บทที่ 1922 ตกอยู่ในความเสียเปรียบ

The king of War

ตอนนี้ รังสีวิถีบู๊อันน่าสะพรึงกลัวได้เอ่อล้นออกมาจากตัวหยางเฉิน จนปกคลุมไปทั่วลานประลอง

เนี่ยชิวสีหน้าเคร่งขรึมอย่างถึงที่สุด เขาได้ทิ้งความรู้สึกที่ดูถูกหยางเฉินไปแล้ว หยางเฉินในสภาพนี้ มีคุณสมบัติพอที่เขาจะมองว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียมได้

ลี่เฉินหรี่ตามองหยางเฉิน กับความแข็งแกร่งที่หยางเฉินแสดงออกมา เหมือนเขาจะไม่ได้รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย

หม่าชาวที่อยู่ข้างเขา สองมือกำแน่น สีหน้ามีแต่ความกังวล

“เข้ามา!”

เนี่ยชิวตะโกนออกมา แล้วระเบิดพลังของ กึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งออกมา

รังสีวิถีบู๊อันเกรี้ยวกราดแผ่ซ่านไปทุกทิศทุกทาง ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดหลายคนรีบก้าวมาข้างหน้าพร้อมปลดปล่อยรังสีวิถีบู๊ในตัวออกมา จึงสามารถปกป้องผู้แข็งแกร่งที่ต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดเอาไว้ได้

ถ้าไม่ใช่เพราะผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดของสำนักมารพวกนี้ออกโรง ลำพังรังสีวิถีบู๊ที่เนี่ยชิวปลดปล่อยออกมาก็สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งของสำนักมารที่ค่อนข้างอ่อนแอบาดเจ็บได้แล้ว

“ปั้ง!”

หยางเฉินขยับแล้ว พื้นดินที่อยู่ใต้เท้าแตกออก วินาทีต่อมาร่างกายของเขาก็ไปปรากฏอยู่ตรงหน้าเนี่ยชิว มีดโลหิตในมือวาดเป็นเส้นโค้งอันสวยงามอยู่กลางอากาศ โจมตีไปที่เนี่ยชิว

เนี่ยชิวสังเกตเห็นทิศทางของมีดโลหิตในมือหยางเฉินแต่แรกแล้ว พริบตาที่มีดโลหิตจะมาถึงที่หน้าอก เขาก็ซัดกำปั้นส่วนไปอย่างฉับพลัน

“ตุบ!”

หมัดของเนี่ยชิวชกใส่หน้าอกของหยางเฉินอย่างแรง

“ฟุบ!”

แทบจะในเวลาเดียวกัน หยางเฉินได้กระอักเลือดออกมา แต่สิ่งน่าตกใจคือ เลือดที่เขาพ่นออกมา ได้กลายเป็นกระบี่เลือดสองเล่มพุ่งตรงไปที่ตาคู่นั้นของเนี่ยชิว

ในชั่วเวลาน่าสิ่วน่าขวาน เนี่ยชิวก็กระทืบเท้า แล้วบังคับให้ตัวเองเปลี่ยนตำแหน่ง

แต่พริบตาที่หลบออก กระบี่เลือดได้พุ่งผ่านแก้มเขาไป จนทิ้งรอยเลือดอันน่าตกใจไว้ที่ใบหน้าของเนี่ยชิว

ภาพนี้ ทำให้ทุกคนตรงนั้นถึงกับตะลึง

เหล่าผู้แข็งแกร่งของสำนักมารไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นแค่ตอนที่หยางเฉินใช้มีดโลหิตเข้าไปโจมตีใส่เนี่ยชิว กลับถูกเนี่ยชิวโจมตีใส่หน้าอก ในเวลาเดียวกัน หยางเฉินก็พ่นกระบี่เลือดออกมา เนี่ยชิวหลบออกอย่างฉับพลัน เดิมทีกระบี่ที่จะแทงใส่ตาเขาได้เฉือนผ่านแก้มเขา จนเกิดเป็นแผลอย่างที่เห็น

มีแค่เหล่าผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์พวกนั้น ที่รู้ว่าพริบตาเมื่อกี้ ได้เกิดเรื่องที่น่าเหลือเชื่อขึ้นมาขนาดไหน

แม้แต่ลี่เฉินก็ยังหรี่ตาแล้วรู้สึกตกใจไม่ต่างกัน

“พลังแห่งธาตุน้ำ!”

ทันใดนั้น ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ข้นเก้าชั้นสุดยอดคนหนึ่งของสำนักมารพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าที่ตกใจ

พอมีคำอธิบายจากเขา พวกนักสู้ของสำนักมารที่ไม่รู้ความจริงถึงได้เข้าใจ

คนรุ่นหลังคนหนึ่งของสำนักมารหันไปถามผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดที่พูดเมื่อกี้ว่า “ผู้อาวุโสฉีคุณบอกว่า หยางเฉินเข้าใจถึงพลังแห่งธาตุน้ำแล้วอย่างนั้นเหรอครับ? และที่เขาพ่นกระบี่เลือดออกมาเมื่อกี้ เขาได้ใช้พลังธาตุแห่งน้ำทำให้เลือดก่อตัวเป็นกระบี่เลือดแล้วโจมตีใส่เนี่ยชิวใช่มั้ยครับ?”

ผู้อาวุโสฉีพยักหน้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “พรสวรรค์ของหมอนี่ เก่งกาจซะยิ่งกว่าเก่งกาจซะอีกจากการใช้พลังแห่งธาตุน้ำที่คล่องแคล่วของเขา ก็สามารถยืนยันได้ว่าเขาได้เข้าใจถึงพลังแห่งธาตุน้ำนานแล้ว”

“ความคล่องแคล่วในการใช้พลังแห่งธาตุน้ำของเขา เกินกว่าผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดบางส่วนที่หยั่งลึกและใช้พลังแห่งธาตุน้ำเป็นเวลาหลายปีไปมากแล้ว”

“ในตอนนี้ เขาอยู่แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางก็เข้าใจถึงพลังแห่งธาตุน้ำแล้ว ไม่เท่ากับว่า ตอนที่เขาเข้าใจถึงพลังแห่งน้ำ เขายังบรรลุไม่ถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางเลยไม่ใช่เหรอ?”

พอได้ฟังที่ผู้อาวุโสฉีวิเคราะห์ ทุกคนก็ถึงกับตกใจ

มีคนพูดด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุดว่า “ปกติแล้ว มีเพียงผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดเท่านั้นที่สามารถเข้าใจถึงพลังแห่งธาตุ นึกไม่ถึงว่าในตอนที่หยางเฉินยังบรรลุไม่ถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดจะสามารถเข้าใจถึงพละแห่งธาตุน้ำได้แล้ว นี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ!”

“ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีของอาถรรพ์อีก ที่ปกติแล้วมีเพียงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดถึงสามารถใช้ได้ ดูจากหยางเฉินที่ควบคุมมีดอาถรรพ์ได้อย่างคล่องแคล่ว เขาคงหลอมรวมกับมีดนั้นไปนานแล้ว”

“ต้องหลอมรวมแล้วแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเขาที่เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางจะใช้นานขนาดนี้ได้ยังไง? ประเด็นคือ เขายังไม่ได้รับการสะท้อนจากของอาถรรพ์เลย”

……

เหล่าผู้แข็งแกร่งของสำนักมารพากันวิจารณ์ สีหน้าทุกคนมีแต่ความตกใจ

ท่ามกลางสีหน้าที่ตกใจของนักสู้รุ่นเยาว์พวกนั้น ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกที่นับถือในตัวหยางเฉินที่รุ่นราวคราวกับพวกเขา แต่ความห่างชั้นในวิถีบู๊ของพวกเขา ต่างกันราวฟ้ากับเหว

ไม่ใช่แค่พวกเขา แม้แต่รุ่นพ่อของพวกเขา ก็ไม่น่าใช่คู่ต่อสู้ของหยางเฉิน หรือต่อให้รุ่นปู่ของพวกเขา ก็มีไม่กี่คนที่จะสู้หยางเฉินได้

จากฝีมือที่หยางเฉินแสดงออกมาตอนนี้ น่าจะมีแค่พวกระดับสูงของสำนักมารเท่านั้นที่พอจะเอาชนะหยางเฉินได้

หม่าชาวที่อยู่ข้างๆ พอเห็นหยางเฉินถูกเนี่ยชิวโจมตีจนกระอักเลือด สีหน้าก็มีแต่ความเป็นห่วง

ลี่เฉินพูดไปยิ้มไปว่า “ไม่ต้องห่วง เมื่อกี้หยางเฉินจงใจให้เนี่ยชิวโจมตีใส่”

หม่าชาวทำหน้าไม่เข้าใจ “ทำไมครับ?”

ลี่เฉินพูดด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนว่า “เขารู้ถึงความห่างชั้นในวิถีบู๊ของตัวเองกับเนี่ยชิวว่ามันมากมายขนาดไหนถึงเขาจะปลุกสายเลือดคลั่งขึ้นมา แถมถึงขั้นใช้ของอาถรรพ์ แต่แดนวิถีบู๊ของเขาก็ยังต่ำจนมากเกิน ถ้าอยากเอาชนะเนี่ยชิว มีแต่ต้องเล่นงานทีเผลอ”

“ตอนที่เขาใช้มีดอาถรรพ์โจมตีเนี่ยชิวอย่างบ้าคลั่ง ก็มุ่งเป้าไปที่การสังหารเนี่ยชิว ถ้าเนี่ยชิวอยากมีชีวิตรอด ก็จำเป็นต้องเล่นงานหยางเฉินให้หนัก”

“แต่ตอนที่เนี่ยชิวเล่นงานหยางเฉินจนเจ็บหนัก เขาก็ตกไปอยู่ในแผนของหยางเฉินแล้ว เมื่อไหร่ที่หยางเฉินเจ็บหนักจนกระอักเลือด หยางเฉินก็จะใช้พลังแห่งธาตุน้ำสร้างกระบี่เลือดขึ้นมา แล้วโจมตีไปที่ตาของเนี่ยชิว”

“แต่ที่น่าเสียดายคือ เขาก็ยังประเมินผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นต่ำไป แน่นอนว่า มันก็บังเอิญที่เนี่ยชิวไม่ได้ประมาทคู่ต่อสู้ไม่อย่างนั้น เมื่อถ้าเขาไม่โดนมีดอาถรรพ์ของหยางเฉินเล่นงาน ก็คงถูกกระบี่เลือดที่หยางเฉินพ่นออกมาแทงตาไปแล้ว” พอได้ฟังคำอธิบายของลี่เฉินแล้ว หม่าชาวถึงได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ลี่เฉินพูดกับหม่าชาวด้วยสีหน้าที่อิจฉาว่า “เธอมีพี่น้องที่ดี แม้บาดเจ็บสาหัส ก็อยากแก้แค้นให้กับพี่น้อง”

หม่าชาวยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ หันมองหยางเฉินที่อยู่บนลานประลองด้วยดวงตาที่แดงก่ำ แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “การที่ได้เป็นพี่น้องกับเขา ถือเป็นบุญที่ผมทำมาสิบชาติแล้วครับ!”

ในตอนที่ทุกคนกำลังวิจารณ์กันอยู่นั้น การต่อสู้ที่ดุเดือดของหยางเฉินกับเนี่ยชิวก็ได้ปะทุขึ้น

หยางเฉินถือมีดโลหิต กระหน่ำแทงใส่เนี่ยชิวราวกับนักฆ่าที่ช่ำชอง ส่วนเนี่ยชิวก็ไม่ได้ดูถูกหยางเฉิน สวนกลับหยางเฉินอย่างสุดฝีมือ

มีบทเรียนเมื่อครั้งก่อน เนี่ยชิวก็ระวังตัวยิ่งกว่าเดิม กลัวหยางเฉินจะใช้พลังแห่งธาตุน้ำโจมตีใส่อีก

แต่ว่า หยางเฉินอยู่แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง ส่วนเนี่ยชิวเป็นผู้แข็งแกร่งที่ก้าวสู่แดนนภาไปแล้วครึ่งก้าว ความหว่างชั้นของทั้งคู่มีมากเกินไป ทำให้หยางเฉินค่อยๆ เสียเปรียบไปทีละน้อย