“พูดโกหก!”ครั้งนี้หม่าหลันยังไม่ทันได้เอ่ยปาก อู๋ตงไห่ก็ด่าเย่ฉางหมิ่นและตบหน้าเธออีกครั้ง:”คุณคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไง? เย่เฉินเคยแต่งงานแล้ว คุณไม่รู้เหรอ?”
“ฉันรู้เรื่องนี้…”เย่ฉางหมิ่นพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น:”เพราะฉันรู้เรื่องนี้ ดังนั้นฉันก็เลยใช้แผนการนี้ ทำให้เย่เฉินกับเซียวชูหรันหย่ากัน ทำอย่างนี้ลูกสาวของฉันถึงจะมีโอกาส!”
อู๋ตงไห่พูดอย่างเย็นชา:”คุณเป็นผู้หญิงที่ดูไม่ค่อยซื่อสัตย์เลย ฉันมองจากสายตาของคุณและรู้ว่าคุณไม่ได้พูดความจริงกับฉัน!”
เย่ฉางหมิ่นรู้สึกประหม่ามากๆ
อันที่จริงเธอไม่ได้มีจิตใจที่หนักแน่น เมื่อสักครู่ที่เธอหยิ่งยโส ไม่ใช่เพราะจิตใจของเธอหนักแน่น แต่เพราะอาศัยบารมีของตระกูลเย่ ทำให้เธออวดเก่ง ไม่กลัวใครเลย เพราะไม่มีใครกล้าคิดร้ายกับเธอ
อย่างไรก็ตาม ที่นี่ไม่ใช่เย่นจิง
เธอยังประเมินความเกลียดชังที่อู๋ตงไห่มีต่อเย่เฉินต่ำเกินไป
อู๋ตงไห่ในขณะนี้ แค่อยากสั่งสอนเย่เฉินก่อน จากนั้นค่อยหาโอกาสฆ่าเย่เฉิน
ดังนั้นอู๋ตงไห่ไม่พูดกับเย่ฉางหมิ่นด้วยเหตุผลอย่างแน่นอน
ถ้าหากเย่ฉางหมิ่นไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่าเธอไม่ใช่อาหญิงของเย่เฉิน ถ้างั้นอู๋ตงไห่จะฆ่าผิดคน ก็ยังดีกว่าปล่อยตัวไป!
ดังนั้นเย่ฉางหมิ่นพูดด้วยเสียงสะอื้นว่า:”คุณผู้ชาย ในเมื่อคุณเกลียดชังเย่เฉิน คุณก็ต้องรู้อย่างแน่นอนว่าเย่เฉินเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เด็กและเติบโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ฉันจะเป็นอาหญิงของเขาได้ยังไง? ถ้าฉันเป็นอาหญิงของเขาจริงๆ ฉันจะยอมปล่อยให้หลานตัวเองอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหลายๆปีได้ยังไง คุณคิดว่าฉันพูดถูกไหม?”
อู๋ตงไห่เปล่งเสียงเย็นชาออกมาและกัดฟันแล้วพูด:”อะไรก็มีความเป็นไปได้? ไอ้สารเลวอย่างน้องเขยของฉัน ตอนที่เขาเสียชีวิตยังทิ้งเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไว้เลย และเด็กผู้หญิงคนนั้นก็เป็นหลานสาวของภรรยาฉัน เด็กคนนั้นก็เรียกภรรยาฉันว่าอาหญิง ภรรยาของฉันอยากจะรับเธอมาเลี้ยง แต่ฉันปฏิเสธ ตอนนี้เด็กผู้หญิงคนนั้นก็อาศัยอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มันเหมือนกับสิ่งที่คุณพูดมาเมื่อสักครู่เลย?”
เย่ฉางหมิ่นอึ้งไปเลย และเธอก็ไม่รู้จะทำยังไง
ในเวลานี้ เซียวไห่หลงที่อยู่ข้างๆก็ค้นกระเป๋าของเย่ฉางหมิ่น และหยิบบัตรประจำตัวประชาชนของเธอออกมาจากกระเป๋าสตางค์ และยื่นให้อู๋ตงไห่ด้วยท่าทางประจบประแจง และพูดว่า:”ประธานอู๋ คุณดุสิ ผู้หญิงคนนี้ชื่อว่าเย่ฉางหมิ่น เป็นคนเย่นจิง!”
อู๋ตงไห่ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
คนที่ใช้นามสกุลเย่ถึงจะมีไม่มาก แต่ก็มีไม่น้อย ดังนั้นเขาไม่ได้คิดว่าเย่ฉางหมิ่นมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเย่แห่งเย่นจิง
ตรงกันข้าม เมื่อเขาพบว่าผู้หญิงคนนี้นามสกุลเย่ เขาก็สรุปได้ในทันที ผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นอาหญิงของเย่เฉินอย่างแน่นอน!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขากัดฟันแล้วจิกเส้นผมของเย่ฉางหมิ่น และตบหน้าเธอหลายครั้ง ตบจนเย่ฉางหมิ่นเลือดไหลเต็มปาก และเขาก็พูดอย่างเย็นชา:”คุณกล้ามากๆ ยังกล้ามาหลอกฉันอีก คุณคิดว่าฉันอู๋ตงไห่หลอกง่ายนักใช่ไหม?!”
เย่ฉางหมิ่นโดนตบจนหน้ามืดตามัว เธอแทบจะสติแตก เธอร้องไห้และพูด:”คุณอู๋ ฉันขอร้อง ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันไม่ได้มีความแค้นอะไรกับพวกคุณ ทำไมคุณต้องมาทำร้ายฉันด้วย…คุณมีความแค้นกับใคร ก็ไปล้างแค้นที่เขา ในเมื่อเย่เฉินมีความแค้นกับคุณ คูณก็ไปฆ่าเขาได้เลย อย่ามาทำร้ายผู้หญิงอย่างฉันเลย ฉันขอร้อง…”
ถ้าไม่ถึงที่สุด เย่ฉางหมิ่นไม่กล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง เพราะถ้าเขาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง อาจจะทำให้อู๋ตงไห่ตัดสินใจหนักแน่นที่จะฆ่าเธอปิดปาก
ดังนั้นเธอจึงต้องอดทนให้ถึงที่สุด!
ถ้าไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ เธอค่อยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง
ในเวลานี้ อู๋ตงไห่หัวเราะออกมา:”คุณพูดว่าฉันไม่ได้มีความแค้นกับคุณ?! ฉันจะบอกคุณ ไม่ว่าใครที่เป็นญาติหรือเพื่อนสนิทของเย่เฉิน ทุกคนจะเป็นศัตรูของฉันทั้งหมด! พวกคุณสองคน คนหนึ่งเป็นอาหญิงของเย่เฉิน ส่วนอีกคนเป็นแม่ยายของเย่เฉิน ไม่ว่ายังไงพวกคุณสองคนก็หนีไม่พ้นอยู่แล้ว!”
เมื่อพูดจบ เขาก็รีบตะโกนใส่บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆ:”อาเม่า! นำตัวอาหญิงของเย่เฉินออกไปก่อน แล้วยิงเธอให้ตายในนัดเดียว!”