อู๋ตงไห่เปิดกระเป๋าHermesของเย่ฉางหมิ่นอย่างอกสั่นขวัญแขวน
ด้านใน นอกจากสมุดเช็คแล้ว ยังมีตราประทับส่วนตัวของเย่ฉางหมิ่นด้วย
ตราประทับส่วนตัวแบบนี้ คนธรรมดาทั่วไปไม่ค่อยใช้ และไม่จำเป็นต้องใช้
แต่ถ้าเป็นผู้นำองค์กรหรือผู้บริหารองค์กรระดับสูงแทบทุกคนต้องมีตราประทับส่วนตัว
เพราะธุรกิจด้านการเงินจำนวนมากต้องใช้ตราประทับส่วนตัว โดยเฉพาะเช็คเงินสด
และตราประทับส่วนตัวนั้นจะมีอักษรที่เป็นระเบียบ ดังนั้นอู๋ตงไห่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ตราประทับนี้มีอักษรคำว่า”เย่ฉางหมิ่น”
เมื่อเห็นตราประทับส่วนตัวของเย่ฉางหมิ่น ความดันโลหิตของอู๋ตงไห่พุ่งปี๊ดขึ้นมาทันที และเขาแทบจะยืนไม่ไหว
ในเวลาต่อมา เขาแทบอยากจะฆ่าตัวตาย
ความรู้สึกแบบนี้ ก็เหมือนกับพ่อลูกตระกูลเซียวไปจับสุนัขมาตัวหนึ่ง ปรากฏว่าตอนที่พวกเขากำลังจับสุนัขอยู่ ไม่รู้ทำอีท่าไหนถึงจับเสือกลับมาด้วยอีกหนึ่งตัว
สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ เบื้องหลังของเสือตัวนี้ ยังมีตระกูลที่ทรงอำนาจมากๆด้วย
อู๋ตงไห่ร้องไห้อยู่ในใจด้วยความโกรธ:”แม่งเอ๊ย มันเป็นเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย! ฉันแค่อยากจะสั่งสอนหม่าหลัน ทำไมถึงจับตัวลูกสาวคนโตของตระกูลเย่มาด้วย…ถ้ารู้ตั้งแต่แรกฉันคงไม่มาที่นี่อย่างแน่นอน! เห็นได้ชัดว่าเซียวฉางเฉียนกับเซียวไห่หลงพ่อลูกคู่นี้เป็นคนทำเรื่องนี้ แต่เพราะการมาถึงของตัวเอง ทำให้เย่ฉางหมิ่นคิดว่าตัวเองอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด…”
ในเวลานี้ เย่ฉางหมิ่นมองเห็นสีหน้าที่สับสนของอู๋ตงไห่ เธอรู้ดีว่าพวกเขาต้องเชื่อว่าเธอคือคนของตระกูลเย่จริงๆ ดังนั้นเธอรีบพูดทันที:”คุณอู๋ ฉันรู้ว่าคุณต้องการลักพาตัวหม่าหลันคนเดียว และคุณไม่ได้ต้องการลักพาตัวฉัน พวกเราทั้งสองฝ่ายแค่เข้าใจผิดกันเฉยๆ ถ้าคุณยอมปล่อยฉันไป เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ฉันจะไม่เอาเรื่องอย่างแน่นอน ในอนาคตฉันจะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างตระกูลเย่กับตระกูลอู๋ คุณคิดว่าไง?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ทำให้อู๋ตงไห่ลังเลขึ้นมาทันที
ถ้าตัดสินจากเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ตัวเองมีทางเลือกแค่สองทาง
ทางเลือกที่หนึ่งคือ ไม่สนใจอะไรเลย ฆ่าเย่ฉางหมิ่นให้ตายทันที
ทางเลือกที่สองคือ รีบหยุดเรื่องนี้ทันที บางทีตระกูลเย่ อาจจะไว้ชีวิตของตัวเองก็ได้
ถ้าเลือกทางเลือกที่หนึ่ง จะต้องมีข้อแม้ว่า หลังจากที่เขาฆ่าเย่ฉางหมิ่นแล้ว เขาต้องแน่ใจว่าคนของตระกูลเย่จะไม่มาหาเรื่องเขา
ดังนั้น เขาก็เลยโบกมือเรียกเซียวฉางเฉียน พูดด้วยสีหน้าเย็นชา:”เหล่าเซียว มานี่ มาคุยกับฉันหน่อย”
เซียวฉางเฉียนรีบเดินเข้ามาหาเขาทันที
เซียวฉางเฉียนพาเขาเดินมาที่หน้าประตูโกดัง และถามด้วยน้ำเสียงเบาๆว่า:”ระหว่างทางที่พวกคุณจับตัวผู้หญิงสองคนนี้มา ได้หลีกเลี่ยงหรือหลบหลีกกล้องวงจรปิดไหม?”
“ไม่ได้หลีกเลี่ยงเลย”เซียวฉางเฉียนส่ายหัวและพูด:”หลังจากที่พวกเราจับพวกเธอสองคนที่ร้านเสริมสวย คนขับรถตู้ก็ขับมาที่โกดังโดยใช้จีพีเอส และพวกเราก็ขับรถตู้ตามที่จีพีเอสบอกตลอดทาง…”
อู๋ตงไห่เข่าอ่อนทันที เขาเกือบจะยืนไม่ไหว
เซียวฉางเฉียนรีบพยุงเขาและถามทันที:”ประธานอู๋ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
อู๋ตงไห่สะบัดมือของเขาออก และถามด้วยความโกรธ:”ระหว่างทาง พวกคุณไม่ได้หาที่ลับเพื่อเปลี่ยนรถตู้เลยเหรอ?”
“เปลี่ยนรถตู้?”เซียวฉางเฉียนถามด้วยความสงสัย:”ประธานอู๋ ฉันคิดว่ามันไม่จำเป็นเลย พวกเธอเป็นแค่ผู้หญิงสองคนเฉยๆ พวกเราแค่จับพวกเธอสองคนยัดเข้าไปในรถตู้และขับมาที่นี่เลย?”
ขณะพูด เซียวฉางเฉียนก็เตือนเขาอีกครั้ง:”ประธานอู๋ ฉันคิดว่าผู้หญิงที่ชื่อเย่ฉางหมิ่น เธอมีอะไรแปลกๆ แต่เธอเป็นคนที่พูดโกหกเก่งมากๆ เรื่องที่เธอพูดเมื่อสักครู่ทำให้ฉันเกือบจะหลงเชื่อ แต่ฉันก็ครุ่นคิดอย่างละเอียด ฉันรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ!