เฉียนหยวนป้างุนงงแล้ว

เขาตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของคู่ต่อสู้แล้ว แต่เขาไม่อาจคาดคิดได้สักนิดว่ามีคนร้ายกาจเช่นนี้ปรากฏตัวในราชวงศ์ต้าเฉียนตั้งแต่เมื่อไร

น้องชายของซูชิงเฟิงหรือ แต่เหตุใดซูชิงเฟิงถึงอ่อนแอปานนั้น

“เจ้ามีพลังปราณระดับไหนกันแน่”

เฉียนหยวนป้ายันตัวขึ้นมา สีหน้าคล้ำเขียว

“กำลังภายในขั้นหก ขั้นโลหิตเดือดพล่าน”

หลินสวินเอ่ย ไม่จำเป็นต้องปิดบังสักนิด

ประโยคเดียวทำให้ทุกคนแตกตื่นโดยสมบูรณ์ กำลังภายในขั้นหกยังดุดันปานนี้หรือ

“โกหก!”

เฉียนหยวนป้าเดือดดาล ความรู้สึกอัปยศหาใดเทียบผุดขึ้นในใจ ระดับกำลังภายในขั้นหกแข็งแกร่งปานนี้ได้อย่างไร อีกฝ่ายจงใจลบหลู่เขาชัดๆ

“ต่อกรกับเจ้า ข้าไม่จำเป็นต้องโกหก”

ขณะที่พูดหลินสวินก็ก้าวมาข้างหน้า “ตอนนี้สมควรแก่เวลาให้เจ้าจ่ายค่าตอบแทนแล้ว”

ขวับ!

เขาว่องไวยิ่งยวด ก้าวเดียวก็สิบกว่าจั้งแล้ว

“บังอาจ!” ระหว่างอยู่กลางทาง ชายกลางคนชุดงามหรูผู้นั้นก็ถลามา โบกสะบัดทวนศึกเหล็กดำเล่มหนึ่งแทงไปที่หลินสวิน

หลินสวินกำมือเป็นหมัดซัดออกไปลวกๆ

เคร้ง!

ทวนศึกส่งเสียงหึ่งดังสนั่น ถูกซัดกระเด็นออกไปทันทีเหมือนถูกภูเขาถล่มสมุทรลคำราม ชายวัยกลางคนชุดงามหรูถูกซัดแขนขาดสะบั้น ทั้งตัวเซถอยหลังออกไป สีหน้าตกตะลึง

เขาเป็นผู้มีพลังระดับกำลังภายในขั้นเก้า ขั้นแปรลักษณ์วิญญาณ แต่กลับสู้กระบวนท่าเดียวไม่ได้!

ซูชิงหานผู้นี้แข็งแกร่งปานไหนกันแน่

ไม่ทันรอให้ชายวัยกลางคนชุดงามหรูได้ตอบโต้ เสียงร้องโหยหวนเสียงหนึ่งดังขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าหลินสวินเหยียบเฉียนหยวนป้าไว้กับพื้นด้วยเท้าเดียว เงาร่างเด่นสูงโปร่งที่ยืนอยู่ถูกห่อหุ้มด้วยแสงอุษา ดุจดั่งทวยเทพองค์หนึ่ง

ผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่อยู่บริเวณนั้นทั้งสั่นสะท้าน ทั้งสะใจ ผู้แข็งแกร่งที่ถูกเฉียนหยวนป้าทำลายในการคัดเลือกก่อนหน้านี้ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ!

คนผู้นี้คือองค์ชายเจ็ดแห่งต้าเฉียน นิสัยใจคอชั่วร้ายอวดดี ลงมืออย่างโหดเหี้ยม สร้างความโกรธเคืองให้คนหมู่มากมานานแล้ว เพียงแต่ไม่มีใครกล้าไปงัดข้อกับเขาเท่านั้น

ตอนนี้พอเห็นเขาถูกเหยียบลงพื้นเหมือนหมาตายตัวหนึ่ง ภาพนองเลือดเช่นนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกสะใจถึงที่สุด…

เฉียนหยวนป้ากำลังร้องโหยหวน ประหวั่นพรั่นพรึงโดยสมบูรณ์ “เจ้าจะทำอะไร ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า…! ทหาร เร็วเข้า รีบฆ่ามัน!”

องครักษ์วังหลวงที่ติดอาวุธพร้อมสรรพกลุ่มหนึ่งพุ่งมา ไอสังหารถั่งโถม คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่โลดแล่นอยู่ในสมรภูมิมานานปี ป่ายปีนออกมาจากกองคนตายทั้งนั้น

เพียงแค่ไอสังหารที่แผ่ออกมาก็ทำให้ผู้เข้าแข่งขันต่างใจสั่นระรัว

แต่หลินสวินกลับเหมือนไม่รู้สึกอะไร เขาพูดอย่างไม่สนใจใครว่า “ฆ่าคนชดใช้ด้วยชีวิต ติดหนี้ต้องคืนเงิน บอกเจ้าให้ก็ได้ว่าในสายตาข้าชีวิตช่างไร้ค่ายิ่ง แต่คราวนี้ข้าจะแค่ทำลายพลังปราณของเจ้า”

ปึง!

หลินสวินออกแรงที่ปลายเท้า ซัดเส้นปราณทั้งร่างของเฉียนหยวนป้าให้แหลกกระจุย ฝ่ายหลังส่งเสียงโหยหวนน่าหดหู่ ตาเหลือกหมดสติไปทันที

ทุกคนต่างอึ้งไปหมดแล้ว ณ สถานที่สำคัญอย่างเมืองหลวงนี้ ภายใต้สายตาฝูงชนที่จับจ้อง เด็กหนุ่มคนนี้กลับทำลายพลังปราณขององค์ชายเจ็ดตรงๆ!

เรื่องนี้สามารถชักนำความสะท้านสะเทือนให้ต้าเฉียนได้!

“เร็วเข้า รีบฆ่ามัน” ชายวัยกลางคนชุดงามหรูคำราม ตาแดงก่ำด้วยความโกรธ

องค์ชายเจ็ดถูกทำร้าย ถ้าฝ่าบาทรู้เข้า ผู้ดูแลการทดสอบหลักอย่างเขาก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนักหน่วงเช่นกัน

ทหารเมืองหลวงที่รวมตัวกันเริ่มเคลื่อนไหว อาวุธคมประกายเยียบเย็นต่างชี้ไปที่หลินสวิน

หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย แววตากระจ่างดุจทะเลสาบ ราบเรียบไม่หวั่นไหว

ก่อนเข้าสู่วัฏจักร เขาต่อสู้ตั้งแต่จักรวรรดิจื่อเย่าถึงบนฟ้าดารา สังหารจนทั่วหล้าต่างสั่นสะท้าน เลือกเอาเหตุการณ์ที่เคยผ่านมาสักเรื่องยังอันตรายกว่าสถานการณ์ตรงหน้าเป็นพันเป็นหมื่นเท่า จะไปสนใจได้อย่างไรเล่า

“ข้ามาคราวนี้ไม่ได้มาฆ่าคน แน่นอนว่าถ้าพวกเจ้าอยากตายนักข้าก็จะไม่เกรงใจ”

หลินสวินเอ่ยปาก ท่าทางเยือกเย็นดุจหิมะ สุขุมนิ่งเฉย ก็เหมือนการข่มให้กลัวอย่างหนึ่ง ทำให้คนที่เพียงแค่สบสายตากับเขาล้วนหนาวเยือกใจสะท้าน

“เข้าไปสิ!” ชายวัยกลางคนชุดงามหรูคำราม

ทหารเมืองหลวงเหล่านั้นต่างไม่ลังเลอีก บุกโจมตีไปข้างหน้า ไอสังหารน่าสะพรึงผุดขึ้นชนิดมืดฟ้ามัวดิน

“หรือวันนี้ต้องการบีบให้ข้าเอาเลือดล้างที่นี่จริงๆ…” หลินสวินนิ่วหน้าน้อยๆ

ก็ในตอนนี้เองเสียงเสนาะหูดุจเสียงสวรรค์เสียงหนึ่งดังขึ้นไกลๆ “ช้าก่อน! ใครให้พวกเจ้าลงมือในเมืองหลวง”

เสียงยังไม่เงียบลง เด็กสาวงามล้ำแต่งกายชุดราชสำนักสีม่วงอ่อน ผมดำขลับเกล้ามวยคนหนึ่งก็ขี่กวางขาวสูงใหญ่ทรงพลังตัวหนึ่งมาถึง

คนผู้นี้เป็นเด็กสาวอายุสิบห้าสิบหกผู้หนึ่ง ดวงตาคล้ายน้ำพุกระจ่างใส ผิวพรรณอิ่มเอิบ คอยาวระหงขาวปลอด รูปลักษณ์พริ้มพรายสง่างาม

“องค์หญิงสามไม่รู้อะไร…”

ชายวัยกลางคนชุดงามหรูกำลังจะอธิบาย ก็ถูกเด็กสาวงามล้ำผู้นั้นนิ่วหน้าตัดบท “เรื่องเมื่อครู่ข้าเห็นทั้งหมด ไม่ต้องอธิบายแล้ว”

เสียงกังวานรื่นหู แต่กลับมีความน่าเกรงขามหาใดเทียบอยู่

“ยังมีพวกเจ้า รีบถอยออกไปให้หมด!” นางชี้ไปที่ทหารเมืองหลวงเหล่านั้น

เหล่าทหารเหมือนได้รับการนิรโทษ พากันถอยออกไป ก่อนหน้านี้พวกเขามีกำลังคนมากอานุภาพจึงยิ่งยง แต่ยามเผชิญหน้ากับหลินสวินคนเดียว ในใจกลับยังคงหนาวสะท้านอยู่บ้าง

นี่เป็นการตอบสนองตามสัญชาตญาณเมื่อถูกคุกคามอย่างหนึ่ง!

“องค์หญิงสาม พลังปราณขององค์ชายเจ็ดถูกคนผู้นี้ทำลายแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” ชายวัยกลางคนชุดงามหรูสีหน้าคล้ำเขียว ไม่เข้าใจการกระทำของเด็กสาวงามล้ำนั้นนัก

“รนหาที่เอง สมน้ำหน้าที่ถูกทำลายปราณ”

องค์หญิงสามนิ่วหน้า น้ำเสียงเย็นยะเยือก คำพูดเดียวทำเอาชายวัยกลางคนชุดงามหรูเงียบกริบหมดคำพูด

“คุณชาย เรื่องก่อนหน้านี้เลิกแล้วต่อกันเพียงเท่านี้เป็นอย่างไร” องค์หญิงสามมองไปยังหลินสวิน

หลินสวินนิ่งคิดแล้วจึงพยักหน้าตกลง

เขามาคราวนี้ เป้าหมายสำคัญก็คือกู้หน้าให้ซูชิงเฟิง นอกจากนี้ก็ต้องการเข้าร่วมงานประลองยอดยุทธ์ ถ้าไม่ทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตได้เขาก็ยินดี

ใบหน้าเรียวเล็กงามสง่าขององค์หญิงสามปรากฏแววชื่นชม เอ่ยเสียงกังวานว่า “คุณชาย เจ้าต้องการเข้าร่วมงานประลองยอดยุทธ์หรือไม่”

หลินสวินย่อมไม่ปฏิเสธ

“เช่นนั้นก็ไปกับข้าเถอะ” องค์หญิงสามโบกมือ เผยรอยยิ้มออกมา ความงดงามของเด็กสาวผู้นั้น ทำให้ผู้แข่งขันที่อยู่ในที่นั้นเหล่านั้นมองดูอย่างอึ้งงัน

ในราชวงศ์ต้าเฉียนปัจจุบัน ผู้คนบนโลกอาจไม่รู้ว่าจักรพรรดิต้าเฉียนเป็นใคร แต่ย่อมไม่มีทางไม่เคยได้ยินชื่อขององค์หญิงสามเฉียนอวี้หลิว

นางเฉลียวฉลาดแต่กำเนิด พรสวรรค์โดดเด่น วิถียุทธ์พัฒนาอย่างรวดเร็วเหลือเชื่อ ตอนนี้อายุยังไม่ถึงสิบหกปีก็เป็นอันดับหนึ่งของสิบยอดอัจฉริยะต้าเฉียนแล้ว!

ทั้งยังถูกยกให้เป็นอันดับหนึ่งในระดับกำลังภายในรุ่นเยาว์!

คนรุ่นอาวุโสบางคนยังทำได้เพียงก้มหน้าอย่างละอายต่อหน้านาง

ส่วนในวังหลวงต้าเฉียน นอกจากจักรพรรดิองค์ปัจจุบันแล้ว คำพูดของเฉียนอวี้หลิวถือว่ามีน้ำหนักที่สุด เทียบกับนางแล้ว องค์ชายเจ็ดก็ไม่ได้สำคัญอะไร

ที่ทำให้ผู้คนในโลกพูดกันอย่างออกรสก็คือ เฉียนอวี้หลิวยังงดงามถึงที่สุด อายุยังน้อยก็มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์สง่างามไร้เทียมทานแล้ว

แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าผู้กล้าหญิงอย่างเฉียนอวี้หลิวจะมาปรากฏตัวที่นี่ และยิ่งคิดไม่ถึงว่านางจะไม่ออกหน้าให้องค์ชายเจ็ด แต่กลับเชิญคนร้ายไปเป็นแขก!

“ไม่ใช่ว่ายังต้องเข้าร่วมการทดสอบหรือ” หลินสวินถาม

“คนโดดเด่นอย่างเจ้า จำเป็นต้องทำตามกฎอีกหรือ” แววตาเฉียนอวี้หลิวเจือแววประหลาด

หลินสวินคิดๆ ดูแล้วก็ไม่ปฏิเสธอีก

ผู้แข่งขันเหล่านั้นเห็นดังนี้ ความริษยาก็ผุดขึ้นในใจอย่างไม่อาจข่มได้ แต่ก็ไม่อาจไม่ยอมรับ ว่าถ้าให้หลินสวินมาเข้าร่วมก็ไม่มีใครขวางเขาได้อยู่ดี

……

ณ ตำหนักหนึ่งท่ามกลางตำหนักมากมายในส่วนลึกของวังหลวง

เฉียนอวี้หลิวเชิญหลินสวินเข้ามานั่ง จากนั้นก็เอ่ยถามทันทีว่า “คุณชายซู เจ้าบรรลุมกุฎมรรคาแล้วหรือ”

เนตรดาราของนางทั้งโตและเปล่งประกาย เจือความสงสัยอย่างไม่ปิดปัง

หลินสวินพยักหน้า

เฉียนอวี้หลิวเผยสีหน้าราวคาดไว้แล้ว “ทันทีที่เข้าสู่ขอบเขตมกุฎ ก็จะเป็นบุคคลดั่งมังกรเทพบนสวรรค์ ตามที่ข้ารู้มา ในหมู่คนรุ่นเยาว์ทั้งราชวงศ์ต้าเฉียน รวมข้าแล้วมีคนที่บรรลุขอบเขตมกุฎเพียงสามคน และสหายยุทธ์ เจ้าเป็นคนที่สี่”

“รุ่นเยาว์มีแค่สี่คนหรือ” หลินสวินอึ้งไป

นี่เป็นโลกกำลังภายใน ระดับกำลังภายในก็คือระดับสูงสุด ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนหมกมุ่นกับการฝึกปราณระดับนี้ เกรงว่าคงเข้าใจนัยเร้นลับทั้งหมดในระดับนี้ไปนานแล้ว

แต่คนที่บรรลุขอบเขตมกุฎ กลับน้อยปานนี้เชียวหรือ

“นี่ก็ดีมากแล้ว ในอดีตหลายพันปีของต้าเฉียน ทุกๆ ช่วงหนึ่งถึงจะมีผู้แข็งแกร่งที่บรรลุขอบเขตมกุฎสักคนสองคน”

เฉียนอวี้หลิวเผยสีหน้าทอดถอนใจ

หลินสวินคิดๆ แล้วเอ่ยว่า “ภายหน้าจะต้องมีบุคคลขอบเขตมกุฎมากขึ้นแน่”

เฉียนอวี้หลิวอึ้งไป ไม่เข้าใจอยู่บ้าง

หลินสวินไม่ได้อธิบาย อย่างไรเขาก็พูดไม่ได้ว่า ‘ผู้เข้าวัฏจักร’ ที่มายังโลกกำลังภายในแห่งนี้พร้อมกับเขามีมากมายนับไม่ถ้วน แต่ละคนล้วนเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎ หลังจากพวกเขา ‘ตื่นรู้’ จะต้องเหยียบย่างบนหนทางฝึกปราณ เดินบนเส้นทางแห่งมกุฎอีกครั้งแน่

เช่นนี้แล้ว ในโลกกำลังภายในแห่งนี้ย่อมเท่ากับมีบุคคลขอบเขตมกุฎกลุ่มใหญ่ปรากฏตัวขึ้น!

เฉียนอวี้หลิวถามอย่างอดไม่ได้ “คุณชายซู เจ้าจะถืออะไรไหมถ้าข้าจะแลกเปลี่ยนวิชากับเจ้าสักรอบ”

หลินสวินถึงได้รู้ว่าเป้าหมายที่อีกฝ่ายเรียกตัวเองมา เกรงว่าจะเป็นเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้

เขาลุกขึ้นเอ่ยว่า “ได้สิ”

ดวงตางดงามคู่นั้นของเฉียนอวี้หลิวพลันเปล่งประกายขึ้นมา

ผ่านไปครู่หนึ่ง

เฉียนอวี้หลิวหอบกระชั้น เหงื่อไหลไคลย้อย เงาร่างนิ่มนวลสง่างามของนางนอนเอื่อยลงไปกับพื้น ผมงามสีดำขลับทั้งหัวสยายออก ใบหน้าเรียวงดงามเหนือธรรมดาเปี่ยมด้วยความพึงพอใจ

มองดูหลินสวินที่สุขุมเยือกเย็น ไม่มีวี่แววเหนื่อยหอบ ดวงตาของนางก็ปรากฏความประหลาดใจอย่างอดไม่ได้

เจ้าหมอนี่แข็งแกร่งยิ่ง!

พลังปราณระดับกำลังภายในขั้นหกเท่านั้น แต่ในระหว่างที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน กลับกำราบตนที่มีระดับกำลังภายในขั้นเก้าได้อย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่เริ่มจนจบไม่มีแรงโต้กลับสักนิด!

นี่ทำให้เฉียนอวี้หลิวสงสัยขึ้นมาบ้างอย่างอดไม่ได้ เป็นมกุฎมรรคาเหมือนกัน ไยห่างชั้นกันเช่นนี้

“องค์หญิง ผลไม้วิญญาณในวันนี้ ว้าย…”

หญิงรับใช้คนหนึ่งยกผลไม้วิญญาณถาดหนึ่งเดินเข้ามา พอเห็นเฉียนอวี้หลิวที่หน้างามซับสีเลือด เหงื่อซึมทั้งหัว นอนเอื่อยล้มอยู่กับพื้น รวมถึงหลินสวินที่อยู่อีกด้าน ก็พลันร้องเสียงหลงออกมา

ภาพนี้… ทำไมดูเต็มไปด้วยความคลุมเครือ… หรือองค์หญิงสามนาง…

ภาพอันไม่อาจบรรยายได้มากมายปรากฏขึ้นในสมองหญิงรับใช้ ใบหน้าก็เริ่มร้อนผ่าวไปด้วย ในใจลอบเอ่ย ไม่ใช่ว่าองค์หญิงสามลุ่มหลงในวิถียุทธ์ ไม่เข้าใกล้เรื่องผู้ชายหรือ แต่ทำไมดูแล้วบนใบหน้ามีแต่อารมณ์ที่ยังค้างอยู่หลังจากร่วมรัก…

“ออกไป!”

เห็นสีหน้าท่าทางเช่นนี้ของหญิงรับใช้ เฉียนอวี้หลิวถึงรู้ว่าถูกเข้าใจผิดแล้ว ถลึงตาตะคอกใส่

หญิงรับใช้เม้มปากยิ้ม ทิ้งแววตาคลุมเครือว่า ‘ข้าเข้าใจ’ แล้วหันหลังจากไป

“คุณชายซู เจ้าอย่าคิดมาก” เฉียนอวี้หลิวอึดอัดอยู่บ้าง ลุกขึ้นอย่างเขินอาย ใบหน้าเรียวงามมีชีวิตชีวายังแดงจางๆ

นั่นเป็นท่าทางพริ้มเพราและเขินอายที่มีแต่ในเด็กสาว

หลินสวินยิ้มให้ เอ่ยว่า “ถ้าไม่มีเรื่องอื่น ข้าคนแซ่ซูขอตัวลาก่อน”

——