ตอนที่ 2171 กึ่งจักรพรรดิคนแรกของกำแพงเมืองหมื่นมรรค

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ชายชุดเหลืองมาจากเรือนมรรคโลกาสวรรค์ ฉายามรรค ‘จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิง’ เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ก้าวสู่ระดับจักรพรรดิขั้นสี่คนหนึ่ง

เขารู้ดีว่าสำหรับระดับจักรพรรดิคนใดก็ตาม กำแพงเมืองหมื่นมรรคย่อมเป็นหนทางสู่นิพพานที่ไม่อาจร้องขอ

เพียงประจำอยู่ที่ป้อมปราการ ล่าสัตว์ประหลาดฟ้าดารา ก็ชิงทรัพยากรในการฝึกปราณที่ระดับจักรพรรดิใฝ่ฝันได้แล้ว ในโลกภายนอกนี่ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่อาจพบเจอแต่แรก

แต่จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงยิ่งรู้ดีว่า กำแพงเมืองหมื่นมรรคเป็นสถานที่ซึ่งอันตรายระดับใด!

เจ็ดปีมานี้มีระดับจักรพรรดิร่วงหล่นไปสิบเก้าคนแล้ว ด้วยถูกสัตว์ประหลาดฟ้าดาราสังหาร มรรควิถีทั้งตัวล้วนถูกกลืนกินไปหมด จิตสิ้นวิญญาณสลายอย่างสมบูรณ์

ระดับจักรพรรดิที่ร่วงหล่นพวกนี้ คนที่อ่อนแอที่สุดมีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่ง คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็มีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นหก!

โดยเฉพาะยามนึกถึงภาพการต่อสู้จนตายของระดับจักรพรรดิขั้นหกเพียงคนเดียวที่สิ้นชีพไปนั้น จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงก็ตัวสั่นขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ระดับจักรพรรดิขั้นหกคนนั้นมาจากเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ตระกูลข่ง พลังต่อสู้แข็งแกร่งหาใดเปรียบ เดิมทีด้วยพลังต่อสู้ของเขา ย่อมเพียงพอจะสังหารสัตว์ประหลาดฟ้าดารานั้นได้โดยง่าย

แต่เหตุไม่คาดฝันกลับเกิดขึ้น ทวนเล่มหนึ่งที่ไม่รู้ว่าพุ่งมาจากไหนแหวกผ่านฟ้าดาราไร้ขอบเขต ทะลวงผ่านหัวใจของผู้อาวุโสตระกูลข่งคนนั้นในคราเดียว ร่างกายล้วนกลายเป็นฝุ่นผง หายไปจากฟ้าดารา

หลังจากนั้นระดับจักรพรรดิที่กระจายอยู่บนกำแพงเมืองหมื่นมรรคได้คาดเดาอย่างเป็นเอกฉันท์อย่างหนึ่ง…

เจ้าของทวนที่ฆ่าผู้อาวุโสตระกูลข่งคนนั้น มีโอกาสสูงว่าจะเป็นบุคคลน่ากลัวคนหนึ่งที่มาจากฟากฝั่งฟ้าดารา!

ด้วยการตายของผู้อาวุโสตระกูลข่งคนนี้ ทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิมากมายหนาวเยือกในใจ คิดจะถอนตัว ไม่อยากประจำการอยู่ที่นี่อีก

แต่ที่จนปัญญาคือไม่มีใครจากไปได้!

ป้อมปราการแต่ละแห่งล้วนปกคลุมด้วยพลังระเบียบชั้นยอด อย่าว่าแต่จากกำแพงเมืองหมื่นมรรคไปเลย แม้แต่ออกจากป้อมปราการที่ประจำอยู่นี้ยังเป็นไปไม่ได้

จากคำพูดของร่างระเบียบในแดนปรินิพพาน ระดับจักรพรรดิอย่างพวกเขาต้องประจำการอยู่บนกำแพงเมืองหมื่นมรรคนี้สิบปี

และตอนนี้ก็เป็นปีที่เจ็ดแล้ว

ถ้ามีโอกาสจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงก็อยากจากไป ในป้อมปราการอีกด้านหนึ่งที่อยู่ใกล้เขาที่สุด เดิมมีผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่มาจากเผ่าจักรพรรดิบรรพกาลประจำอยู่ มีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นสาม

แต่ก่อนหน้านี้ไม่นาน ‘เพื่อนบ้าน’ คนนี้ก็สิ้นชีพ ถูกสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่รูปร่างคล้ายแมวป่า แต่ตัวใหญ่มหึมาอ้าปากกลืนกินไป

ภายใต้การบรรจงเคี้ยวของปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวนั้น ระดับจักรพรรดิขั้นสามคนนี้กลายเป็นโคลนเนื้อชุ่มเลือดตรงๆ ถูกกินเข้าไปทั้งเป็น

ภาพเหี้ยมโหดนองเลือดนั้น ยังเหลือเงามืดไว้ในใจจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงอย่างยากจะสลัดทิ้ง

หืม?

ขณะนึกถึงเรื่องในอดีต ทันใดนั้นจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงพลันสังเกตเห็น ว่าในป้อมปราการที่อยู่ใกล้กันนั้นมีคลื่นระเบียบระลอกหนึ่งปรากฏขึ้นฉับพลัน

จากนั้นเงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นภายใน

นี่ทำให้จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงอึ้งไป

ทุกครั้งหลังจากระดับจักรพรรดิแต่ละคนร่วงหล่น ป้อมปราการที่เขาประจำอยู่จะว่างเปล่า

เจ็ดปีมานี้ จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงเพิ่งเคยเห็นว่ามีคนถูกส่งเข้ามาเป็นครั้งแรก!

เป็นใครกัน

ยามใคร่ครวญ จิตรับรู้ที่ยิ่งใหญ่นั้นของเขาก็แผ่ขยายไปนานแล้ว

กำแพงเมืองหมื่นมรรคทอดยาวติดต่อกัน กว้างไกลเป็นอย่างยิ่ง ระยะห่างระหว่างป้อมปราการสองแห่ง ที่สั้นที่สุดก็ห่างไกลกันสองสามหมื่นลี้

ด้วยจิตรับรู้ของจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิง อย่างมากก็ได้แค่ ‘เห็น’ ภาพในป้อมปราการแห่งหนึ่งที่อยู่ติดกัน

ไม่นานร่างสูงตระหง่านหนึ่งก็ถูกมองเห็น เขาสวมชุดสีขาวพระจันทร์ ผมดำสยาย ใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางดูนิ่งสงบละโลกีย์

ทำไมถึงเป็นเขา!?

จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงนัยน์ตาหดรัดแทบไม่กล้าเชื่อ หลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมล ทำไมถึงปรากฏตัวบนกำแพงเมืองหมื่นมรรคนี้ได้

อีกทั้งเพิ่งผ่านมาแค่เจ็ดปีด้วย?

น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

หรือว่าเขา… แจ้งมรรคในระดับจักรพรรดิแล้ว

นึกถึงตรงนี้จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงพลันใจสะท้าน แต่หลังจากแยกแยะโดยละเอียด กลับพบว่าบนตัวหลินสวินไม่มีกลิ่นอายเฉพาะของระดับจักรพรรดิ

นี่ทำให้เขาลอบโล่งอก

นึกถึงปีนั้นตอนอยู่โลกใหญ่หงเหมิง ชายหนุ่มอย่างหลินสวินก็เป็นแค่คนรุ่นหลังคนหนึ่ง

ต่อให้เรียกคลื่นลมมากมาย ก่อเรื่องใหญ่นานัปการ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจทัดเทียมกับระดับจักรพรรดิได้

แม้ว่าในเขตต้องห้ามเซียนโบราณนั้น เขาห้ำหั่นกับเหล่าผู้กล้า ทะลวงปราณก้าวสู่ระดับกึ่งจักรพรรดิในขอบเขตมกุฎ ในสายตาของระดับจักรพรรดิก็ยังเป็นแค่คนรุ่นหลังเหมือนเดิม

ที่ทำให้ระดับจักรพรรดิหวาดกลัวอย่างแท้จริงคือฝีมือการสังหารจักรพรรดิที่เย้ยฟ้านั่นของเขา แต่หากพูดถึงพลังปราณ ก็ไม่มีระดับจักรพรรดิคนไหนมองเขาเป็น ‘คนระดับเดียวกัน’

ทว่าในใจของจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงยังคงสงสัยอย่างยิ่ง มกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งมาถึงกำแพงเมืองหมื่นมรรคที่เป็นของระดับจักรพรรดินี้ได้อย่างไร

หลินสวินยืนอยู่บนป้อมปราการ มองฟ้าดาราที่อยู่ห่างออกไปแล้วพลันตะลึงงัน

ป้อมปราการใหญ่โตหาใดเปรียบ รูปร่างคล้ายตำหนัก เบื้องหน้าคือกำแพงสูงชันที่ลักษณะคล้ายรั้วรอบ ก่อขึ้นจากหินลึกลับที่ไม่รู้ชื่อ

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าตัวกำแพงนั้นปกคลุมด้วยสีเลือดแดงเข้ม พร่างพร้อยและเปี่ยมกลิ่นอายแห่งกาลเวลา ยอดพลังระเบียบแผ่อบอวลเป็นระลอก ดูลึกลับหาใดเปรียบ

ในป้อมปราการด้านหลังว่างเปล่า มีแค่เบาะรองนั่งเบาะเดียว

นี่คือกำแพงเมืองหมื่นมรรค!

แนวป้องกันที่พาดอยู่บนฟ้าดารา วิวัฒน์จากพลังระเบียบต้นกำเนิดของฟ้าดารา ทอดยาวติดต่อกันราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

ยืนทอดสายตามองฟ้าดาราไร้สิ้นสุดจากที่นี่ ทำให้คนรู้สึกตัวเล็กจ้อยและเลือนราง

หลินสวินพลันนึกถึงกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิของดินแดนรกร้างโบราณ ที่นั่นก็เด่นตระหง่าน สูงใหญ่และไพศาลเช่นกัน สุริยันจันทราดาราเบื้องหน้าดูเล็กจ้อยหาใดเปรียบ

กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิเป็นสถานที่เปิดฉากศึกมรรคสิบทิศ นับแต่อดีตจนปัจจุบันก็มีสมญาว่า ‘ปราการฟ้าด่านแรกดินแดนรกร้างโบราณ สถานที่หยุดเท้าของจอมจักรพรรดิ’

เช่นนั้น ‘กำแพงเมืองหมื่นมรรค’ นี้ล่ะ ก่อตั้งขึ้นมาด้วยเหตุใด

ในหัวหลินสวินนึกถึงสัตว์ประหลาดที่มาจากส่วนลึกของฟ้าดารา ปีศาจที่มาจากต่างแดน พลังเจตจำนงน่ากลัวที่มาจากแดนประหลาดอย่างอดไม่ได้…

ศิษย์พี่รองจ้งชิวเคยบอกว่าตัวตนบางอย่างที่อยู่นอกฟ้าดารานั่น ไม่อาจยอมให้บุคคลที่ ‘ไม่เสื่อมไม่ดับ สูงส่งไร้คู่ต่อกร’ ปรากฏตัวเด็ดขาด!

นี่ก็หมายความว่า ในแดนปรินิพพานนี้คนที่ยิ่งสะดุดตา ก็ยิ่งมีโอกาสได้รับอันตรายครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!

ฮู่ว…

หลินสวินผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ

ตั้งแต่ก้าวออกมาจากวัฏจักรเขาก็ได้รู้จากร่างระเบียบนั่นแล้ว ว่ากำแพงเมืองหมื่นมรรคนี้คือหนทางบรรลุจักรพรรดิสู่นิพพานของตน

ระดับจักรพรรดิทั้งหมดที่เข้ามาในแดนปรินิพพานเมื่อเจ็ดปีก่อนพวกนั้น ปัจจุบันล้วนประจำอยู่บนกำแพงเมืองหมื่นมรรคนี้

ส่วนตนก็เป็นคนแรกที่ก้าวออกมาจากวัฏจักร และเป็นคนเดียวที่ไม่ได้เหยียบย่างระดับจักรพรรดิ แต่เข้ามาในกำแพงเมืองหมื่นมรรคนี้

หืม?

ทันใดนั้นหลินสวินสังเกตเห็นว่ามีพลังเจตจำนงที่เป็นของระดับจักรพรรดิแผ่ออกมาจ้องมองตน

เขาอดเลิกคิ้วไม่ได้

ยามนี้ในห้วงนิมิตของเขา มีเจตจำนงที่เป็นของระดับจักรพรรดิโดยเฉพาะอยู่เช่นกัน ควบคุมดูแลอยู่ในรูปลักษณ์ของเตาหลอม

นี่ทำให้เขาสังเกตเห็นอีกฝ่ายได้ในพริบตา เป็นชายชุดเหลืองคนหนึ่งที่อยู่ในป้อมปราการข้างๆ

“เรือนมรรคโลกาสวรรค์ เฟิงหลิงจื่อ ยินดีที่ได้พบสหายน้อย”

จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงเอ่ยปาก

เรือนมรรคโลกาสวรรค์!

ความระแวดระวังในใจหลินสวินลดลงไปเล็กน้อย ในหกเรือนมรรคใหญ่ มีเพียงเรือนมรรคโลกาสวรรค์ที่เป็นขุมอำนาจซึ่งวางตัวเป็นกลางมาตลอด

เหมือนในการประชันหมากครั้งใหญ่เมื่อปีนั้น เรือนมรรคโลกาสวรรค์ก็ไม่เข้ามายุ่ง

แต่หลินสวินก็ได้ยินว่า ตั้งแต่จักรพรรดิสวรรค์ดำรงมาถึงทางเดินโบราณฟ้าดารา ขุมอำนาจแรกที่กำราบก็คือเรือนมรรคโลกาสวรรค์ที่วางตัวเป็นกลางมาตลอด

ตั้งแต่นั้นมา ท่าทีเป็นกลางที่โดดเด่นเหนือใครของเรือนมรรคโลกาสวรรค์ก็เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ ไม่อาจไม่ก้มหัวยอมสวามิภักดิ์ต่อจักรพรรดิสวรรค์ดำรง!

“หลินสวินแห่งคีรีดวงกมล ยินดีที่ได้พบสหายยุทธ์” หลินสวินเอ่ยปาก ใช้พลังเจตจำนงตอบกลับไปเช่นกัน

ถูกเรียกว่า ‘สหายยุทธ์’ ทำให้จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงอึ้งไปเล็กน้อย ค่อนข้างไม่ชอบใจอยู่บ้าง คนรุ่นหลังคนหนึ่ง ยามนี้ก็กล้าทำตัวเสมอกับเขาแล้วหรือ

แต่ไม่นานเขาก็ปล่อยวาง บางทีพลังปราณของหลินสวินอาจไม่สูง แต่ศิษย์พี่พวกนั้นของเขา แต่ละคนล้วนแข็งแกร่งจนไม่อาจจินตนาการ

หากจะพูดถึงลำดับความอาวุโสจริงๆ ก็ไม่อาจพูดได้ว่าใครเป็นผู้อาวุโส ใครเป็นผู้น้อย

แต่ในโลกของการฝึกปราณ ศักยภาพนับว่าสูงสุด แม้ในใจของจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงจะชิงชังอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีทางวู่วามด้วยเหตุนี้

เขากล่าวด้วยเสียงอบอุ่น รักษาท่าทีของผู้อาวุโส “สหายน้อย ที่นี่คือกำแพงเมืองหมื่นมรรค เจ้า… มาได้อย่างไร”

“บางทีนี่อาจเป็นความคิดของพลังระเบียบแห่งแดนปรินิพพานนี้ เชื่อว่าข้าหลินสวินมีพลังต่อสู้ที่ไม่ด้อยไปกว่าระดับจักรพรรดิแล้วกระมัง” วาจาหลินสวินราบเรียบ เปิดเผยไม่สะทกสะท้าน

ท่าทางเช่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่มกุฎกึ่งจักรพรรดิทั่วไปเทียบได้ อย่างน้อยยามมกุฎกึ่งจักรพรรดิในโลกนี้เผชิญหน้ากับเขาจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิง ใครบ้างจะไม่เคารพนับถือ

“หึๆ” จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงหัวเราะ “ก็ถูก แม้ว่าสหายน้อยจะไม่ได้ก้าวสู่ระดับจักรพรรดิ แต่ไพ่ตายบางอย่างในมือก็ข่มขวัญและสังหารระดับจักรพรรดิได้”

เห็นชัดว่าเขาไม่ยอมรับพลังต่อสู้ของหลินสวิน แต่กลับไม่อาจไม่ยอมรับว่าในมือหลินสวินมีไพ่ตายบางอย่างที่พอจะสังหารจักรพรรดิได้

ถึงอย่างไรหลายปีนี้ ระดับจักรพรรดิที่ตายในมือหลินสวินก็ไม่ได้มีแค่สองสามคน

หลินสวินก็ยิ้มแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่ได้บอกอีกฝ่ายว่าตั้งแต่อยู่ในนรกอำพราง มรรควิถีทั้งตัวเขาก็มีพลังที่กำราบจักรพรรดิผีค้างคาวเงินได้แล้ว

และจักรพรรดิผีค้างคาวเงิน เป็นระดับจักรพรรดิขั้นสามคนหนึ่ง!

เห็นว่าหลินสวินไม่สนใจจะคุยต่อ จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงก็คร้านจะพูดต่อไป “สหายน้อย กำแพงเมืองหมื่นมรรคนี้อันตรายหาใดเปรียบ เจ้าต้องระวังหน่อย”

พูดจบก็เก็บพลังเจตจำนงจิตวิญญาณนั้นกลับไป

หลินสวินไม่ใส่ใจ เดินเข้าไปในป้อมปราการคนเดียว นั่งบนเบาะรองนั่งเพียงหนึ่งเดียวนั้นแล้วเริ่มทำสมาธิ

วู้ม!

แสงมรรครอบตัวเขาดังกึกก้อง ประกายศักดิ์สิทธิ์อบอวล

มรรควิถีทั้งหมดที่ฝึกใหม่ในวัฏจักร ตอนนี้ล้วนกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวเขา ทำให้เวลานี้ยามหลินสวินฝึกปราณ จึงสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่แปลกไปเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด

กำลังภายใน จิตผสานวิญญาณ มหาสมุทรวิญญาณ หยั่งสัจจะ กระบวนแปรจุติ มรรคาอมตะ ระดับอริยะ ระดับกึ่งจักรพรรดิ… แต่ละระดับก็เหมือนฐานหินมหามรรคที่สมบูรณ์แบบถึงขีดสุดก้อนหนึ่ง ร่วมกันสร้างเป็นมรรควิถีทั้งตัวเขา

ไร้ตำหนิและไร้จุดบกพร่องอีก เผยท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่สมบูรณ์สูงสุดเป็นประวัติการณ์

นอกจากนี้สภาวะจิต เจตจำนง วิชายุทธ์ การบำเพ็ญมหามรรคของเขา… ก็หลอมรวมกับมรรควิถีทั้งตัวอย่างสมบูรณ์แบบ

เวลานี้หลินสวินมีความรู้สึกว่าตนเหมือนเตาหลอมมหามรรคเตาหนึ่ง สามารถรองรับหมื่นมรรคา วิวัฒน์สรรพสิ่ง กำราบกาลเวลา!

ความรู้สึกอัศจรรย์ที่พลุ่งพล่านผุดขึ้นในใจหลินสวิน ร่างกายและจิตวิญญาณของเขาล้วนเกิดท่วงทำนองประหลาดอย่างหนึ่ง

หลินสวินตระหนักได้ว่า ระยะห่างที่ตนจะทะลวงปราณขึ้นไปเพื่อก้าวสู่ธรณีประตูระดับจักรพรรดิ เหลือเพียงหนึ่งห้วงคิด

เขาสูดหายใจลึกทันที สะกดกลั้นสัญญาณที่พลุ่งพล่านนี้ไว้ นัยน์ตาดำล้ำลึกดูเด็ดเดี่ยว

ไร้ขอบเขตมกุฎ ไม่บรรลุจักรพรรดิ!

………………………