ตอนที่ 2165 ก้าวลำพังในมหาสมุทรวิญญาณ เหยียบย่างสู่หยั่งสัจจะ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

โลกมหาสมุทรวิญญาณ

ในอารามทรุดโทรมที่อยู่กลางป่าเขาแห่งหนึ่ง เปลวไฟลุกโชน

เด็กหนุ่มบัณฑิตที่สวมอาภรณ์เก่าซอมซ่อคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ถือม้วนตำราในมือ กำลังอ่านอย่างจดจ่อ หว่างคิ้วฉายแววมุ่งมั่น

เด็กหนุ่มบัณฑิตนามหลันอวี่ชิง ถือกำเนิดในครอบครัวที่แร้นแค้น เพื่อจะให้เขาได้เรียนหนังสือ บิดามารดาเเทบจะใช้ของทุกชิ้นในบ้าน

และตอนนี้เขาเดินทางอยู่กลางป่าเขา เพื่อจะมุ่งหน้าไปสอบที่เมืองหลวง ไขว่คว้าชื่อเสียงความสำเร็จ

ลมหนาวระลอกหนึ่งพัดมา ประตูอารามบานใหญ่ที่ปิดสนิทถูกพัดจนเกิดเสียงดังปึงๆ

จากนั้นเงาตะคุ่มที่บิดเบี้ยวสายหนึ่งลอดผ่านช่องประตูเข้ามา กลายเป็นผีที่หน้าเขียวเขี้ยวคม ทั่วร่างมีหมอกควันพวยพุ่งตนหนึ่ง

หลันอวี่ชิงสะดุ้งตกใจ ความคิดแรกในสมองไม่ใช่กริ่งเกรง หากแต่คิดว่าถ้าตนตายไปบิดามารดาอายุมากที่อยู่ในบ้านจะทำอย่างไร…

อารามทรุดโทรมลมพัดกระหน่ำ ผีแลบลิ้นสีแดงฉานออกมา ม้วนเกี่ยวรอบลำคอของหลันอวี่ชิงราวกับผืนแพรก็ไม่ปาน

จบกัน!

หลันอวี่ชิงอดหลับตาไม่ได้ ในใจเศร้าสะท้าน บิดามารดากินน้อยใช้สอยประหยัด ไม่ง่ายกว่าจะเลี้ยงตนจนเติบใหญ่ แต่เขายังไม่ทันได้ตอบได้แทนคุณก็จะสิ้นชีพในอารามร้างแห่งนี้แล้ว… สวรรค์ไม่ยุติธรรมปานใด!

คอเขารัดแน่น รู้สึกเพียงว่าลำคอถูกรัดพัน เบื้องหน้าพร่าเลือนจวนจะสิ้นสติรอมร่อม

ผีหน้าเขียวเขี้ยวคมเห็นเช่นนี้ก็อดเผยรอยยิ้มหยันออกมาไม่ได้ บัณฑิตตัวน้อยเลี่ยงไม่ได้ที่จะขี้ขลาดเกินไป ถึงกับถูกทำให้ตกใจจนเป็นลมไปทั้งอย่างนี้…

ลิ้นสีแดงฉานของมันออกแรงมากขึ้น หมายจะม้วนร่างของหลันอวี่ชิงเข้าปาก

และในเวลานี้ดวงตาที่ปิดสนิทของหลันอวี่ชิงพลันเบิกโพลง นัยน์ตาคู่นั้นลุ่มลึกดุจหุบเหวใหญ่ที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด ทำให้ผู้คนใจผวา

ผีหน้าเขียวเขี้ยวคมอึ้งไป

“ไสหัวไป!”

เสียงหนึ่งเปล่งออกมาจากปากหลันอวี่ชิง

คำเดียว ลิ้นยาวแดงฉานที่เดิมเกี่ยวรัดบนลำคอเขาพลันแตกระเบิดเป็นเสี่ยงๆ

ผีตนนั้นเจ็บปวด เพิ่งคิดจะหลบก็ถูกคลื่นเสียงอันน่าสะพรึงซัดโดน ชั่วพริบตาก็จิตสิ้นวิญญาณสลาย มลายหายไปในอากาศ

“เจ้าหมอนี่ ช่างเป็นบัณฑิตที่มีเคราะห์มากจริงๆ…” หลันอวี่ชิงพึมพำกับตัวเอง

ขณะพูดกลิ่นอายรอบกายเขาพลิกม้วน ชั่วอึดใจก็กลายเป็นผู้มีปราณขอบเขตมกุฎระดับจิตผสานวิญญาณขั้นสัมบูรณ์คนหนึ่ง!

คนที่ตื่นรู้ภายในร่างของหลันอวี่ชิงย่อมเป็นหลินสวิน

เขาหยัดตัวลุกยืน เปิดประตูอารามเก่าโทรมบานใหญ่ มองป่าเขาที่มืดสนิทนั่นแล้วเปล่งเสียงกังวานดุจกลองระฆังออกมา

“ภูตผีเร่ร่อนก็กล้ารบกวนข้าคนแซ่หลินฝันหวาน ไม่รู้จักดีชั่ว!”

ในรัตติกาลมืด มองเห็นว่าแถวๆ ป่าเขาที่มืดทึบแถบนั้นมีเสียงร้องโหยหวนสะอื้นไห้รุนแรงดังมาเป็นระลอก และไม่นานก็กลับสู้ความเงียบสงัดเหมือนก่อนหน้านี้

ที่แห่งนี้เดิมเป็นสุสานรกร้าง มักมีภูตผีวิญญาณร้ายปรากฏตัวเป็นประจำ เกือบร้อยปีมานี้ไม่มีใครกล้ามาเยือน

แต่ในคืนนี้ภูตผีเร่ร่อนทั้งหมดล้วนถูกเสียงสายหนึ่งของหลินสวินกำราบ!

แน่นอน หลินสวินทำเช่นนี้เพียงเพื่อระบายแค้นแทนหลันอวี่ชิง

เขาเชื่อมต่อกับความทรงจำของหลันอวี่ชิงแล้ว ค่อนข้างยอมรับและชื่นชมเด็กหนุ่มบัณฑิตที่ฐานะยากจนคนนี้

ใจกตัญญูบริสุทธิ์ ประพฤติตนมีเมตตา ที่หาได้ยากคือตัวอยู่ในสภาพยากจนข้นแค้น แต่กลับมีอุดมการณ์เทียมฟ้า

คนเช่นนี้ชะตากลับมากเคราะห์ ล้มลุกคลุกคลานมาจนป่านนี้ ทำเอาหลินสวินยังทนไม่ได้ไปพักหนึ่ง

‘พบกับข้า อย่างน้องก็สามารถทำให้ภาคภายหน้าเจ้าไม่ต้องเป็นทุกข์อีกต่อไปแล้วกระมัง…’

ในวันนี้หลินสวินเข้าสู่วัฏจักร ก้าวสู่โลกมหาสมุทรวิญญาณ ใช้สถานะของหลันอวี่ชิงเดินทางทั่วหล้า

โลกแห่งนี้มีมหาสมุทรที่ชื่อ ‘มหาสมุทรวิญญาณ’ แห่งหนึ่ง ถูกขนานนามว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางระดับมหาสมุทรวิญญาณทั่วหล้า

ลือกันว่าส่วนลึกของมหาสมุทรนี้มีศุภโชคสูงสุด เพียงแต่ในอดีตถึงบัดนี้มีคนสามารถเข้าไปในนั้นได้น้อยนัก

หนึ่งปีต่อมา

ริมฝั่งมหาสมุทรวิญญาณ

หลันอวี่ชิงพลันสะดุ้งตื่น

เขาอึ้งค้างอยู่เนิ่นนาน กว่าจะพบว่าในอกของตนซ่อนม้วนตำราเล่มหนึ่งเอาไว้ ในม้วนตำราบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่เขาทำในช่วงหนึ่งปีมานี้

เรื่องเหล่านั้นแปลกหน้าขนาดนั้น แต่เมื่อคิดโดยละเอียดกลับคุ้นเคยถึงเพียงนั้น

จิตสำนึกของหลันอวี่ชิงเลือนราง ก่อนหน้านี้นานมาแล้วเขาเคยอ่านม้วนตำราเล่มหนึ่ง ในตำราบันทึกเรื่องมหัศจรรย์ที่ชื่อว่า ‘ความฝันในหนานเหลียง’ เอาไว้

เพียงแต่เขากลับคิดไม่ถึงว่า เรื่องราวที่วิเศษมหัศจรรย์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง!

“ไม่ว่าเจ้าเป็นใคร บุญคุณในวาสนาเช่นนี้ ข้าหลันอวี่ชิงไม่อาจลืมเลือนไปชั่วชีวิต วันหน้าหากมีโอกาสย่อมต้องตอบแทนบุญคุณทั้งหมดแน่!”

เนิ่นนานหลันอวี่ชิงหยัดตัวขึ้น ก่อนจะคารวะไปทางส่วนลึกของมหาสมุทรวิญญาณ

และในเวลานี้หลินสวินได้ออกจากโลกมหาสมุทรวิญญาณแห่งนี้เรียบร้อยแล้ว

ในช่วงเวลาหนึ่งปีนี้เขาเดินทางทั่วหล้า ชมภูผาธารา หยั่งถึงมหามรรค ปราณเหยียบย่างสู่ขอบเขตมกุฎระดับมหาสมุทรวิญญาณอย่างราบรื่น

และภายหลังจึงเข้าสู่มหาสมุทรวิญญาณ โจมตีคู่ต่อสู้คนแล้วคนเล่ามจนปราชัยเหนือสายน้ำแห่งกาลเวลา สุดท้ายก็แจ้งมรรควิถีแห่งตน เรียกได้ว่าไร้ศัตรูในระดับมหาสมุทรวิญญาณนับจาอดีตถึงปัจจุบัน!

ก่อนจากไป เขาได้บันทึกประสาบการณ์หนึ่งปีนี้ทีละอย่างทิ้งไว้ให้หลันอวี่ชิง

คนดีย่อมสมควรได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทน

โลกหยั่งสัจจะ

ตอนที่หลินสวินตื่นรู้ ก็อยู่ในร่างของท่านอ๋องที่สูงศักดิ์คนหนึ่ง

นี่คือคุณชายเสเพลที่รักสนุกลอยชาย ไม่เล่าเรียนไร้วิชานามว่าเหลียงเซียว ปกติชื่นชอบเพียงเที่ยวหอสุรา หลับนอนในหอนางโลม

ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ควบม้าเลี้ยวลัดสะพานเล็ก นารีทั้งหอกวักมือเรียกหา’

โชคดีอย่างเดียวคือคุณชายเสพลคนนี้ไม่ได้มีพฤติกรรมชั่วร้าย ตรงข้ามกลับเป็นคุณชายสูงส่งที่เจ้าสำราญผ่าเผยในสายตาของหญิงในหอนางโลม

ที่น่าเสียดายคือ ในสายตาของบิดามารดาญาติมิตรของเขา เขาก็คือคุณชายรักสนุกที่ไม่เอาการเอางาน สร้างความเสื่อมเสียแก่ตระกูลคนหนึ่ง ทำให้บนล่างทั้งตระกูลต่างรู้สึกผิดหวัง

สำหรับเรื่องนี้เหลียงเซียวไม่สนใจ หลินสวินก็ย่อมไม่สนใจอยู่แล้ว

วันแรกที่ตื่นรู้ หลินสวินก็ตั้งใจจะจากไป เดินทางทั่วหล้า เตรียมพร้อมสำหรับการฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะใหม่อีกครั้ง

และตอนที่ได้รู้ว่าคนเจ้าสำราญอย่างเหลียงเซียวตั้งใจจะเดินทางสักระยะ ทั้งบนล่างของจวนอ๋องกลับไม่มีคนถือเป็นจริงเป็นจัง ไม่มีใครสนใจ และไม่มีใครมาส่ง

สาเหตุก็เพราะญาติมิตรทุกคนต่างคิดว่า คนที่กินดีอยู่ดีอย่างเหลียงเซียวต้องทนความลำบากของโลกภายนอกไม่ได้เป็นแน่ อีกไม่นานเดี๋ยวก็ต้องซมซานกลับมาอย่างแน่นอน

แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนต่างแปลกใจคือ ท่านอ๋องน้อยเหลียงเซียวไปคราวนี้ เวลาก็ผ่านไปครึ่งปีแล้ว…

คราวนี้ทั้งบนล่างทั่วทั้งจวนอ๋องต่างพากันร้อนรน

ท่านอ๋องเฒ่าและคนในตระกูลระดมกำลังทั้งหมดไปตามหาที่โลกภายนอก กลัวเพียงว่าเหลียงเซียวจะประสบเหตุไม่คาดฝันอยู่ข้างนอก จึงทำให้เนิ่นนานก็ไม่กลับมาเสียที

น่าเสียดาย ไม่ว่าจะเสาะหาอย่างไรสุดท้ายก็ไม่พบเบาะแสใดๆ

ท่านอ๋องเฒ่าผมขาวชั่วข้ามคืน มารดาของเหลียงเซียวยิ่งน้ำตาไหลพราก…

ทั้งบนล่างทั่วจวนอ๋องล้วนเปลี่ยนเป็นหดหู่เพราะการหายตัวไปของท่านอ๋องน้อย

เมื่อก่อนทุกคนรู้สึกผิดหวังแล้วผิดหวังอีกกับเหลียงเซียว แต่ถึงอย่างไรก็เป็นคนในครอบครัว ตัดกระดูกยังเหลือเส้นเลือด ตอนนี้เขาเงียบหายไร้ข่าวคราว จะไม่ให้คนกังวลใจได้อย่างไร

แม้แต่แม่นางในหอนางโลมพวกนั้น เมื่อได้ยินว่าท่านอ๋องน้อยผู้รักสนุกหยิบหย่งหายตัวไป บางครั้งที่นึกถึงช่วงเวลาที่หัวเราะเล่นสนุกด้วยกันเมื่อก่อน ก็ยังอดรู้สึกเหงาหงอยใจหายขึ้นมาในใจไม่ได้

เดือนที่เก้าที่ท่านอ๋องน้อยจากไป ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง เคราะห์ใหญ่ที่มาแบบปุบปับครั้งหนึ่งก็มาเยือนจวนอ๋อง

จักรพรรดิองค์ปัจจุบันบัญชาลงไป สั่งประหารจวนอ๋องทั้งตระกูล!

และเหตุผลง่ายดายยิ่ง มีคนในราชสำนักสงสัยว่าบิดาของเหลียงเซียวลอบติดต่อศัตรูภายนอก สร้างความแคลงใจให้จักรพรรดิ มองบิดาของเหลียงเซียวเป็นกบฏขายชาติ

ไม่มีหลักฐานอย่างเป็นทางการ เพียงแค่สงสัยแคลงใจ…

ตอนที่หลินสวินทราบข่าว ก็เป็นหนึ่งเดือนหลังจากจวนอ๋องตระกูลเหลียงถูกสังหารทั้งตระกูลแล้ว

เขาใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนแผนการเดินทาง

การดับสิ้นของจวนอ๋องตระกูลเหลียง การจากไปของคนในตระกูล เดิมก็ไม่เกี่ยวข้องกับหลินสวิน แต่ตอนนี้เขายึดครองร่างของเหลียงเซียวอยู่

เรื่องนี้เขาไม่อาจไม่ยุ่ง

ตอนที่หลินสวินกลับสู่จวนอ๋องตระกูลเหลียง ในนั้นเหลือเพียงเศษซากกำแพงผุพังนานแล้ว พินาศยับเยินทั้งแถบ ความมั่งคั่งสมบูรณ์ในอดีตกลายเป็นซากไหม้เกรียมเกลื่อนพื้น

หลินสวินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นคนเดียว ทอดถอนใจในใจคราหนึ่ง

“เจ้าเนรคุณตระกูลเหลียงนั่นโผล่มาแล้ว!”

“เป็นเขาหรือ”

“เป็นเขา!”

“ในที่สุดพวกเราก็รอจนเจอเจ้าเนรคุณนี้แล้ว ขึ้นไป!”

เสียงชุลมุนระลอกหนึ่งดังขึ้น เงาร่างสายแล้วสายเล่าพุ่งโฉบมาจากที่ไกลๆ แต่ละคนกลิ่นอายแข็งกร้าว ทั่วร่างเจือกลิ่นอายแห่งการต่อสู้นองเลือด

หลินสวินหมุนตัว กวาดสายตามองผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ แล้วเอ่ยกล่าวเสมือนพึมพำกับตัวเอง “แค้นนี้ก็ให้ข้าช่วยเจ้าชำระแล้วกัน”

ครู่ต่อมาเขายื่นมือออกคว้า

ปราณกระบี่ไร้รูปควบรวมท่ามกลางเสียงดังวู้ม กระบี่ครวญดุจกระแสน้ำ ก้องสะท้อนเก้าชั้นฟ้า

ยามที่ปราณกระบี่ทะยานขึ้น ฟ้าดินล้วนอับแสงเพราะมัน พื้นที่สิบทิศชั้นเมฆแตกเป็นเสี่ยง

ยามเมื่อปราณกระบี่ร่วงลงไป

โลหิตนองดั่งดอกไม้ไฟเบ่งบาน บานสะพรั่งกลางห้วงอากาศดอกแล้วดอกเล่า แดงฉานร้อนระอุ งดงามสยดสยอง

ในวันนี้ท่านอ๋องน้อยตระกูลเหลียงหวนกลับมา หนึ่งกระบี่สังหารองครักษ์ที่รับใช้ราชสำนักสามสิบเก้าคน จากนั้นก็เดินทางขึ้นเหนือ ห้ำหั่นตลอดทาง เหลือเพียงโลหิตนองเต็มพื้น

ทั่วหล้าสะเทือนเลื่อนลั่น โลกหล้าเป็นประจักษ์พยาน

ครึ่งเดือนให้หลัง

เมืองหลวงบรรยากาศบีบคั้น การคุ้มกันเข้มงวด

ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนถูกระดมพล ป้องกันทั่วทั้งราชวังแบบไม่ให้น้ำรั่วไหล เพียงแค่มหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะขั้นสมบูรณ์ก็มีหลายร้อยคนแล้ว!

ทั้งหมดนี้เพียงเพราะท่านอ๋องน้อยตระกูลเหลียงบุกสังหารมารจากนอกแปดพันลี้ ข้ามด่านสังหารแม่ทัพตลอดทาง เข่ฆ่าคนที่ปิดล้อมทั้งหมด ไม่สามารถต้านทานได้

ใครต่างก็รู้ดี เขามาเพื่อแก้แค้น!

ในวันนี้จักรพรรดิองค์ปัจจุบันส่งเสียงหัวเราะเย็นเยียบออกมา “ใต้หล้าของข้า ใครจะกล้าเด็ดหัวของข้ากัน”

และในวันนี้ เงาร่างของท่านอ๋องน้อยตระกูลเหลียงก็ปรากฏด้านนอกเมืองหลวง ยืนโดดเดี่ยวลำพัง ไม่ได้หลบซ่อนใดๆ ต่อต้านทั้งเมือง!

หนึ่งเค่อต่อมา

มหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะขั้นสัมบูรณ์สิบคนที่เฝ้าประตูเมืองถูกสังหาร คนอื่นๆ ที่ได้รับบาดเจ็บล้มตายนับไม่หวาดไม่ไหว ประตูเมืองพังทลาย

หนึ่งก้านธูปต่อมา

เงาร่างของท่านอ๋องน้อยตระกูลเหลียงบุกฝ่าการขัดขวางของกองทัพใหญ่หกชั้น อานุภาพดุจผ่าลำไผ่ตลอดทาง องอาจฟาดฟัน ด้านหลังของเขาทิ้งถนนโลหิตที่สร้างขึ้นจากซากศพและหยาดเลือด

หนึ่งชั่วยามต่อมา

วังหลวงอลหม่านครั้งใหญ่ เงาร่างนับไม่ถ้วนหนีตายจ้าละหวั่น เสียงสะอื้นไห้ เสียงกรีดร้องดังไม่ขาดหู

ตอนที่เงาร่างของท่านอ๋องน้อยตระกูลเหลียงเดินออกมาจากโถงตำหนักหลักของวังหลวง ในมือหิ้วหัวโชกเลือดหัวหนึ่ง ตาเบิกกว้างเจือแววเดือดดาลไม่อยากเชื่อ

ศีรษะนี้ ตัดมาจากจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน!

และก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วยาม จักรพรรดิองค์ปัจจุบันยังเคยแค่นหัวเราะ ประกาศก้องโลกว่าไม่มีใครกล้าตัดหัวของตน

ในวันนี้ทั่วหล้าตกสู่ความหวั่นไหว คนนับไม่ถ้วนปากอ้าตาค้าง สะท้านสะเทือนเพราะเรื่องนี้

ชื่อของท่านอ๋องน้อยตระกูลเหลียงก็ประหนึ่งดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ ส่องแสงเพียงหนึ่งเดียวในจักรวาล

“ความแค้น ข้าช่วยเจ้าชำระไปแล้ว ต่อไป… อย่าได้ทำให้ญาติที่ล่วงลับของเจ้าต้องผิดหวังอีกเชียว…”

บนซากปรักหักพังของจวนอ๋องตระกูลเหลียง หลินสวินเอาหัวของจักรพรรดิเฒ่ามาวางไว้ในซากหักพัง นิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนหมุนตัวจากไป

ครึ่งเดือนต่อมา เงาร่างของหลินสวินเข้าสู่ ‘ถ้ำหยั่งสัจจะลานตา’

ในนี้เป็นสถานที่เหมือนกับเขายอดยุทธ์ ทะเลสาบจิตผสาน มหาสมุทรวิญญาณ ปิดครอบด้วยพลังระเบียบที่เป็นของโลกนี้!