ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เย่เฉินไม่ได้มีความรู้สึกดี ต่อเซียวฉางเฉียนและเซียวไห่หลงสองคนพ่อลูกแม้แต่น้อย

แต่ทว่า เมื่อได้ยินว่าพวกเขาสองคนถูกหักแขนขา ความโกรธในใจของเย่เฉินก็หายไปส่วนใหญ่

ไม่มีใครรู้จักพวกคนตระกูลเซียวดีกว่าเขาแล้ว

แม้ว่าแต่ละคนจะน่ารังเกียจ แต่ก็ไม่นับว่าเป็นคนสารเลวชั่วร้าย

ก่อนหน้านี้เฉียนหงเย่นสร้างสถานการณ์โกงหม่าหลัน สาเหตุส่วนใหญ่ก็เป็นตอนที่หม่าหลันเล่นไพ่ที่บ้านเพื่อน พบเจอกับเฉียนหงเย่นและเซียวฉางเฉียนสองสามีภรรยา ต่อจากนั้นก็เยาะเย้ยพวกเขาสารพัด ทำให้เฉียนหงเย่นแทบจะอกแตกตาย ถึงได้อยากจะโกงเอาเงินของหม่าหลันไป

ตอนนี้เซียวฉางเฉียนและเซียวไห่หลงลักพาตัวหม่าหลัน อยากจะส่งเธอไปที่เหมืองถ่านหินดำ ก็เพื่อที่จะล้างแก้แค้นที่ตัวเองส่งเฉียนหงเย่นไปที่เหมืองถ่านหินดำก่อนหน้านี้ พูดตามตรง หม่าหลันยังเป็นรับกระสุนแทนตัวเองระดับหนึ่ง

สืบสาวราวเรื่องจนถึงแก่นแท้แล้ว คนของตระกูลเซียวเลวก็เลวจริงๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องตาย

ยิ่งไปกว่านั้น เย่เฉินไม่ชอบอาที่หาเรื่องใส่ตัวและยโสโอหังคนนี้ของตัวเองจริงๆ ถ้าหากให้เธอฆ่าเซียวฉางเฉียนและเซียวไห่หลงเพื่อระบายความแค้น ตรงกันข้ามกันเธอก็จะได้เปรียบ สู้ให้เธออดกลั้นความโกรธแค้นนี้ไว้ไม่มีที่ระบายอารมณ์จะดีกว่า ก็ถือว่าขัดเกลานิสัยที่ทำให้คนรังเกียจนั้นของเธอ

ดังนั้นเย่เฉินเอ่ยปากพูดว่า: “ไม่ว่ายังไงเซียวฉางเฉียนและเซียวไห่หลงก็เป็นลุงใหญ่แท้ๆและลูกพี่น้องแท้ๆของภรรยาผม เป็นพี่ชายแท้ๆและหลานชายแท้ของพ่อผม ถ้าคุณฆ่าพวกเขาสองคนแล้ว งานศพที่ใหญ่โตเช่นนี้ พวกเราทั้งครอบครัวยังจะได้ฉลองตรุษจีนอีกมั้ย?”

เย่ฉางหมิ่นพูดอย่างรวดเร็วว่า: “งั้นรอหลังปีใหญ่ค่อยฆ่าพวกเขาสองคน แบบนี้ก็น่าจะได้แล้วนะ?!”

เย่เฉินโบกมือ: “ภรรยาของผม ค่อนข้างใจอ่อน ถ้าพวกเขาทั้งสองตายจริงๆ ภรรยาของผมต้องเสียใจเป็นทุกข์อย่างแน่นอน ดังนั้นปล่อยให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อไป”

เมื่อเย่ฉางหมิ่นได้ยินแบบนี้ ก็กังวลจนอึดอัดไปทั่วทั้งร่าง และอ้าปากพูดว่า: “พวกเขาทำร้ายฉันกลายเป็นแบบนี้ นายก็ต้องให้ได้ระบายความแค้นนะ!”

เย่เฉินขมวดคิ้วถาม: “แบบไหนที่เรียกว่าระบายความแค้นเหรอ? พวกเขาทั้งสองแขนขาก็หักแล้ว เกรงว่าจะทำได้เพียงทำกิจวัตรประจำวันทั่วไปอยู่บนเตียงหลายเดือนอย่างแน่นอน คุณยังไม่หายแค้นอีกเหรอ?”

“ไม่หาย!”เย่ฉางหมิ่นพูดด้วยความโกรธอย่างสุดขีด: “ไม่ฆ่าพวกเขา ความโกรธแค้นนี้ของฉันตายไปก็ไม่หาย!”

เย่เฉินตะโกนอย่างโกรธเคือง: “ไม่หายคุณก็อดกลั้นเอาไว้!!!”

เสียงคำราม ทำให้เย่ฉางหมิ่นกลัวจนตัวสั่นเทา!

เย่เฉินจ้องมองเธออย่างโหดร้าย และถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “ทั้งๆที่ตัวของคุณเอาแต่เป็นคนก่อเรื่อง อะไรนิดอะไรหน่อยก็จะฆ่าคนอื่นให้ตาย ใครทำให้คุณเสียคนกัน?!”

สีหน้าท่าทางของเย่ฉางหมิ่นหดหู่มาก พูดด้วยความสะอื้นว่า: “อาของนายเติบโตมาขนาดนี้ ไม่เคยเสียเปรียบมากเท่ากับวันนี้มาก่อน…”

เย่เฉินพูดอย่างเย็นชา: “งั้นวันนี้ก็ประจวบเหมาะให้คุณได้ลิ้นลองพอดี ที่สำคัญนี่เป็นเพียงแค่เริ่มต้น นิสัยอย่างคุณ ถ้าหากไม่เปลี่ยนแปลง จากนี้ไปคุณจะเสียเปรียบมากกว่านี้!”

พูดแล้ว เย่เฉินโบกมืออย่างหงุดหงิดเล็กน้อย: “ผมไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระกับคุณมากนัก สรุปแล้ว เรื่องราวของวันนี้ก็หยุดอยู่ตรงนี้ ผมไม่อนุญาตให้คุณเผยแพร่เรื่องนี้ไปในทางใดทั้งนั้น! ไม่อย่างนั้น ผมจะให้คุณรับผิดชอบเท่านั้น! เข้าใจมั้ย?!”

เมื่อเย่ฉางหมิ่นเห็นท่าทีของเย่เฉินไม่ได้มีความหมายว่าล้อเล่นกับตัวเองเลย ในใจก็อดไม่ได้ที่จะเต้นรัว

เธอรู้ตัวว่าเหตุการณ์นี้ในวันนี้ ตัวเองเกรงว่าจะไม่มีทางกู้หน้ากลับมาได้แล้ว

ไม่อย่างนั้น ด้วยอุปนิสัยของเย่เฉิน ไม่มีทางปล่อยตัวเองไปเด็ดขาด

ดังนั้นเธอทำได้เพียงพูดอย่างเศร้าใจว่า: “ได้…ฉันเข้าใจแล้ว…”

เย่เฉินพยักหน้า พูดกับหงห้าว่า: “หงห้า รีบจัดเตรียมบ้านในหมู่บ้านชุมชน จัดการที่อยู่อาศัยให้คุณอาท่านนี้ของฉันที่มาจากแดนไกล ให้คนจับตาดูเธอไว้ยี่สิบสี่ชั่วโมง ภายในเจ็ดวันข้างหน้าไม่อนุญาตให้ออกจากบ้านแม้แต่ครึ่งก้าว ทันทีที่ครบเจ็ดวัน ส่งเธอตรงไปที่สนามบินให้เธอกลับไป!”

หงห้าพยักหน้าในทันที: “อาจารย์เย่วางใจได้ หงห้าจะจัดการให้เรียบร้อยอย่างแน่นอน!”