขลี่ก็ต้องไตร่ตรองให้ดี ถ้าผมสู้ตาย ต่อให้ฆ่าคุณไม่ได้ ก็น่าจะทำให้คุณเจ็บหนักได้”

“ถ้าคุณเกิดบาดเจ็บสาหัส ผมคิดว่า ในภูเขาวมาร น่าจะมีหลายคนที่ดีใจมากๆ จริงมั้ย? แค่ไม่รู้ว่า ถึงตอนนั้นประมุขลี่จะต้านไหวรึเปล่า”

เนี่ยชิวไม่ได้พูดเวอร์เกินไป เดิมทีภูเขาวมารก็เป็นสถานที่ที่ผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่อยู่แล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกองกำลัง

ภูเขาวมารในตอนนี้ มีห้ากองกำลังใหญ่ แต่รองจากห้ากองกำลังใหญ่ ยังมีอีกหลายกองกำลังที่เกือบจะเทียบเท่าห้ากองกำลังนี้

ถึงทั้งห้ากองกำลังใหญ่จะไม่ถูกกัน แต่ก็แอบไม่ยอมให้มีกองกำลังไหนขึ้นมาเทียบเคียงเป็นกองกำลังที่หก
ถึงตอนนั้น สำนักมารก็จะตกอยู่ในอันตราย

พอได้ฟังที่เนี่ยชิวพูด แววตาที่อาฆาตของลี่เฉินก็เด่นชัดยิ่งกว่าเดิม หรี่ตามมองเนี่ยชิวแล้วพูดไปว่า “นี่แกกำลังขู่ฉันเหรอ?”

เนี่ยชิวไม่ได้แสดงสีหน้าที่หวาดกลัว แล้วพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “คุณจะคิดว่าเป็นการขู่ก็ได้! แต่ว่า คุณจะทำอะไรผมได้? ขอแค่คุณยอมส่งตัวหม่าชาวมา ผมก็จะไปทันที”

จู่ๆลี่เฉินก็ยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มนั้น ดูยังไงก็ทำให้รู้สึกขนลุก

แม้แต่เนี่ยชิวก็ยังรู้สึกแบบนั้น

“ดูท่า แกคงไม่รู้จักคำว่าตายจริงๆ สินะ เมื่อเป็นแบบนั้น ฉันจะทำให้แกได้เห็น ว่าพลังที่แท้จริงของผู้นำแห่งสำนักมารแข็งแกร่งแค่ไหน!”

สิ้นเสียงลี่เฉิน ดวงตาของเขาก็กลายเป็นสีดำ รอบตัวของเขา มีไอสีดำก่อตัวขึ้น สภาพของเขา เห็นแล้วดูน่ากลัวมาก

เนี่ยชิวเบิกตาโตทันที ร่างกายสั่นไหวอย่าควบคุมไม่ได้ บนใบหน้ามีแต่ความหวาดกลัว

เนี่ยชิวพูดเสียสั่นว่า “คะ คุณไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภา แต่บรรลุถึงแดนนภาแล้ว!”

จนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งรู้ว่า ลี่เฉินไม่ได้กังวลเรื่องกองกำลังระดับสูงอื่นๆ ของภูเขาวมาร เลยไม่กล้าลงมือกับเขา แต่เป็นเพราะบรรลุถึงแดนนภาแล้ว เลยไม่อยากลดตัวลงมือจัดการผู้แข็งแกร่งที่ต่ำกว่าแดนนภาต่างหาก

แต่ว่า สิ่งที่เขาไม่เข้าใจมากๆ คือ ในเมื่อลี่เฉินบรรลุถึงแดนนภาแล้ว ทำไมยังอยู่ที่โลกภายนอกอีก?

ผู้แข็งแกร่งของพันธมิตรพิทักษ์ไปไหน?

เนี่ยชิวพูดเสียงดังว่า “คะ คุณจะฆ่าผมไม่ได้นะตามกฎที่ พันธมิตรพิทักษ์ตั้งไว้ ผู้แข็งแกร่งแดนนภา ห้ามลงมือกับผู้แข็งแกร่งที่ต่ำกว่าแดนนภา ถ้าคุณฆ่าผม พันธมิตรพิทักษ์ไม่มีทางปล่อยคุณไว้แน่”